เร่งรัก : EP4

1229 คำ
CHAPTER 2 “กูโทรหามึงไม่ติดเลย” ผมเดินเข้ามานั่งลงบนโซฟาหนังสีน้ำตาลที่ยาวและโค้งเป็นครึ่งวงกลม ภายในสถานบันเทิงย่านใจกลางเมือง ที่นี่มีพี่เอ็กซ์เป็นเจ้าของ เวลาเข้ามาก็จะได้ส่วนลดมากหน่อย คนที่ทักผมเมื่อกี้ก็คือไอ้ปืน ผมมองหน้ามันนิ่ง ๆ ไม่ได้ตอบอะไร และรับแก้วเครื่องดื่มที่มีสาวสวยมานั่งชงให้ดื่ม ผมยิ้มบาง ๆ ให้เธอไปตามมารยาท อันที่จริงก็ไม่ต้องการหรอกนะ อยากชงดื่มเองมากกว่า ขี้เกียจยิ้มให้ใคร “โทรศัพท์มึงพังหรือเปล่า” พี่ภูมิเอ่ยถาม ผมจึงส่ายหน้าเล็กน้อยให้เป็นคำตอบ “ไม่พังแล้วทำไมโทรไม่ติดวะ กูโทรตั้งแต่เช้าละ” พี่ลมถาม สงสัยจะโทรหาผมกันครบทุกคนเลยมั้ง ผมกระดกเครื่องดื่มสีอำพันเข้าปากไปอึกใหญ่ และจิ้มแหนมกระดูกอ่อนหมูเข้าปากตามไป ผมเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าแต่ละคนกำลังมองผมอยู่ ก็ไม่เข้าใจว่ามองทำไม “ไร?” ผมเอ่ยถามสั้น ๆ และคว้าแก้วเครื่องดื่มมากระดกดื่มอีกครั้ง แก้เขินที่ถูกจ้องมอง “โทรศัพท์ไม่พังแล้วทำไมถึงโทรไม่ติด มึงปิดเครื่อง?” พี่ดินถาม ทำไมทุกคนดูข้องใจกับโทรศัพท์มือถือของผมขนาดนี้ ผมเอาโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดให้ทุกคนเห็นว่าไม่ได้ปิดเครื่องสักหน่อย “แล้วทำไมไม่ติดวะ” พี่เอ็กซ์ย่นหัวคิ้วเข้าหากัน “โทรมาทำไม” ผมไม่ตอบและเป็นฝ่ายถามกลับไป วันนี้ว่างไม่มีเรียนก็เลยไม่ต้องไปมหา’ลัย ผมก็นอนอยู่แต่ในห้องจะโทรมาทำไมนักหนาล่ะ มีอะไรก็เดินเข้ามาหาในบ้านซะก็จบแล้ว “ก็จะย้ำว่าอย่าลืมนัดคืนนี้” พี่ลมตอบ “สรุปว่าโทรศัพท์เป็นเชี่ยอะไรถึงโทรไม่ติด” “ค้างจ่ายแล้วโดนตัด?” ผมยังไม่ทันได้ตอบพี่เกมส์ ไอ้ปืนก็ถามแทรกขึ้นมา ไอ้นี่ก็คิดบ้า ๆ ว่าค้างจ่าย ก็บอกว่ารวยไง จะค้างเพื่อ? ไอ้พวกนี้นิ ถามอะไรไม่รู้เรื่อง ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วกลั้นใจตอบกลับไป “เครื่องบิน” “งง เครื่องบินอะไรของมึง” พี่ดินเกาหัวตัวเองแกรก ๆ คนอื่น ๆ ก็ดูลุ้นกับคำตอบของผม จะมีก็แต่ไอ้กราฟและไอ้มาร์ชที่นั่งขำคิกคักกันอยู่สองคน “เปิดโหมดเครื่องบินไว้” พอผมตอบไปแบบนั้นผมก็นั่งเกร็งลุ้นว่าจะโดนด่าขนาดไหน แต่ไม่เลย… แต่ละคนนั่งอ้าปากค้าง มีแต่ไอ้เพื่อนรักทั้งสองที่ยังคงหัวเราะไม่เลิก “ฮ่า ๆ ๆ ยังไม่ชินอีกเหรอที่ไอ้ไฟชอบเปิดโหมดเครื่องบินอะ” ไอ้กราฟหัวเราะแล้วเอ่ยขึ้นมา ทุกคนส่ายหน้าช้า ๆ ให้เป็นคำตอบ ที่จริงก็ควรชินนะ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เปิดโหมดเครื่องบิน เปิดโคตรจะบ่อย ชอบเปิดมานานแล้วด้วย เวลาที่ต้องการความเป็นส่วนตัวก็จะเปิดอยู่เป็นประจำแต่ส่วนมากเวลาที่เปิดคืออยู่ในบ้าน ถ้ามีอะไรก็มาเคาะห้องเรียกก็จบละ “กูเหนื่อยใจกับมัน” พี่ลมส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วหันหน้าหนี พอหันหน้าไปแล้วท่าทางของพี่ลมก็ดูแปลกไป ตอนแรกก็ทำหน้าตกใจแล้วเปลี่ยนเป็นกระตุกยิ้ม ก็คงจะเจอสาวที่ถูกใจ อีกสักครู่คงจะลุกไปหาตามสเต็ป “มึงเห็นเหมือนกูปะ” พี่ลมถามพี่ดิน พี่ดินก็พยักหน้าให้เป็นคำตอบ “ผมก็เห็น” ไอ้ภีมพูดขึ้นมา แล้วมันก็ยกยิ้ม “มึงอยากรู้ปะไอ้ไฟ ว่าพวกกูเห็นอะไร” พี่ดินหันมาถาม หัวคิ้วของผมย่นเข้าหากัน ก่อนจะยกนิ้วขึ้นชี้เข้าหาตัวเองด้วยความงง ผมต้องอยากรู้ด้วยเหรอ? ผมส่ายหน้าเล็กน้อยให้เป็นคำตอบ มาผับแบบนี้ก็มีอยู่แค่ไม่กี่อย่างหรอก ยิ้ม ๆ กันแบบนี้ก็คือเห็นสาว ซึ่งก็คงสวยมาก ๆ เซ็กซี่มาก ๆ หรือไม่ก็พวกดารา ก็เห็นบ่อยจนเป็นเรื่องปกติ เมื่อได้คำตอบจากผมสามคนนั้นก็ทำหน้าเอือมระอา อะไรของพวกมันวะ ผมแค่ไม่อยากรู้ทำไมต้องทำหน้าเอือมด้วย ไม่เข้าใจ… “เอาเป็นว่ากูอยากบอก กูเห็นไอติม” ไอ้ภีมบอกกับผม มันยิ้มร่าได้ครู่หนึ่งก็เปลี่ยนเป็นเรียบเฉยแล้วเกาท้ายทอยตัวเองแรง ๆ ก่อนจะพูดต่อ “กูเหนื่อยใจกับไอ้ไฟ แม่งไม่คิดจะตกใจเลยมั้ง” “มึงแกล้งทำหน้าตกใจทีซิไอ้ไฟ กูอยากเห็นหน้ามึงตอนตกใจ” ไอ้ปืนมองหน้าผมแล้วเอ่ยขึ้นมา มุมปากของผมยกขึ้น แสยะยิ้มเล็กน้อย ก็คนไม่ตกใจจะให้ทำหน้าตกใจ มึงบ้าหรือเปล่า? “ไอติมอะไอติม” ไอ้มาร์ชเอ่ย เหมือนพยายามบิลด์อารมณ์ให้ผมตกใจ “ผับไม่มีไอติมขาย” ผมเอ่ยออกมา นี่หรือเปล่าที่ทุกคนกำลังสื่อ “พ่อง!” พี่ดินพูดใส่หน้าผม ก็พ่อคนเดียวกันปะวะ พี่ลมก็คงคิดแบบผมอะถึงได้สะบัดฝ่ามือลงกลางกบาลพี่ดิน “ไปตายไปไอ้ไฟ” “ตายไม่ได้ ถ้ามันตายใครจะแข่งรถวะ” ไอ้กราฟหันไปพูดใส่หน้าไอ้ปืน “ไอติมจริง ๆ ว่ะ กำลังเดินมาทางนี้แล้ว” พี่เกมส์เอ่ยขึ้นมา ผมเบิกตาโตด้วยความตกใจ ไอติมเดินได้นี่มันไอติมของผมแล้ว ผมเกร็งจนนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อนไปทางไหน ทุกคนที่นั่งอยู่ด้วยกันต่างพากันหัวเราะ “เป็นบุญตาของกูที่ได้เห็นหน้าไอ้ไฟตอนตกใจ” พี่เอ็กซ์พูดจบก็กลั้วหัวเราะ ยังจะมาหัวเราะผมอีกนะ! “ไอติม! จำเราได้เปล่า เราภีมไง” ผมแทบหยุดหายใจที่ไอ้ภีมเรียกไอติมและยังชวนคุย ผมไม่กล้าที่จะหันไปทางข้างหลังที่ทุกคนกำลังมองไป ยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้า ผ่านมากี่ปีก็ไม่พร้อม แค่รู้ว่าไอติมอยู่ใกล้ ๆ หัวใจก็เต้นโครมคราม สูญเสียความเป็นตัวเองโคตร ๆ หากต้องหันหน้าไปหาหรือคุยอะไรด้วย หัวใจอาจจะเด้งผ่านเนื้อหนังออกมาเต้นตุบ ๆ อยู่ข้างนอกแน่ ๆ ก็เวอร์ไปหน่อย ถ้าเป็นขนาดนั้นคือตายแล้ว! แต่ทำไมถึงเงียบ… ไม่มีเสียงใด ๆ ตอบกลับมา ไอติมไม่คุยกับไอ้พวกนี้เหรอวะ ผมปรับลมหายใจให้เป็นปกติไม่หายใจแรงเหมือนเมื่อสักครู่ หัวคิ้วขยับย่นเข้าหากันอีกครั้งแล้วมองหน้าทีละคน “ฮ่า ๆ ๆ ๆ” แต่ละคนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น หัวเราะขนาดนี้แสดงว่าผมถูกแกงหม้อใหญ่แน่ ๆ ไอ้สัส! เล่นซะเกือบหยุดหายใจ ผมค่อย ๆ หันไปมองทางด้านหลัง “ติม…” เสียงแผ่วเบาหลุดออกจากปากของผม คราวนี้แหละที่เรียกว่าเกือบหยุดหายใจของจริง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม