ในทุก ๆ วันก็เหมือนเดิมค่ะ มองบ้างเวลาเดินผ่าน ฉันไม่มองเขา เขาก็มองฉันจนคนอื่นคิดว่าเรากำลังศึกษาดูใจกันอยู่แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่เลย ไม่ใช่คนคุยหรืออะไรทั้งนั้น พูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือไม่ได้เป็นอะไรกันนั่นแหละ
“งานสัปดาห์วิทยาศาสตร์กูไม่อยากไปเลย”
“ไม่ไปก็ได้ แต่ไม่ได้คะแนน แต่อาจารย์ไม่ได้บังคับนะ”
“ใช่ไหม? อาจารย์ไม่บังคับแต่ไม่ให้คะแนน”
“เออ”
“ฮ่า ๆ ๆ ”
อีกสามวันต้องไปดูการทดลองที่ศูนย์วิทยาศาสตร์ค่ะ แบ่งไปสามวัน ทีละสองระดับฉัน ฉันไปวันที่สามพร้อมพี่มอหก ที่บอกว่าไม่อยากไปคือมันน่าเบื่อไง แต่ดีตรงที่เจอเพื่อนโรงเรียนอื่นด้วยนี่แหละ
“อ่ะ! ขนมที่มึงคุ้นเคย” ไอ้จูนมันว่าพร้อมกับคุกกี้ที่วางลงตรงหน้าฉัน
น้อง : ใครให้เหรอจูน แบ่งกูบ้างสิ
“พี่ทิวฝากมาให้ไอ้ตาล”
แอม : เอ็งกับพี่ทิวนี่ยังไง ข้าไม่อยากยุ่งหรอกแต่ข้าอยากรู้
พลอย : เออ กูเห็นให้ขนมนี่ตั้งแต่มอหนึ่งละ สรุปยังไง
“ไม่ยังไง ไม่ได้เป็นอะไรกันด้วย”
ป๊อป : อะไรวะ! สถานะไม่ชัดเจนซะงั้น
“กูแค่แอบปลื้มเขาเฉย ๆ ไม่ได้จะอะไรขนาดนั้นสักหน่อย” ฉันพูดออกไปตามความรู้สึกของตัวเอง ยอมรับค่ะว่ามีบ้างที่แอบหวงเวลาที่คนอื่นเข้าใกล้พี่ทิว แต่ฉันก็ต้องเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าขอบเขตความรู้สึกเราอยู่ตรงไหนเพราะใครรู้สึกมากกว่าคนนั้นจะเจ็บ
จูน : กูว่ามันต้องมีตัวกระตุ้น
อีต้น : ยังไงวะ
“ไม่รู้ กูยังคิดไม่ออก”
มุข : เหมือนจะมีสาระนะ แต่ก็ได้แค่เหมือน
“ฮ่า ๆ ๆ ”
ข้ามไปวันจริงเลยแล้วกันนะคะ รถบัสทั้งหมดสิบคันค่ะ ฉันนั่งคันที่สอง ก็จะมีแต่เพื่อนในห้องและพี่สตาฟมอหกคละกันมาเพื่อดูแลน้อง แต่ความจริงก็ไม่เห็นจำเป็นหรอกพวกเราดูแลตัวเองได้
“มึงเชื่อกูไหมว่าคนสุดท้ายที่ขึ้นมาเป็นพี่ทิว”
“จูน! ถ้ามึงรู้อยู่แล้วก็ไม่ต้องเดาหรอก”
“ดีใจอ่ะดิ”
“ดีใจกับผีสิ” ก่นด่ามันไปอย่างนั้นแหละลึก ๆ ในใจก็แอบรู้สึกดีอยู่บ้าง พี่ทิวมากับเพื่อนทั้งหมดห้าคนค่ะ รวมถึงพี่ริวก็ด้วย ไอ้หมูนี่เก็บอาการไม่อยู่เลยทีเดียว
“ดูท่าทางกูจะต้องเปลี่ยนที่นั่ง”
“ถ้ามึงลุกกูโกรธ”
“แน่ใจ?”
“เออ”
มันไม่ได้ย้ายที่นั่งค่ะ แต่มันลุกไปเต้นโน่น ไม่ได้อยู่กับที่เลยตั้งแต่รถออก เพลงมันก็สนุกแหละ แต่ฉันชอบความสันโดษมากกว่า ในระหว่างที่ทุกคนสนุกสนานอีนี่ใส่หูฟังจ้ะ เปิดเพลงเล่นเกมส์ไปเรื่อย
พรึ่บ!
ใครบางคนนั่งลงข้างฉัน แต่ไม่ใช่พี่ทิวค่ะเป็นแกรมนั่นเอง
“เมื่อไหร่จะรับเพื่อนสักทีอ่ะ”
“โทษที เรายังไม่ได้จับคอมเลย”
“งั้นเอาเบอร์เธอมา”
“เรา... เดี๋ยวนะ! แกรมมานั่งคันนี้ได้ไงอ่ะ” ความจริงมันต้องอยู่คันที่หนึ่งค่ะ
“รถเต็ม”
“ใช่เหรอ?”
“เออน่า... เอาเบอร์เธอมา”
“ไอ้แกรม!! มานั่งกับกูนี่ม่อสาวอยู่ได้” คนนี้ชื่อพี่หนึ่งค่ะเขาเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับพี่ทิวและมีส่วนร่วมในวงดุริยางค์ของโรงเรียนด้วย มาถึงเขาก็กอดคอแกรมไปเลย
“เฮ้ยพี่ผมจะได้เบอร์อยู่แล้วเชียว”
“เบอร์รองเท้ากูนี่เอาไหม?”
แม้ว่าเสียงเพลงจะดังแต่ก็พอได้ยินเสียงหัวเราะจากคนด้านหลังอยู่ดีค่ะ ฉันมองตามไปแต่กลับปะทะเข้ากับสายตาดุ ๆ ของพี่ทิวแทน เห็นแบบนั้นจึงเบือนหน้าออกไปนอกหน้าต่างและเลิกสนใจเขา
ใช้เวลาเดินทางประมาณสองชั่วโมงก็มาถึงแล้วค่ะ คันของฉันถูกแบ่งเป็นสองกลุ่ม แต่ละกลุ่มจะมีพี่สตาฟดูแลด้วย ฉัน ไอ้จูน อีต้น แล้วก็มุขอยู่สายบี ที่เหลืออยู่สายเอซึ่งมีพี่ริวกับพี่หนึ่งคอยดูแล
หลังจากนัดแนะตกลงกันเสร็จก็แยกย้ายกันเข้าไปดูนิทรรศการด้านใน การทดลองวิทยาศาสตร์ต่าง ๆ เพื่อนโรงเรียนอื่นก็เยอะค่ะ มีกิจกรรมให้ทำหลายอย่างเลย
“มึง... กระเทยปวดฉี่ค่ะ” อีต้นมันว่าขึ้น
“ไปดิ ห้องน้ำอยู่ข้างหน้านี่เอง”
แยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัวเสร็จก็ออกมารอพวกมันด้านหน้า แต่อีต้นกับไอ้จูนมันมารออยู่ก่อนแล้วค่ะ ไม่รู้ว่าคุยกับใครเป็นเพื่อนต่างโรงเรียนด้วย มีทั้งผู้ชายและผู้หญิง
“คนนี้ชื่อน้ำตาล อย่าลืมที่บอกนะ” ไอ้จูนมันแนะนำพร้อมกับชี้มือมาทางฉัน ส่วนอีต้นก็เอาแต่อมยิ้มใส่
“อะไรอ่ะ”
“เพื่อนต่างโรงเรียนไง แล้วอีพลอยกับมุขออกมายังจะได้ไปกันต่อ” นอกจากจะไม่ได้คำตอบแล้วอีต้นยังเปลี่ยนเรื่องอีกด้วย ช่างมันเถอะ คงไม่มีอะไรหรอก
“มึง! คนเมื่อกี้เป็นไง”
“อะไรของมึงจูน”
“คนเมื่อกี้ไง สูง ๆ อ่ะ”
“ไม่รู้ดิ บอกไม่ถูก”
“กูให้เบอร์มึงไปด้วยแหละ”
“ว่าไงนะ?”
“มันชื่อต้น เรียนอยู่โรงเรียนชื่อดังในกรุงเทพ ไม่ไกลจากเราและไม่ใกล้ด้วย”
“...”
“อย่ามองกูแบบนี้ดิ มึงก็ไม่มีใครนี่หว่า มันโทรมาก็คุยจะปิดกั้นตัวเองทำไม ไอ้พี่ทิวมันก็ไม่ได้เข้ามาจีบมึงสักหน่อย แค่มองกันไปมองกันมา เสียเวลาฉิบหาย รักษาความเป็นตัวเองหน่อยดิวะ” ที่ไอ้จูนพูดก็จริงค่ะ หรือว่าฉันควรเปิดใจกับคนอื่นบ้างนะ
ระหว่างวันก็เดินดูนั่นดูนี่ตามปกติจนถึงเวลาเรียกรวม เขาจะมีลานเฉพาะสำหรับรอขึ้นรถอยู่แล้วไง ในนี้ก็จะมีโรงเรียนอื่นอยู่ด้วย ระหว่างนั่งรออีต้นมันก็สะกิดฉัน
“มึง...คนข้าง ๆ มึงอ่ะไอ้ต้น”
“...” เบือนหน้าไปมองเล็กน้อย แต่คนตรงหน้ากลับยิ้มให้ฉันแทน ฉันก็ยิ้มตอบกลับตามมารยาท ไม่รู้จะพูดอะไรจนเขาเป็นฝ่ายพูดก่อน
“หวัดดี เราชื่อต้นนะ”
“อืม เราชื่อน้ำตาล เรียกตาลหรือน้ำก็ได้”
“ไว้เราจะโทรหานะ รถมาแล้ว บ้ายบายครับ” มีการหันมาโบกมือให้ด้วย ยอมรับเลยค่ะว่าต้นยิ้มเก่งมาก
“แฮ่ม!! เก็บอาการหน่อย มึงจะถูกแดกหัวอยู่แล้ว” เสียงไอ้จูนดังรอดผ่านไรฟันขึ้นมา พอเงยหน้าไปมองก็เห็นพี่ทิวกำลังจ้องมองอยู่ แถมแววตาของเขายังดูไม่สบอารมณ์มากอีกด้วย แต่แล้วไงล่ะฉันไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย
“เรื่องของเขาดิ”
พอขึ้นมาบนรถ ไอ้จูนมันก็หายตัวอีกตามเคยค่ะ ที่นั่งข้างฉันจึงว่างไปโดยปริยาย แต่ก็แค่ไม่นานเพราะพี่ทิวมานั่งแทน
“นิสัยไม่ดีนั่งที่คนอื่น”
“ก็ไม่เห็นมีชื่อติดไว้นะ”
“เหอะ!” อยากนั่งก็นั่งไปส่วนฉันก็ใส่หูฟังเข้าสู่โลกส่วนตัวเหมือนเดิมจนกระทั่งรถจอดพักที่ปั้มน้ำมัน
“ตาล! ไปเข้าห้องน้ำ... โอ้โห... มีบอดี้การ์ดส่วนตัวซะด้วย” ไอ้หมูมันว่าขึ้นเพราะมันนั่งอยู่เบาะหน้าฉันไง
“บอดี้การ์ดห่าไร” ฉันสวนกลับมันไปค่ะ แต่ใครอีกคนกลับทำเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนพี่ริวต้องมาตาม
“ไอ้คุณทิวครับ เรียนเชิญกลับมานั่งที่ได้แล้วหมดเวลาของมึงแล้วครับ”
“...” พี่ทิวมองฉันแวบหนึ่งก่อนจะลอบถอนหายใจออกมา
“หน้าเป็นส้นตีนแบบนี้แสดงว่ายังไม่ได้พูด?”
“เออ”
พูด? ... พูดอะไรนะ แล้วทำไมเราต้องสนใจด้วย