เมื่อรัตติกาลเหนือท้องนภาแห่งมหานครธีบส์คืบคลานเข้ามาหาหลังทวยเทพแห่งฟากฟ้ากล่าวอำลาแก่ทิวาวาร คบเพลิงส่องทางยังคงสว่างไปทั่วทั้งมหาราชวังริมฝั่งไนล์
ร่างเพรียวบางซึ่งสวมผ้าคลุมสีทะมึนปกปิดใบหน้าไว้อย่างมิดชิดค่อย ๆ ก้าวย่างหลีกหลบสายตาของทหารยามไปตามเงามืดของโคนเสาไพลอนขนาดมหึมาที่ทอดตัวใต้คบไฟในยามค่ำคืนกระทั่งถึงทางออกร่างนั้นจึงใช้ความว่องไวพุ่งไปแอบข้างกำแพงที่รกเรื้อด้วยพงต้นกกเพื่อลัดเลาะตามทางในมุมอับของพระราชวังใต้เวิ้งฟ้าที่มีดวงดาวพรายระยับ
“อุ๊ย!...”
เจ้าของร่างในผ้าคลุมอุทานออกมาด้วยความตระหนกเมื่อไหล่ทั้งสองถูกดึงเข้าไปชิดกำแพงจามด้วยร่างสูงใช้กายหนาใหญ่ตรึงเอาไว้ก่อนถลกผ้าคลุมสีนิลออก
“เมมนอน!”
“องค์หญิง!...พระองค์กำลังจะไปไหน!”
ราชองครักษ์หนุ่มถามเสียงลอดไรฟันและทำหน้าประหลาดใจอย่างที่สุดเมื่อเห็นว่าผู้ต้องสงสัยในชุดดำคือใคร หลังเดินตรวจตราดูความเรียบร้อยรอบตำหนักเขาไม่นึกว่าคนในผ้าคลุมท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ ที่ผลุบออกมาจากห้องของเจ้าฟ้าหญิงเนเฟอร์ติตีจะกลายเป็นนางเสียเอง
หลายวันมานี้เขาสังเกตเห็นกิริยาอาการของเจ้าฟ้าหญิงดูแปลกเปลี่ยนไป หากก็มิเคยเอ่ยถามอันใดด้วยหน้าที่ทำให้ต้องคอยดูเพียงห่าง ๆ เนเฟอร์ติตีดูเลื่อนลอยและเสมือนมีบางอย่างทำให้ประกายอันส่องสว่างบนพระพักตร์แสนงามเลือนจางอย่างมิอาจหยั่งเห็น
“เมมนอน...ข้า...”
นางยังมิทันได้อธิบายก็ถูกแขนกำยำของชายหนุ่มกอดกระหวัดและดันให้ชิดกำแพงเมื่อด้านบนตำหนักมีทหารเดินถือคบเพลิงผ่านไป น่าประหลาดที่เจ้าหญิงมิได้รู้สึกอึดอัด ทว่ากลับมีความยินดีในส่วนลึกหลั่งไหลอยู่ในพระทัยอันหวั่นหวามยามใบหน้าคมเข้มแนบลงบนพระเกศาอ่อนนุ่ม เมมนอนทำราวประหนึ่งต้องการปกป้องพระองค์จากสายตาของเหล่าทหารด้วยกระนั้น
“องค์หญิง...ยามวิกาลเช่นนี้ท่านมิควรออกมานอกตำหนัก รู้หรือไม่ว่าอันตรายมากแค่ไหน”
ชายหนุ่มเอ็ดพระขัตติยาเบาๆ ด้วยเกรงเสียงนั้นจะลอดเข้าหูข้าราชบริพารที่อยู่เวรยามในค่ำคืน ราชองครักษ์คลายอ้อมแขนหากก็ยังกักร่างของนางไว้ในอ้อมอกหลวม ๆ
“ข้าเพียงอยากออกไป...นอกกำแพงนั่น...กำแพงของราชวังแห่งธีบส์”
ทรงตรัสเสียงแผ่วราวสายลมอ่อนเบาทว่าเหน็บนาวนักในดินแดนแห่งทะเลทรายแม้อยู่ใกล้นทีสายยาวที่พาดผ่านอาณาจักรไอยคุปต์ หากแต่ในรัตติกาลนี้สายลมแม้เยือกเย็นเพียงไหนก็มิอาจแทรกลงได้ในใจกลางพระทัยอันอบอุ่น
เนเฟอร์ติตีสบกับสายตาเข้มคมที่ช่างเด่นชัดแม้ละอองไอแห่งความมืดแผ่ลงมาโอบคลุมอยู่รอบคนทั้งสอง
“หม่อมฉันคง...”
“ปล่อยให้ข้าไปไม่ได้...ท่านคงจะกล่าวกับข้าอย่างที่ท่านกล่าวออกมาทุกครั้ง ราชองครักษ์แห่งฟาโรห์!”
“องค์หญิง...หากพระองค์เป็นเพียงสตรีสามัญ กระหม่อมอาจไม่รู้สึกลำบากใจเช่นนี้ หากคนในตำหนักรู้ว่าพระองค์หายไปอาจเกิดความวุ่นวายขึ้นอีกหน”
นางมิยอมตรัสอันใดเพื่อจะบอกเล่าให้เขารู้ว่าคล้อยหลังที่แสร้งบอกพระนมคูอิตว่าอยากเข้าบรรทมให้เร็วสักหน่อยและคอยดูดีแล้วว่ามิมีผู้ใดอยู่กวนพระทัยภายในห้องจึงใช้ผ้าคลุมเร้นกายออกมาภายนอกโดยความเร่งรีบทำให้ลืมนึกไปว่านางยังอยู่ในสายตาที่คอยระแวดระวังของราชองครักษ์ตามบัญชาของพระบิดา
“ข้าปรารถนาจะออกไปข้างนอกนั่นเพื่อยืนบนฝั่งแม่น้ำ มองสายนทีแห่งไนล์ไหลเอื่อยใต้ท้องฟ้าในอ้อมกอดของเทพนัตยามค่ำคืน...หากท่านมิอาจช่วยข้าได้ ก็จงปลดปล่อยข้าไป แม้ชั่วยามเดียวเพื่อหัวใจของข้าจะได้เป็นอิสระจากพันธนาการแห่งความฝัน”
“ข้ามิอาจปลดปล่อยท่านได้...”
เมมนอนตอบกลับไปด้วยเสียงอันเบาเช่นกันหากทว่าดวงตาอันดุดันยามนี้มีประกายอันนุ่มนวลฉายชัดออกมาจนเจ้าฟ้าหญิงรู้สึกสับสนในพระทัยยิ่ง
“ข้าคงปลดปล่อยองค์หญิงจากพันธนาการมิได้...เพียงลำพัง...หากแต่ข้าจะพาท่านไปที่นั่นเอง”
น้ำเสียงอันแน่นหนักของราชองครักษ์ทำให้พระพักตร์ที่เริ่มหม่นหมองกลับพร่าพรายด้วยความหวัง รอยแย้มสรวลบนริมโอษฐ์อิ่มช่างนุ่มนวลจับหัวใจของชายหนุ่มแม้มิปรารถนาให้นาทีนี้ล่วงเลยหากก็มิอาจอยู่ ณ ที่นี้นานได้ด้วยเกรงมีผู้ผ่านมาพบเห็น
“เมมนอน...ข้าเพียงต้องการออกไปสู่ดินแดนนอกกำแพงที่ข้ามิเคยได้เห็น แต่...ท่านจะพาข้าออกไปพ้นจากประตูวังได้อย่างไรเล่า ในเมื่อมีเหล่าทหารเฝ้าอยู่เต็มไปหมด”
“แล้วพระองค์จะออกไปอย่างไร...หากต้องการออกไปจากที่นี่เพียงลำพัง”
เมื่อถูกถามกลับมาเช่นนั้นเนเฟอร์ติตีกลับมิมีคำตอบอันใดนอกจากสายพระเนตรอันว่างเปล่าด้วยจนพระทัย เมมนอนระบายลมหายใจเบา ๆ ก่อนพูดกับคนในอ้อมแขน
“องค์หญิงทรงรั้นเยี่ยงนี้อย่างไรเล่า...หากคิดจะกระทำการสิ่งใด ควรต้องทรงวางแผน มิใช่คิดแต่จะเอาตามแต่พระทัยเอง”
“ถ้าเช่นนั้นข้าควรต้องกลับไปยังตำหนัก ล้มตัวลงนอน โดยมีท่านคอยเฝ้าหน้าห้องดุจเดิม”
พระสุรเสียงนั้นเริ่มกระเง้ากระงอดจนราชองรักษ์หนุ่มเผลอรั้งร่างบางซึ่งทำทีจะผละออกไว้แน่นขึ้น
“หากพระองค์มิทรงวางแผนแล้วจะออกจากมหาราชวังไปสู่เบื้องนอกได้อย่างไร”
“ข้ามิมีแผนอันใด...”
“ท่านมิอาจผ่านเหล่าทหารไปทางทวารใหญ่ของมหาราชวังได้แน่ แต่หากพระองค์ไปในที่ ๆ ผู้อยู่เวรยามมิใช่ทหารก็อาจรอดพ้นไปได้จากกำแพงวัง หม่อมฉันกำลังจะบอกพระองค์ว่า หากเราออกไปทางวิหารคาร์นัคมุ่งตรงไปยังริมฝั่งไนล์ ก็ดูจะง่ายกว่าและมิทันเป็นที่สังเกตแก่เหล่านักบวชในที่นั้น”