โซ่ทองคล้องรัก 11

1324 คำ
"..." เป็นเขาที่อึ้งไป การลงทุนที่ผิดพลาดไปทำให้การเงินสะดุดหนักเกินรับมือ แต่เขาก็แก้ไขมันในสองไตรมาสการได้เงินจากปทิตาเข้ามาพยุงกิจการทำให้ปรับได้เร็วขึ้นเท่าตัว เขาไม่นึกว่าการที่ลูกรับงานเยอะเพื่อช่วยเหลือกันนั้นจะทำให้หญิงสาวโดนดูถูกในภายหลัง "พ่อขอโทษนะเพนนี" เขาไม่รู้จะบอกลูกอย่างไร ท่าทางเกรี้ยวกราดหายไป เหลือเพียงแต่คำขอโทษให้ลูกสาว นอกจากความเจ็บแค้นในอดีตระหว่างสองตระกูลทำให้ปทิตาได้รับความเกลียดชังจากอีกฝ่าย แต่เพราะเธอไม่ได้อยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวยมั่งคั่งทำให้ได้รับการดูถูก "ไม่ใช่ความผิดของพ่อนะคะ ไม่ใช่เลย..." หญิงสาวลุกขึ้นมานั่งข้างบิดา โอบกอดท่านเอาไว้ "ถ้าเขาคิดว่าทุกอย่างเป็นเพราะลูกทำเพราะว่าอยากดังอยากมีข่าว ถ้ารู้ว่าท้องเขาคงรู้ว่าทางเราต้องการจับเขา" เสียงกลัดกลุ้ม เพราะทางนั้นจับธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ตไฮเอนด์ตามเมืองท่องเที่ยวของไทย ทรัพย์สินเรือนหมื่นล้านเทียบกับธุรกิจหลักสิบล้านของครอบครัวเขาแล้ว ใครๆ ก็คงคิดอย่างนั้น ยกเว้นเขาที่เชื่อว่าลูกสาวเขาไม่คิดอย่างนั้นแน่นอน "เพนนีก็ไม่รู้จะทำอย่างไงเหมือนกันค่ะพ่อ ที่ไปซื้อที่ตรวจเพราะว่าอยากประชดนักข่าวที่เขียนข่าวแรงๆ กับคนในโซเชียล อยากไปซื้อมาตรวจต่อหน้านักข่าวแล้วแถลงข่าวด้วยซ้ำ แต่ผลตรวจออกมามันไม่ได้เป็นอย่างที่ต้องการได้เลย เพนนีก็ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นค่ะพ่อ" หญิงสาวเล่าทั้งน้ำตา เธอยังสับสน มือเหี่ยวๆ ของคนเป็นพ่อลูบหัวลูกสาว เอาจริงๆ ตามอายุของหญิงสาวนั้นเพิ่งเต็มยี่สิบสองได้สองเดือน แม้จะต้องทำงานและเรียนมหาวิทยาลัยเอกชนไปด้วยเพื่อช่วยครอบครัว แต่หญิงสาวก็ยังไม่ได้ปีกกล้าขาแข็งหรือเป็นผู้ใหญ่ที่จะคิดตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ไม่ได้มีวุฒิภาวะเกินวัย สำหรับเขาลูกสาวก็เหมือนเป็นเด็กน้อยตัวเล็กที่ต้องจูงเดิน ถ้อยคำที่จะดุและท่าทีผิดหวังในตัวลูกสาวจึงไม่แสดงออก เพราะเขาเข้าใจในสิ่งที่เป็นไปแล้ว ที่เมื่อวานลูกสาวเขากลับบ้านมาเอาแต่ซึมบอกว่าไม่สบายไม่ยอมลงมากินข้าวกินปลา วันนี้ทั้งวันก็แคนเซิลงานและพิมพ์ดาววิ่งโร่ออกไปจัดการกับตารางคิวและการหานักแสดงแทนให้วุ่น แต่ยังไม่มีใครบอกเขาสักคำ แม้อยากจะดุด่า แต่เห็นความอ่อนแอและความสับสนในตัวลูกสาวแล้วเขาก็ทำไม่ลง ปัญหารอการแก้ไข ด่าไปก็เท่านั้น... "พ่อรู้นะเพนนีว่ามันเป็นเรื่องที่หนักสำหรับหนู มันเป็นความผิดพลาด แต่ก่อนที่เราจะคิดว่าจะเอายังไงต่อ มันต้องเลือกอยู่สองทางสำหรับปัญหานี้ นั่นคือ หนูจะเก็บเด็กไว้ หรือไม่เก็บ" เขายกการตัดสินใจนั้นให้ลูกสาว เมื่อลูกตอบไม่รู้เขาจะตัดสินใจให้ในฐานะพ่อ ปทิตาสับสน... เธอนอนคิดมาทั้งคืนแล้วว่าไม่ว่าจะเก็บเด็กไว้หรือไม่เก็บก็ไม่รู้จะแก้ปัญหาไปในทางใด ถึงจะเป็นทางออกที่ดี อาจจะเพราะตอนนั้นไม่ได้บอกบิดาว่าเธอท้อง แต่ตอนนี้เธอบอกท่านไปแล้วและปฏิกิริยาของท่านกลับแตกต่างจากที่คาด ตอนนี้เธอเลยสบายใจที่จะบอกความต้องการของตัวเองกับบิดาไป และสมกับที่เธอรักและทุ่มเทยอมทำงานเพื่อครอบครัว เมื่อมีปัญหา บิดาเองก็ยอมรับในการตัดสินใจของเธอ "พ่อยอมรับในการตัดสินใจของลูกนะเพนนี เราจะหาทางออกของปัญหานี้ร่วมกันนะลูก" บิดาของเธอบอก มือหนาของเขาลูบหัว ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอไม่ได้รู้สึกว่าท่านรักเธอมาก แต่ตอนนี้ปทิตารู้แล้ว ว่าพ่อและน้าพิมพ์ดาวรักเธอมากมายแค่ไหน... ขอเวลาสักหน่อย แล้วจะจัดการเรื่องข่าวเองค่ะ เดี๋ยวจะติดต่อไปตอนที่พร้อม ข้อความที่ปทิตาส่งกลับมาทำให้วฤทธิ์แทบไม่ได้รับคำตอบใดๆ เพิ่มเติม โทรหาเธอ เธอก็ไม่รับสาย ไม่ยอมโทรกลับ ตอนนี้โทรศัพท์เขามีแต่สายอื่นกระหน่ำโทรเข้า แต่ไม่มีหมายเลขของปทิตา เธอทำให้เขาไม่พอใจมากกว่าเก่า นึกถึงคนตัวเล็กที่สวยไปทั้งเนื้อทั้งตัว ถึงลีลาไม่เด็ดแต่ก็ทำให้เขาลืมไม่ลงเพราะความเป็นตัวของตัวเองของเธอ เอาจริงๆ ถ้าไม่เพราะเรื่องที่บ้านขัดแย้งกัน หรือว่าเรื่องข่าวที่เธอไม่แสดงเจตนาชัดเจนว่าอยากเป็นข่าวกับเขาหรือไม่อยากเป็น ทำปากอย่างใจอย่างเหมือนอยากปั่นหัวเขาเขาคงไม่ปล่อยมือจากเธอไปแน่ๆ แต่การที่เธอทำเหมือนเขาเป็นลูกข่าง ที่จะปั่นหัวอย่างไรก็ได้ ทำอย่างไรก็ได้ ทำให้เขาไม่พอใจหนักมาก "ริอยากจะคุมเกม แต่ทำทุกอย่างวุ่นวายไปหมดแบบนี้ หวังสูงไปหน่อยมั้งแม่คุณ" วฤทธิ์พึมพำ ไวท์ วฤทธิ์จะจัดโต๊ะแถลงข่าวเกี่ยวกับข่าวลือที่หนาหูช่วงนี้ จะตอบชัดทุกประเด็นข่าว! เรื่องที่ได้รับรู้ทำเอาครอบครัวของปทิตาที่ตัดการสื่อสารกับโลกภายนอกทั้งปิดมือถือทั้งถอดสายโทรศัพท์ให้รปภ. เฝ้าหน้าบ้านไม่ให้นักข่าวที่มารอทำข่าวได้รับรู้การเคลื่อนไหวใดๆ แต่พอรู้ว่านักข่าวที่มาเฝ้าหน้าบ้านเกือบสิบรายหายไปเหลือเพียงสองสามรายทำให้พิมพ์ดาวเปิดไอเเพดเช็กและได้รู้ว่า วฤทธิ์จะตั้งโต๊ะแถลงข่าวที่ออฟฟิศของเขา นักแสดงหนุ่มมีบริษัทเล็กๆ ของตัวเองที่ทำแชแนลในยูทูปและผลิตรายการวาไรตี้ให้ช่องดิจิทัลช่องใหญ่ วันนี้เขามีคิวถ่ายรายการที่ว่าและจะให้สัมภาษณ์เรื่องข่าวดัง นักข่าวเลยไปรอที่ออฟฟิศ "เพนนีบอกเขาแล้วว่าขอเวลา" หญิงสาวรู้เข้าก็หน้าซีด ไม่รู้ว่าเขาจะพูดอะไร เธอกับครอบครัวยังวางแผน และหาทางออกกับเรื่องนี้ เพราะการจะบอกนักข่าวไปอย่างไรนั้นเป็นเรื่องใหญ่มากเพราะคงเป็นข่าวไปอีกนาน การเตรียมตัวหาคำตอบที่ดีที่สุด ต้องวางแผนก่อน เขาคิดอะไรของเขากันแน่นะ หญิงสาวหยิบโทรศัพท์มาเปิด แล้วโทรออกหาวฤทธิ์ พิมพ์ดาวเองก็กระหน่ำโทรหาผู้จัดการส่วนตัวของวฤทธิ์ แต่ไม่ว่าจะพยายามโทรไปกี่สาย อีกฝ่ายก็ไม่ยอมรับ ในไลน์ของปทิตาที่คุยกับวฤทธิ์ค้างไว้นั้น มีข้อความเด้งเข้า สิ่งที่เขาส่งมาไม่มีเนื้อหา แต่เป็นลิงก์ให้กดเข้าไปเป็นแฟนเพจของวฤทธิ์ และสิ่งแรกที่เห็นคือการถ่ายทอดสดผ่านเฟสบุ๊คเป็นภาพที่วฤทธิ์นั่งบนโต๊ะที่มีนักข่าวรุมล้อม "เขากำลังไลฟ์สดเลยเพนนี" พิมพ์ดาวบอก "..." ปทิตาอึ้ง เธอกังวลจนมวนท้อง ไม่รู้เพราะอาการแพ้หรืออาการเครียดกันแน่เพราะปนไปหมดจนแยกไม่ออกแล้ว หญิงสาวเห็นคนหน้าตาดี มีรอยยิ้มมุมปากตลอดที่มาหลอกหลอนเธอทั้งยามตื่น แถมยามฝันเขายังมาหลอกหลอนพร้อมซิกซ์แพ็คแน่นๆ ตลอด นั่งอยู่ท่ามกลางนักข่าว สบตาเขาผ่านวิดีโอไลฟ์สด เขามองโทรศัพท์ของตัวเองเล็กน้อย และจ้องมายังหน้าจอ เขาอาจจะรู้ว่าเธอกำลังดูเขาอยู่ ยอมรับว่าตอนนี้เธอกลัวใจเขาจริงๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม