ชั่วขณะหนึ่งในความชิดใกล้ชายหนุ่มราวนึกอะไรได้ก่อนรีบคลายวงแขนจากพระธิดาของผู้อยู่เหนือหัว
“ขอพระราชทานอภัย...กระหม่อม...”
“เมมนอน...”
เมมนอนทำทีจะถอยห่างหากแต่พระหัตถ์เรียวบางที่เอื้อมมาแตะแขนนั้นไว้ทำให้เขาต้องชะงักงันต่อกิริยาของเจ้าฟ้าหญิง
“โอ...ข้ามิได้ปรารถนาในสิ่งใด...ข้าดีใจมากที่ท่านจะช่วยปลดปล่อยข้าจากความรู้สึกที่ตัวเองยังเป็นเจ้าหญิงแห่งธีบส์ในบัดนี้ ข้าเพียงปรารถนายินเสียงน้ำไหลเบื้องนอกนั่น มิใช่น้ำนิ่งในสระบัวเฉกบึงในวิหาร เดือนดาวนั้นคงจะงามมากกว่านักหากข้าได้เฝ้าคอยมองมันจากเบื้องล่างบนผืนทรายริมฝั่ง ข้าปรารถนาจะได้เห็นความงามบนโลกหล้า ก่อน อมุน-รา จะบันดาลชีวิตของข้าเบื้องหลังจากนี้”
“ราชองครักษ์เมมนอน...ค่ำมืดเช่นนี้ท่านกำลังจะไปไหนรึ?”
เสียงทุ้มต่ำของชายวัยกลางคนศีรษะโล้นเลี่ยนนุ่งผ้าลินินสั้นแค่เข่าและห่มหนังเสือดาวที่ยังไว้หางบ่งบอกสถานะการเป็นหัวหน้านักบวชทำให้เจ้าของร่างสูงบึกบึนซึ่งเดินถือคบเพลิงมาพร้อมร่างเล็กในผ้าคลุมมิดชิดค้อมตัวต่ำต้องหยุดชะงักขณะมุ่งหน้าไปยังทางออกหลังกำแพงชั้นสุดของมหาวิหารคาร์นัคซึ่งเบื้องหน้าสองข้างทางขนาบด้วยสฟิงค์รูปหัวแพะเป็นแนวยาวสุดลูกตา
“ท่านเมริเนอิธ...”
เมมนอนก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อแสดงความเคารพต่อผู้ที่ได้ชื่อว่าอยู่เหนือนักบวชทั้งปวงและได้รับความไว้วางพระทัยจากเทพ อมุน- รา รองลงมาจากฟาโรห์
“ข้ากำลังจะพาหญิงนางนี้ไปส่งที่บ้านของนาง...นางเป็นโรคติดต่อ ปล่อยไว้นานเกรงจักเป็นอันตราย”
เมริเนอิธเอียงคอมองไปยังผู้อยู่ใต้ผ้าคลุมชั่วแวบก่อนจะหันกลับมายังราชองครักษ์หนุ่ม
“เจ้าจะพานางไปส่งรึ?...จะไปอย่างไร?”
“บ้านของนางอยู่ริมฝั่งน้ำห่างจากนี้ไปไม่ไกล ข้าว่าจะพานางนั่งเรือออกไปทางคลองหน้าวิหาร”
นักบวชแย้มริมฝีปากบนใบหน้าที่มีริ้วรอยออกมา ดวงตาคู่นั้นฉายแววแห่งความมีเมตตา จมูกยาวงุ้มแสดงภูมิของผู้รอบรู้ เมริเนอิธคือหัวหน้านักบวชแห่งวิหารคาร์นัคซึ่งได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยจากองค์ฟาโรห์ให้ดูแลกิจการงานด้านศาสนารวมถึงพิธีกรรมอันเกี่ยวข้องด้วยการบูชาสักการะทวยเทพผู้ยิ่งใหญ่แห่งธีบส์ในวิหารทั้งสามคือ อมุน-รา เทวีมัต และคอนซู ตลอดมา เมริเนอิธหันไปยังทางด้านหน้าวิหารซึ่งทอดยาวหายไปในความมืดก่อนจะเปรยขึ้น
“มีเรืออยู่ที่ท่าน้ำ พายเรือออกไปตอนกลางคืนระวังหน่อยก็แล้วกัน นี่ก็ใกล้ฤดูน้ำหลาก อีกไม่นานชาวธีบส์ก็จะได้เฉลิมฉลองในเทศกาลโอเป็ตกันอีกครั้ง องค์ฟาโรห์ก็จักได้รับพลังอันยิ่งใหญ่เพื่อต่อพระชนชีพและพระพลานามัยไปพร้อมทวยเทพอีกหนึ่งปี”
“ถ้าเช่นนั้น ข้าจะรีบพานางไปก่อน ขอเทพ อมุน-รา อำนวยพรแก่ท่านสังฆราชเมริเนอิธด้วย”
เมมนอนรีบตัดบทสนทนาย่างรวดเร็วซึ่งก็ดูเหมือนมิได้เป็นที่สังเกตแก่เมริเนอิธเท่าใดนัก กระทั่งที่ทั้งสองเดินจากไปประกายแวววาวจากรองเท้าสานทองคำซึ่งโผล่ออกมาจากชายผ้าคลุมทำให้นักบวชผู้อยู่ในมัจฉิมวัยหยุดชะงักมองคนทั้งคู่ที่เดินลับหายไปในความมืด
“เมมนอน!...ท่านสังฆราชจะสงสัยอันใดหรือไม่?”
เนเฟอร์ติตีละล่ำละลักถามขณะเลิกผ้าคลุมเผยพระพักตร์อันตื่นกลัวออกเมื่อมาถึงท่าน้ำอันเงียบเชียบ รอบ ๆ นั้นมืดทะมึนเห็นเพียงแสงสะท้อนของดวงจันทร์เหนือผิวน้ำนิ่งสนิทในคลองเล็กซึ่งทอดตัวยาวออกไปยังลำน้ำสายใหญ่
เจ้าหญิงก้าวพระบาทอย่างระแวดระวังลงประทับในเรือลำเล็กซึ่งเป็นนาวาทำจากต้นกกหากก็ดูแข็งแรง
“รับไว้ กระหม่อม”
เมมนอนยื่นคบเพลิงให้นางก่อนจะก้าวตามลงไปและหยิบไม้พายมาไว้ในมือขณะมองมันอย่างชั่งใจ
“ท่านสังฆราชเมริเนอิธอาจมิทันได้สนใจด้วยซ้ำ พระองค์อย่าทรงกังวล”
“ท่านฉลาดนักที่พาข้ามาทางนี้...แล้วนี่เราจะไปทางไหนกัน?”
เนเฟอร์ติตีมองไปรอบ ๆ ซึ่งแสงจากคบเพลิงสาดไปถึงแค่โคนป่ากกที่ขึ้นรกเรื้อริมฝั่งน้ำและความรู้สึกแปลกใหม่ในการนั่งเรือลำเล็กเหนือท้องนทีกระเพื่อมไหวโยกลำเรือเอียงไปมาน่าตื่นใจนัก
“คลองหน้าวิหารนี้ยาวออกไปยังลำน้ำไนล์ เป็นเส้นทางน้ำออกไปสู่วิหารลักซอร์อย่างไรเล่าพะย่ะค่ะ...กระหม่อมจะพายเรือพาองค์หญิงออกไปถึงสายน้ำใหญ่ แต่คงมิอาจไปไกลกว่านี้ได้ เกรงว่าต้องรีบพาพระองค์กลับไปยังตำหนัก”
“ใยเราต้องเร่งร้อน แม้แต่สายน้ำก็ยังไหลเอื่อยช้าเช่นนี้”
เมมนอนไม่ตอบ หากแต่จุ่มปลายแบนของไม้พายลงไปในน้ำและออกแรงจ้ำเบา ๆ ให้เรือลำน้อยหันเหออกไปยังเส้นทางซึ่งทอดยาวออกไปสู่ความมืดเบื้องหน้า นาวาปาปิรัสท้องแบนพาคนทั้งสองลอยล่องลัดเลาะไปตามชายป่ากกที่ลำต้นแทงยอดสูงใหญ่ขึ้นเหนือผิวน้ำทำให้บรรยากาศรอบ ๆ ดูคล้ายแดนลี้ลับหากแต่น่าค้นหาสำหรับผู้มาเยือน
นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าฟ้าหญิงแห่งธีบส์มีโอกาสมาสูดหายพระทัยเพื่อรับละอองไอแห่งความงามยามรัตติกาลเบื้องนอกราชวัง เนเฟอร์ติตีนิ่งมองเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่ใช้แขนแข็งแกร่งออกกำลังแรงพายอย่างชำนิชำนาญ ทั้งอดไม่ได้ที่พระทัยเต้นระทึกยามดวงเนตรจับจ้องอยู่บนใบหน้าคมคายอย่างร้ายกาจนั่น
ราชองครักษ์หนุ่มจะมีสตรีใดในหัวใจบ้างหรือไม่?
ทรงตั้งคำถามในส่วนลึกทว่าก็มิกล้าบอกกับพระองค์เองด้วยเกรงจะพบคำตอบอันน่าผิดหวัง
“ข้าอยากออกมานั่งเรือเล่นเช่นนี้ในทุกค่ำคืน”