"ลูกแก้วพูดอย่างนั้นออกมาได้ยังไง เรากับพี่เป็นอะไรกัน พี่ไม่ได้ไม่มีความรับผิดชอบขนาดนั้นนะ"
ฉันก็ไม่ได้ต้องการความรับผิดชอบนั้นแล้ว ดารินยาบอกในใจ แต่ไม่อยากจะพูดกับคนงี่เง่าอย่างเขา เพราะเขาคงไม่เข้าใจถึงจิตใจและความต้องการของเธอแน่นอน
"เอาเถอะๆ ช่างเรื่องอื่นก่อน เราอย่าเพิ่งทะเลาะกันเลย มันเสียเวลา ลูกแก้วช่วยพี่สั่งอาหารแล้วกันนะครับ พี่หิวแล้ว" เขาลงมานั่งข้างๆ เธอแล้วยื่นมาถือมาให้เธอกลับคืนเพื่อให้ปลดล็อกและเข้าระบบสั่งอาหารของเว็บที่เขากับเธอใช้ประจำเพราะร้านที่เขากินนั้นจัดส่งอยู่กับเดลิเวอรี่เจ้านี้เท่านั้น
ดารินยาพยายามข่มโทสะ วันนี้คนที่เธออยากได้มานานปีกลับดูน่าเบื่อในเฉียบพลัน เขามานั่งข้างๆ กายแต่ว่าเธอกลับมองเห็นข้อเสียของเขาเต็มไปหมด
ในขณะที่สมองของเธอมีแต่เรื่องของวฤทธิ์
เห็นทีที่ว่าจะสะบัดเมธัสทิ้งให้เขากลับไปหานังเพนนีจะไม่ใช่แค่คิดเล่นๆ เธอต้องทำจริงๆ เสียแล้ว
ปทิตาไม่ได้ติดต่อวฤทธิ์ไปอีกหลังจากที่เขาให้สัมภาษณ์ในวันนั้น ส่วนเขาเองก็ไม่ได้ติดต่อเธอมาอีก
ในวันที่เขาออกมาพูดเธอพยายามติดต่อเขาไป หากแต่เขาไม่ตอบรับสักทาง
เขาส่งเพียงข้อความหนึ่งข้อความมาให้ใจความว่า...
"ในเมื่ออยากหาทางเป็นข่าวนัก ผมก็จะเล่นด้วย ที่เหลือก็คุยกับนักข่าวเองก็แล้วกัน"
แล้วเวลาเขาไปเจอนักข่าวที่ไหน เขาก็ตอบเพียงว่า ยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเพราะว่าเธอไม่ยอมคุยอะไรกับเขาเลย สุดท้ายนักข่าวก็มารุมทึ้งเธออีกจนได้
ต้องยอมรับว่าการเอาคืนของเขา ช่วงแสบทรวงจริงๆ
นักข่าวที่ออกันอยู่เต็มหน้าบ้านทำให้ปทิตาเครียด มันเหมือนภาพเดจาวูขึ้นมาหากแต่คราวนี้ทุกอย่างมันดูหนักขึ้นกว่าเก่าเพราะเธอไม่สามารถเดินออกไปบอกนักข่าวว่าเธอไม่ท้อง ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับวฤทธิ์
มีคนตามติดชีวิตของเธอมากกว่าเก่า สปอนเซอร์ถอนตัวจากการจ้างเธอหลายรายการเพราะภาพลักษณ์ของเธอไม่ได้ใสอย่างเคย ละครที่เพิ่งปิดกล้องไปทำให้เธอฝังตัวอยู่ที่บ้านได้ ส่วนงานอีเวนต์ที่รับไว้ต้องผิดสัญญาส่งนักแสดงคนอื่นไปแทนหรืองานไหนที่เป็นกลุ่มเธอก็แคนเซิลในส่วนของตัวเองไป การเทงานทั้งหมดทั้งจากฝั่งเธอเองและฝั่งผู้จ้าง มันดูส่งเสริมให้เรื่องที่เธอตั้งครรภ์เหมือนเป็นเรื่องจริง นั่นยิ่งทำให้นักข่าวเฝ้ารอทำข่าวเธอหนักกว่าเก่า
ปทิตาทำใจ แม้จะขาดรายได้ไปมากหากแต่ก็ยังดีกว่าไปยืนตอบคำถามของนักข่าว...
คำถามที่ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไง
หญิงสาวปิดผ้าม่านที่แอบเปิดมองนักข่าว เธอให้คนงานในบ้านส่งขนมและอาหารไปให้พวกเขาพร้อมกับปฏิเสธการให้สัมภาษณ์แต่ยังแสดงความเป็นห่วงเป็นใยสื่อ ที่เขียนข่าวของเธอดีมาตลอด ยกเว้นช่วงหลังมานี้...
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ห้องนอนของเธอถูกเคาะ พร้อมกับเปิดออก พิมพ์ดาวเดินถือแก้วนมเข้ามาให้
"ไปแอบส่องอีกแล้วหรือเรา... ย้ายไปนอนห้องพักแขกดีไหม จะได้ไม่ต้องคอยมองว่ามีนักข่าวอยู่หรือเปล่า"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ" หญิงสาวบอกยิ้มๆ หยิบนมอัลมอนด์จากแม่เลี้ยงมาดื่ม ตั้งแต่ตั้งครรภ์เธอเหม็นกลิ่นนมวัวจนดื่มไม่ได้ ต้องดื่มนมอัลมอนด์แทน
หลังจากที่ดื่มหมดแล้วเธอวางแก้วลง พิมพ์ดาวเพ่งมองเธออย่างพิเคราะห์ก่อนจะเอ่ยถาม
"แน่ใจใช่ไหม ว่าจะตัดสินใจอย่างเดิม พรุ่งนี้ต้องเดินทางแล้วนะ"
"แน่ใจสิคะ น้าถามเพนนีกี่ครั้งเพนนีก็ยืนยันคำเดิม" หญิงสาวเงยหน้ามองยิ้มๆ แม้จะเป็นยิ้มที่แห้งแล้ง
"อย่างน้อยก่อนจะถึงเวลาเดินทาง จะเปลี่ยนใจก็ยังทันนะเพนนี" พิมพ์ดาวบอกย้ำ เพราะว่าความต้องการของท่านกับเธอไม่ตรงกัน แต่คนที่ตั้งครรภ์เป็นเธอ ดังนั้นจึงเคารพการตัดสินใจของเธอเป็นที่ตั้ง
ปทิตาออกจากบ้านด้านหลังบ้านในช่วงใกล้รุ่งพร้อมกระเป๋าเดินทางใบใหญ่หนึ่งใบพร้อมกับพิมพ์ดาว
ไฟล์ทบินไปภูเก็ตแบบซื้อหน้าเคาน์เตอร์ก่อนบินทันทีนั้นมีราคาเเพง หากแต่การซื้อกะทันหันเช่นนั้นทำให้ไม่มีใครรู้ก่อนว่าเธอจะเดินทาง ที่นั่งชั้นบัสสิเนสคลาสของสายการบินแห่งชาติค่อนข้างเป็นส่วนตัว สนามบินช่วงเช้ามืดก็คนไม่แน่นเท่าใดนัก เธอเลยเลือกบินไปภูเก็ตในเวลานี้
ที่นั่นมีคนมารอรับแล้วเพื่อพาเธอกับน้าสาวไปเซฟเฮาส์ที่ค่อนข้างเงียบสงบ โดยบิดาที่ติดงานอยู่จะตามไปทีหลังในช่วงสุดสัปดาห์
ด้วยความที่รอบๆ ที่นั่งล้วนเป็นชาวต่างชาติ ทำให้ปทิตาไม่ทันเห็นว่าเธอได้ร่วมเดินทางมากับคนในตระกูลทิตตาภาคนหนึ่งที่ไม่ค่อยออกงานสังคมจนเป็นที่รู้จัก อีกทั้งตอนที่เขานั่งอยู่ก่อนเธอกับน้าไม่เห็นเขา การสนทนาเรื่องการนัดเวลากับหมอคนหนึ่งเลยไม่ค่อยได้ระมัดระวัง และแม้แต่ตอนที่เธอเข้าไปอาเจียนเพราะอาการแพ้ท้องในช่วงเช้าในห้องน้ำ เลยตกอยู่ในสายตาของเขาเต็มๆ
ติ๊ง...
วฤทธิ์เพิ่งตื่นและเตรียมตัวออกไปกองถ่าย เขาเห็นว่ามีข้อความในไลน์จากพี่ชายก็รีบเลื่อนหน้าจอไปเปิดไลน์อ่าน
บุรินทร์ : ฉันคิดว่าคนที่เป็นข่าวกับแกเขาท้องจริงๆ แกคิดว่าเขาท้องกับแกหรือเปล่า
ไวท์_วฤทธิ์ : หืม
บุรินทร์ : แต่ปัญหาคือเขาบินมาภูเก็ต แอบได้ยินว่านัดหมอสูคนหนึ่งไว้ หมอคนนี้เคยมีข่าวลือว่ารวยผิดปรกติจากการรับจ็อบไปทำแท้งให้คนไข้วีไอพีที่บ้าน ถ้าเธอท้อง เธออาจจะกำลังพากันไปทำแท้ง
ไวท์_วฤทธิ์ : รับสายหน่อย
เขาพิมพ์ไปบอกพี่ชายหลังจากหยิบมือถืออีกเครื่องโทรหาแล้วบุรินทร์กดตัดสาย
บุรินทร์: เครื่องกำลังจะเทคออฟ ต้องปิดเครื่องแล้ว
ไวท์_วฤทธิ์ : ถ้าอย่างนั้นอย่าปล่อยให้คลาดสายตา ติดตามไว้จนกว่าผมจะตามไป!!!
บุรินทร์: โอเค
"น้องเพนนี!"
เสียงเรียกขานที่เคยคุ้นทำให้ปทิตากับพิมพ์ดาวที่พยายามทำตัวให้ราบเรียบไปกับผู้คนที่สุด เพราะถึงแม้ทั้งคู่จะขึ้นชื่อเรื่องความสวยระดับนางเอก หากแต่ช่วงยามเช้าและการแต่งกายเรียบๆ ก็ไม่สะดุดตาใคร แต่ก็เพราะเสียงเรียกชื่อเท่านั้นแหละ ทำให้คนมองพวกเธอ
คนชื่อเพนนี ไม่ได้มีเยอะ และที่สำคัญชื่อนี้กำลังมีข่าวออกทุกช่องทาง โดยเฉพาะทางโซเชียลที่เขียนถึงอย่างมันปาก คนที่ไม่รู้จักยังรู้จัก แน่นอนว่าคนที่ออกันอยู่ที่ประตูทางออกย่อมสนใจพวกเธอและเขาที่เป็นคนเอ่ยปากเรียก
ปทิตากลอกตา เธอไม่อยากเจอใครที่รู้จักในตอนนี้ โดยเฉพาะเขา...
บุรินทร์ยืนกอดอกทอดสายตามองอยู่ไม่ไกลนัก ก่อนปิดเครื่องเขาให้คนของเขาที่ไว้ใจได้มาสแตนด์บายรอที่สนามบินตั้งแต่ก่อนเครื่องเทคออฟแล้ว ตอนนี้ชายหนุ่มยืนดูเมธัสเดินเข้าไปทักทั้งสองคน
หมอนี่ไม่ได้มาไฟล์ทเดียวกับเขาและปทิตา แต่เจอกันโดยบังเอิญตรงประตูทางออกสนามบิน เขาเห็นว่าปทิตาคงรีบร้อนและไม่อยากเจอคนรู้จักเพราะที่เดินทางมาไม่ได้โหลดกระเป๋าใต้ท้องเครื่องเลย ไม่ต้องรอรับกระเป๋าลงเครื่องมาสามารถออกมาได้เลย โชคดีที่เขาก็ใช้วิธีแบบเดียวกันเพราะมีข้าวของอยู่ที่กรุงเทพฯด้วย ไม่ต้องใช้กระเป๋าเดินทางในการกลับมาภูเก็ตเลยตามทันและมาเจอ
ติ๊ง
ไวท์ วฤทธิ์: ถึงหรือยัง
ข้อความจากน้องชายดังขึ้นในไลน์
เขาไม่ตอบแต่ยกมือถือขึ้นแล้วถ่ายรูปที่เห็นให้น้องชาย
บุรินทร์ : กำลังตามให้
ไวท์ วฤทธิ์: เขามาด้วยกันหรือเปล่า
บุรินทร์ : เปล่า เจอโดยบังเอิญ เหมือนสองคนนั้นตกใจที่เจอหมอนั่น
ไวท์ วฤทธิ์:ฝากตามให้ด้วย ไปถึงภูเก็ตตอนเย็น
บุรินทร์ : อืม
ปทิตาอึดอัดกับการพบเจอเมธัส แม้เขาจะยิ้มและพูดจากับเธอดีแค่ไหนก็ตาม แต่แผลใจก็ยังมีอยู่ ถึงเขาไม่ได้บอกตรงๆ แต่เธอก็เห็นภาพหลุดบ่อยๆ ว่าเขากับดารินยาสนิทสนมกันมาก มันทำให้เธอไม่สนิทใจทั้งกับเขาและดารินยา
รวมทั้งเรื่องที่เธอกำลังเผชิญอยู่ ทำให้เธอลำบากใจจะคุยจะมองหน้ากับเขาให้เป็นเหมือนเพื่อน หรือพี่ชายคนสนิทได้อีกต่อไป