สูตรสำเร็จรัก 2
“เพื่อนต่างคณะฉันขอไปด้วยนะพวกแกโอเคไหม?” เขตรักถามฉันและน้ำมนต์หลังจากที่เรียนเสร็จกันแล้วในช่วงเวลาบ่ายและกำลังจะแยกย้ายกันกลับไปพักเตรียมตัวออกไปเที่ยวในคืนนี้
“ได้นะ ไม่มีปัญหา”
“เหมือนกัน ฉันได้หมดอะ” ตอบเพื่อนมือก็หยิบโทรศัพท์กดโทรพิมพ์ข้อความหาน้องชายบอกว่าจะไปเที่ยว ตอนนี้น้องน่าจะเรียนอยู่เลยไม่อยากโทรไป ถ้าน้องว่างเดี๋ยวก็คงตอบกลับมาเองนั่นแหละ
ฉันตกลงกับเพื่อนได้ก็แยกย้ายกันกลับคอนโด เวลานัดคือสามทุ่มเดี๋ยวเขตรักกับเพื่อนจะไปก่อนเพื่อจองโต๊ะจากนั้นค่อยให้ฉันและน้ำมนต์ตามไปสมทบ คุยกันเข้าใจก็บอกลาเพื่อน ก่อนกลับคอนโดฉันแวะร้านกาแฟเพื่อซื้อขนมและกาแฟกลับไปกินที่ห้อง ระหว่างยืนรอคิวสั่งเครื่องดื่มก็มีลูกค้าคนหนึ่งมายืนต่อคิวด้านหลังซึ่งฉันเองก็ไม่ได้ใส่ใจมองมากนักว่าเป็นใคร แต่กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ของอีกฝ่ายทำให้ฉันหัวใจเต้นแรงตึกตักอยู่ไม่น้อย ทั้งยังมีเสียงพูดคุยอยู่ด้านหลังนั่นอีก
“ยังไม่เลือกเหรอ?”
“ยังครับนาย”
“ติดปัญหาอะไร”
“ฝ่ายบุคคลอยากฝากหลานสาวตัวเองเลยไม่ยอม”
“เขามีอำนาจมากกว่าพวกคุณเหรอ? ผมมอบหมายงานให้พวกคุณไปแล้วใช่ไหมเหรอ?”
“ครับนาย เดี๋ยวผมรีบจัดการให้ครับ”
“ไม่ต้อง พรุ่งนี้เช้าผมจะเข้าไปจัดการเอง เตรียมเอกสารไว้ให้ครบ”
“ครับนาย เดี๋ยวผมสั่งให้ครับนาย เชิญนายนั่งพักก่อนเถอะครับ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมสั่งเอง”
“คุณลูกค้ารับอะไรดีคะ?” เมื่อถึงคิวพนักงานก็เอ่ยทักพร้อมกับรอยยิ้มเป็นมิตร
“เอาเค้กอย่างละหนึ่งชิ้นค่ะ แล้วก็ดาร์กช็อกโกแลตเย็นกลับบ้านค่ะ”
“ได้ค่ะทั้งหมด...”
จ่ายเงินเสร็จก็หาโต๊ะนั่งรอ เพราะเดี๋ยวพนักงานจะเอาขนมมาส่งถึงโต๊ะ ใช้เวลานั่งรอไม่นานก็ได้ขนมและเครื่องดื่ม ไม่รีรอที่จะรีบกลับบ้านทันที ทั้งขนมและเครื่องดื่มที่ซื้อมาฉันยังไม่กินในตอนนี้แต่ซื้อมาติดตู้เย็นไว้ ถ้าคืนนี้เมาฉันจะงอแงกินดาร์กช็อกโกแลตเย็นแน่ ๆ ดังนั้นต้องซื้อมาไว้ก่อนค่ะ ร้านเหล้าที่จะไปคืนนี้เป็นร้านใหม่ที่เพื่อนพาไปลองไม่รู้ว่าจะชอบไหมนี่สิ ถ้าไม่ชอบกลับมาแอบเอาเบียร์ในตู้ของพอใจมาดื่มก็ได้
เกือบสามทุ่ม พอใจโทรเข้ามาถามเรื่องที่จะไปเที่ยวทั้งยังกำชับว่าให้ดูแลตัวเองดี ๆ มีอะไรให้รีบโทรหาพอใจเลยไม่ต้องกังวลรวมถึงให้ส่งพิกัดร้านไว้เพราะจะได้ไปรับถูก
ร้านที่มาไม่ใช่ร้านนั่งชิล ไม่ใช่ร้านเหล้าดนตรีสดแต่เป็นผับที่ทั้งแสงไฟ เสียงเพลงอีดีเอ็มเปิดลั่นสนั่นร้าน แม่!!! นี่มันไม่ใช่สไตล์หนูนะคะ!!
น้ำมนต์ที่เดินอยู่ข้าง ๆ เมื่อได้ยินเสียงเพลงถึงกับรีบหันมามองหน้าฉันแล้วหัวเราะอย่างสนุก แล้วคนมาเที่ยวในนี้ดูมีคลาสดูผู้ดีกันมาก มองรอบ ๆ ก็เหมือนจะมีห้องที่เป็นวีไอพีด้วยนะที่อยู่โซนด้านบนชั้นสอง แต่ชั้นล่างจะเป็นโต๊ะยืนและนั่งสลับกันไป
“มา ๆ นั่งเลย” เขตรักที่เหมือนจะดื่มนำไปหลายแก้วตะโกนเรียกแข่งเสียงเพลงพร้อมกับกวักมือเรียกเราสองคนให้เข้าไปนั่งกับตัวเอง โต๊ะที่เพื่อนนั่งอยู่นั้นมีทั้งผู้ชายและผู้หญิงอีกสี่คน เหมือนจะมีผู้ชายที่ออกสาวเหมือนกับเขตรักด้วยหนึ่งคนแล้วผู้ชายก็มีสองคน เมื่อเราเดินไปถึงโต๊ะก็พยักหน้าทักทายกันเล็กน้อย เพราะถึงจะพูดอะไรก็ไม่ได้ยินอยู่แล้วเสียงเพลงดังขนาดนี้
“เบียร์นะ” เขตรักกระซิบถามข้างหู ฉันพยักหน้าให้เพื่อนและมองรอบ ๆ ด้วยความสนใจแม้จะไม่ใส่สไตล์แต่ก็มานั่งดื่มได้นะ แต่ฉันน่ะชอบลานเบียร์ของปะป๊ามากกว่า มีนักร้องมีดนตรีสด ขอเพลงได้ด้วย แต่ฉันว่าที่ฉันจะเมาคืนนี้คงเป็นเพราะเสียงเพลงนี่แหละ ไฟนี่ก็วิบวับเหลือเกิน
“ขอบคุณค่ะ” เอ่ยบอกกับคนที่ส่งแก้วเครื่องดื่มมาให้ นั่งดื่มกันไปสักพักเพื่อนของเขตรักก็เริ่มลุกขึ้นเต้น ฉันและน้ำมนต์เรียกพนักงานมาสั่งดริ้งแยกลองชิมไปเรื่อย เขตรักก็เติมเบียร์ให้ฉันเรื่อย ๆ สลับกับเพื่อน แต่ไม่รู้ว่าฉันคิดมากเกินไปหรือเปล่าถึงได้รู้สึกว่าเพื่อนเขตรักที่เป็นผู้ชายทั้งสองคนกำลังจ้องฉันและน้ำมนต์ไม่วางตา จนเราสองคนเริ่มที่จะขยับใกล้กันมากขึ้นโดยอัตโนมัติ ไม่ใช่ว่าไม่เคยมาเที่ยวแต่ไม่เคยถูกมองด้วยสายตาหยาบโลนและชัดเจนแบบนี้มาก่อน ไม่ว่าใครก็ต้องกลัวทั้งนั้นแหละ
“ลองอันนี้หน่อยไหม?” เพื่อนใหม่ของเขตรักเลื่อนแก้วเครื่องดื่มมาตรงหน้าฉัน
“โทษทีแกเพื่อนเราไม่ดื่มเหล้าน่ะ” เขตรักเป็นฝ่ายปฏิเสธเพื่อนใหม่ด้วยตัวเอง และยังเติมเบียร์ให้ฉันแทน เป็นการบ่งบอกว่าฉันไม่ดื่มเหล้า เกือบเที่ยงคืนฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำ น้ำมนต์เองก็ดื่มอยู่เลยไม่ได้ชวนออกมาพร้อมกัน กระทั่งกลับมานั่งที่โต๊ะเพื่อนผู้หญิงของเขตรักไม่อยู่ที่โต๊ะแล้ว จังหวะที่เดินกลับเข้าใกล้โต๊ะก็พบว่าเขตรักก็เพิ่งกลับมาจากไปเต้น ฉันนั่งลงที่โต๊ะก็ยกแก้วเครื่องดื่มตัวเองขึ้นดื่มพลางมองไปรอบ ๆ ร้าน น้ำมนต์เองก็เริ่มที่จะเมาแล้วเช่นเดียวกัน ถึงได้เอนเอียงมาซบไหล่ฉันแล้ว
เสียงเพลงจังหวะอีดีเอ็มยังคงเป็นจังหวะดนตรีหลักของร้านไม่มีเปิดเพลงช้า ๆ สลับเลย หลังจากดื่มเบียร์ในแก้วหมดและจะเติมอีกแก้วฉันก็รู้สึกแปลกประหลาดอยู่ภายในร่างกาย เมื่อรู้สึกมวนท้องมือเท้าชาวูบวาบก่อนที่จะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองนั้นร้อนและมึนหัว
“ไปไหน?” น้ำมนต์ที่ซบไหล่ฉันอยู่เอ่ยถามด้วยอาการงัวเงียหลังจากฉันค่อย ๆ ประคองเพื่อนให้นั่งตรงและดึงเขตรักมาให้เพื่อนนั่งพิงต่อ
“ไปเข้าห้องน้ำ” มือจับโทรศัพท์ไว้แน่นขณะที่เอ่ยตอบเพื่อน
“รีบมานะ จะกลับกันแล้ว” เขตรักเอ่ยเตือน ฉันพยักหน้ารีบเดินไปยังโซนห้องน้ำทันที นั่งดึงสติตัวเองสักพักก็ออกมาล้างหน้าหวังให้ตัวเองสดชื่นมากกว่านี้ แต่ไม่ไหว ร่างกายฉันร้อนผ่าวไปหมด ความรู้สึกบางอย่างปะทุขึ้นมาจนยากที่จะควบคุม
“อ๊ะ ขอ ขอโทษค่ะ” จังหวะที่เดินออกจากห้องน้ำด้วยความเร่งรีบก็เดินชนกับคนคนหนึ่ง
“เป็นอะไร ไหวไหม?” เสียงหนึ่งเอ่ยถาม พร้อมกับมือที่ยื่นมาลูบที่ต้นแขนฉัน เห็นแบบนั้นก็รีบปัดมือคู่นั้นออกห่างด้วยความรังเกียจ สายตาน่ารังเกียจกำลังจ้องมองมาทางฉันพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก
“ให้เราไปส่งไหม?”
“...”
“จะไม่ไหวแล้วนะ ไม่ให้เราไปส่งจริง ๆ เหรอ? ไปสนุกด้วยกันต่อดีไหม”
“นี่ นี่นายวางยาฉันเหรอ?” ทวนถามด้วยความตกใจ มือที่ชี้หน้าอีกฝ่ายสั่นระริกด้วยความกลัวและเสียการควบคุมตัวเอง ที่ถามแบบนั้นเพราะมีความรู้สึกที่ต่างจากเวลาดื่มครั้งก่อน ๆ มันมีอารมณ์อื่นเข้ามาด้วยและเริ่มที่จะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกัน
“ว้าว เก่งจัง รู้แล้วก็ไปด้วยกัน...” ผู้ชายคนนั้นเงียบเสียงไปเมื่อเห็นว่ามีการ์ดเดินเข้ามาใกล้
“ไม่มีทาง!” เอ่ยปฏิเสธเสียงแข็งและรีบเดินออกมาทันที ดีที่การ์ดเข้าไปทักผู้ชายคนนั้นจึงทำให้มีทางหนีออกจากที่นั่นมาได้ ยามที่ผู้ชายคนนั้นลูบไล้ร่างกายฉันกลับสั่นสะท้าน กัดริมฝีปากไว้แน่นกลัวจะหลุดเสียงครางน่าเกลียดออกมาต่อหน้าคนอื่น แต่ไม่คิดว่าเวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีผู้ชายคนนั้นก็ตามออกมาทัน
“ไม่เอาน่า เดี๋ยวเราไปส่ง”
“ไม่ต้องยุ่ง” เอ่ยปฏิเสธอีกครั้งก่อนจะรีบเดินออกจากร้านมือกดส่งข้อความบอกเพื่อนว่ากำลังกลับและบอกว่าพอใจมารับแล้ว เพื่อนส่งข้อความบอกว่าโอเคกำลังจะกลับแล้วเช่นเดียวกัน ฉันไม่ได้กลับทางหน้าร้านเพราะกลัวว่าผู้ชายคนนั้นจะดักทางเอาไว้ จึงเดินออกทางหลังร้านด้วยความเร่งรีบ ต้องรีบกลับห้องฉันรับรู้เพียงแค่นี้จริง ๆ เพราะฉันไม่รู้ว่าจะอดทนได้อีกนานแค่ไหนกับอาการที่เป็นอยู่ในตอนนี้
ระหว่างที่เดินออกจากร้านฉันก็เดินชนกับใครสักคนพอจะล้มก็ถูกประคองไว้อย่างรวดเร็ว และกลิ่นหอม ๆ ของอีกฝ่ายทำให้ฉันถึงกับเผลอสูดกลิ่นนั้นเสียเต็มเปี่ยม
ใบหน้าของคนตรงหน้าที่เผลอสบตาในยามที่สติพร่าเลือน คนตรงหน้านั้นช่างดูดีเสียเหลือเกิน เพียงแค่คิดก็ยกฝ่ามือลูบไล้บนใบหน้าหล่อนั้นทันที
“คุณ...”
“มีแฟนหรือยัง?” เอ่ยถามคนตรงหน้าเสียงแผ่ว
“ยัง แล้วคุณล่ะ” อีกฝ่ายถามกลับมา แทบจะไม่รู้ตัวเลยว่าเป็นฝ่ายยื่นหน้าไปใกล้อีกฝ่ายจนปลายจมูกเราทั้งสองกำลังคลอเคลียกันอยู่อย่างหยอกเย้า ฉันเป็นฝ่ายโน้มเข้าไปจูบอีกฝ่ายก่อนด้วยท่าทีเงอะงะ เพราะนี่เป็นครั้งแรกของฉันไม่ว่าจะเรื่องจูบหรือเรื่องอะไรก็ตาม
เริ่มจูบก่อนไม่นาน คนตรงหน้าก็เป็นฝ่ายนำจูบแทน เขาผละออกห่างพร้อมกับมือข้างหนึ่งที่ยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู ส่วนมืออีกข้างก็กดศีรษะฉันให้ซบลงบนแผ่นอกเขา
“อือ ไม่เข้าไปแล้ว”
“จัดการให้ด้วย อย่าลืมลบไฟล์กล้องที่จอดรถวีไอพีออกด้วยตอนนี้”
“เออ”
ระหว่างเราไม่มีใครพูดอะไร แม้จะนั่งรถออกมากับอีกฝ่ายและหยุดลงที่คอนโดแห่งหนึ่งที่ไกลจากที่พักฉันพอสมควร เมื่อประตูห้องปิดลงเราทั้งสองคล้ายถูกตัดขาดจากภายนอก คนตัวสูงมอบสัมผัสร้อนและบทเรียนครั้งใหม่ให้กับฉัน แม้จะเงอะงะเพราะเป็นครั้งแรกแต่อีกฝ่ายก็ใจเย็นคอยสอนฉันอยู่ตลอดทั้งคืน
=====
เพิ่งรู้ว่าหลานสาวเราแซบขนาดนี้ ถ้าพอใจรู้จะโดนดุไหมนะ คิกคิก