มหาราชตรัสแล้วจึงผินพระพักตร์ไปยังราชองครักษ์หนุ่ม
“เมมนอน! แต่นี้ไปเจ้ามีหน้าที่คอยระแวดระวังความปลอดภัยให้ธิดาแห่งเราตลอดเวลา ข้าจะให้พวกทหารสืบหาผู้ร้ายที่บังอาจย่างกรายเข้ามาถึงที่แห่งนี้ให้จงได้ หากเนเฟอร์ติตีได้รับอันตรายฤาบาดเจ็บอีกฉันใด เจ้า!...เมมนอนต้องได้รับโทษจากเราโดยมิมีข้อยกเว้น
“รับด้วยเกล้าพะย่ะค่ะ...กระหม่อมจะคอยดูแลและคุ้มกันองค์หญิงเนเฟอร์ติตีอย่างดีที่สุดเทียบเท่าชีวิตของกระหม่อมเอง”
เสียงทุ้มลึกและแน่นหนักจากราชองครักษ์หนุ่มสร้างความพึงพอพระทัยแก่ผู้เป็นเจ้าเหนือหัวยิ่งนัก รามเสสแย้มพระโอษฐ์เพียงน้อยก่อนเสด็จออกจากพระราชฐานอันเป็นตำหนักฝ่ายในของพระธิดาพร้อมกับมเหสีเอกผู้เป็นที่รักยิ่ง พระนางเนเฟอร์ตารี
“องค์หญิงเพคะ...”
คูอิตรีบรุดเข้าไปหาพระธิดาซึ่งประทับอยู่บนแท่นบรรทมโดยพระพาหุถูกรัดไว้ด้วยผ้าลินินบนแผลที่พระองค์ทรงได้รับมาจากคนร้ายที่บุกเข้ามาในตำหนัก
“คูอิต...เจ้าร้องไห้ทำไม เห็นหรือไม่ว่าเราไม่เป็นไรแล้ว หมอหลวงมาทำแผลให้เราอย่างดี ก็แค่รอยมีดปาด มิได้มีอันใดร้ายแรง”
เนเฟอร์ติตีตรัสเบา ๆ กับพระนมซึ่งนั่งคุกข่าหลั่งน้ำตาอยู่แนบเบื้องพระบาทเรียวบางขณะที่มือมีริ้วรอยลูบไล้ไปมาบนรองพระบาทสานด้วยทองคำ
“ความผิดทั้งหมดควรตกอยู่แก่หม่อมฉันเพคะ...องค์หญิง องค์ฟาโรห์และพระมเหสีทรงไว้วางพระทัยให้คูอิตดูแลองค์หญิง แต่หม่อมฉันกลับละเลยจน...จน...”
เสียงสะอื้นไห้ทำให้ผู้ตกเป็นคนถูกปลอบเสียเองคือพระนมในวัยกลางคน ในขณะเดียวกันที่ร่างสูงใหญ่ของราชองรักษ์ค่อย ๆ หยัดกายลุกขึ้นและกำลังจะหันกลับออกไปจากห้องบรรทมมีอันต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงของเจ้าหญิงดังขึ้น
“ช้าก่อน!...ท่านองครักษ์...ท่าน...”
“เมมนอน พะย่ะค่ะ”
ชายหนุ่มตอบกลับไปด้วยเสียงอันเยียบเย็นและยังคงก้มหน้าขณะมือข้างหนึ่งกุมด้ามดาบที่บั้นเอวมิวาง
“ท่านกำลังจะไปไหนรึ?”
“กระหม่อมมีหน้าที่เฝ้าระวังความปลอดภัยให้แก่องค์หญิง กระหม่อมต้องตรวจตราดูความเรียบร้อยในตำหนักของพระองค์พะย่ะค่ะ”
“เสด็พ่อตรัสกับท่านเช่นใรกัน”
“อย่าได้ปล่อยให้องค์หญิงคลาดสายตา...พะย่ะค่ะ”
น้ำเสียงนั้นยังคงราบเรียบ แต่แล้วนัยน์ตาเข้มกลับต้องสบกับพระเนตรอันงดงามที่ทรงทอดตรงมา เมมนอนบอกกับตัวเองว่าไม่เคยเห็นธิดาผู้มีสิริโฉมเป็นที่เลื่องลือปานกันกับพระนางเนเฟอร์ตารีชัดเจนเลยแม้เพียงหน และความไม่ตั้งใจที่ต้องมารับหน้าที่จากบัญชาของฟาโรห์กลับทำให้มีบางอย่างจุดประกายขึ้นภายในส่วนลึกของเลือดเนื้อนักรบผู้มิเคยผูกใจต่อสตรีใดมาก่อน
“เราเพียงจะบอกว่า...ไม่จำเป็นที่ท่านต้องมาติดตามเราทุกฝีก้าว ท่านอาจไปปฏิบัติหน้าที่อื่นใดที่สำคัญมากกว่าการต้องดูแลเราตลอดเวลา”
“นี่เป็นหน้าที่อันสำคัญยิ่งของกระหม่อม มิมีหน้าที่อื่นใดสำคัญเกินกว่าพระบัญชาขององค์ฟาโรห์...โปรดวางพระทัยเถิดพะย่ะค่ะ องค์หญิงสำคัญเสมอ กระหม่อมขอตัวออกไปอยู่หน้าห้องบรรทมก่อน”
เมมนอนถอยกลับไปยังประตูห้องซึ่งงดงามด้วยรูปสลักแห่งทวยเทพบนบานไม้ซีดาร์ก่อนหันหลังและก้าวพ้นออกไปจากธรณีประตู
“ท่าทางราชองครักษ์ของฟาโรห์คนนี้หน่วยก้านดีไม่เบานะเพคะ แต่ดูเคร่งขรึมไม่ใคร่พูดจา หากก็นับได้ว่าเป็นราชองครักษ์ที่หน้าตาดีมากเลยเพคะ”
คูอิตมองตามบุรุษร่างสูงใหญ่โดยมิทันได้สังเกตว่ามีประกายระยับพรายอยู่ในดวงเนตรทั้งสองของผู้ที่ได้สดับฟัง เนเฟอร์ติตีเผลอแย้มพระโอษฐ์เพียงบางเบา จริงดั่งที่พระนมของนางว่า ใช่แต่จะเป็นราชองครักษ์ที่มีใบหน้าอันดึงดูด ท่าทีเงียบเฉยนั้นเล่าดุจสายน้ำไนล์ยามสงบน่าค้นหา ผู้ที่ต้องทำหน้าที่ดูแลนางจักเป็นคนเช่นไร ในพระทัยดวงนั้นให้นึกกังขายิ่งนัก
******************
“มาเอีย!...ท่านแม่ล่ะ”
น้ำเสียงอันกราดเกรี้ยวทำให้นางกำนัลซึ่งเฝ้าอยู่หน้าตำหนักของพระสนมในฟาโรห์ต้องรีบผลักบานประตูห้องให้ร่างระหงของหญิงสาวอายุราวสิบเจ็ดภายใต้แพรพรรณของบุคคลชั้นสูงภายในมหาราชวังเดินลงส้นอย่างไม่สบอารมณ์เข้าไปด้านใน
อังเคเซนามุนก้าวผ่านผ้าม่านบางเบาที่ได้รับการตกแต่งอย่างหรูหราก่อนจะพบว่ามีใครคนหนึ่งในชุดดำโพกศีรษะและปิดหน้าอย่างมิดชิดเดินสวนกลับออกมาจากภายในห้องมารดาของนา หากแต่ไม่ทันได้กล่าวว่ากระไรเสียงของนางสนมไอดุตก็เรียกนางเข้าไปหา
“อังเคเซนามุน...เจ้ามาหาแม่รึ?”
“ท่านแม่!”
เสียงของนางยิ่งเกรี้ยวกราดเมื่อก้าวเข้าไปหยุดตรงหน้าผู้เป็นมารดาภายในห้องซึ่งดูมิดชิดภายในตำหนักอีกฝั่งฟากของราชวัง ที่แห่งนี้คือสถานอันเป็นแหล่งพำนักแก่นางในของราชันผู้ยิ่งใหญ่อย่างรามเสสซึ่งมีนางสนมในฮาเร็มนับร้อยหากก็มิมีผู้ใดได้รับการยกย่องเชิดชูเท่าเนเฟอร์ตารีมเหสีเอก
ไอดุตก็คือหนึ่งนางในที่รั้งตำแหน่งได้แค่สนมปลายแถวซึ่งให้กำเนิดธิดาอย่างอังเคเซนามุน ผู้มีอายุไล่เลี่ยกันกับเนเฟอร์ติตี ทั้งรูปร่างหน้าตาก็มีส่วนละม้ายคล้ายกัน ต่างเพียงศักดิ์เท่านั้นที่มิได้กำเนิดแต่มเหสีหลวง