ดวงตาคู่สวยค่อยๆ ลืมขึ้นเมื่อโดนแสงสว่างที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามา ลมหายใจอุ่นรดต้นคอทำเอาหญิงสาวเสียวสันหลังวาบ
ใบหน้าหล่อแสนดุอยู่ห่างกับเธอแค่คืบเดียว ทิวารีบผลักคนตรงหน้าให้ออกห่างด้วยความตกใจ ก่อนจะลุกขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมดึงผ้าห่มผืนหนามาคลุมกายเอาไว้ด้วยความหวาดระแวง
“เป็นบ้าอะไรของเธอ”
“นายมานอนกอดฉันทำไม!”
พันแสงยกมือขึ้นขยี้เส้นผมดกดำของตัวเองด้วยความหัวเสียเมื่อโดนรบกวนจากการนอน เขาปรายตามองร่างเล็กบนเตียงอย่างคาดโทษ
“แค่นอนกอด ทำอย่างกับฉันจะปล้ำเธอ”
“ลองมาปล้ำฉันดูสิ”
“ลืมไปแล้วหรือไงว่าเธอเป็นผู้หญิงของฉัน ฉันจะจับเธอแก้ผ้าตรงนี้เลยก็ยังได้”
ทิวารีบลุกจากเตียงนอนโดยในทันที แต่ทว่ามือของเธอกลับถูกกระชากลงมาอย่างรุนแรงจนร่างบอบบางถลาล้มตัวลงนอนทับชายหนุ่ม ใบหน้าสวยซบอยู่บนหน้าอกกำยำที่อัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ
“ปล่อยนะ!”
“ปรนเปรอฉันให้คุ้มกับเงินห้าแสนหน่อย”
ริมฝีปากหยักเลื่อนขึ้นไปจูบตามลำคอขาวเนียน ใช้จมูกปัดป่ายสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ ประจำกายจนหญิงสาวแขนขนลุกซู่ เรี่ยวแรงที่มีกลับสูญหายไปหมดเมื่อโดนสัมผัสจากมาเฟียหนุ่ม
“จะให้ฉันทำหรือเธอจะทำเอง”
“สายแล้ว ฉันจะไปมหาลัย”
ทิวารีบยกเหตุผลมาอ้างเพื่อเอาตัวรอด ขยับตัวเพื่อหลีกหนีก็ไม่เป็นผลเมื่อถูกชายหนุ่มรั้งร่างเอาไว้แน่น เขายื่นใบหน้าขึ้นมากระซิบข้างใบหูเล็ก
“ทำให้ฉันพอใจเดี๋ยวจะปล่อย”
พูดจบพันแสงก็นอนลงบนหมอนใบใหญ่ ใช้มือทั้งสองข้างยกขึ้นดันท้ายทอยเอาไว้เพื่อมองดูผู้หญิงของตัวเองด้วยแววตาคมกริบ
มือเรียวค่อยๆ เอื้อมไปถอดกระดุมเสื้อนอนสีทึบออกช้าๆ ด้วยมือสั่นเทา แผงอกกำยำที่มีรอยสักมังกรปรากฏขึ้นทำเอาหญิงสาวอดสงสัยไม่ได้ นิ้วเรียวทั้งห้าลูบสัมผัสอย่างลืมตัว
“มังกรเหรอ ใหญ่จัง”
ชายหนุ่มครางออกมาแผ่วเบา หลังถูกหญิงสาวใช้มือลูบสัมผัสเนื้อตัวเขาไปมา คำพูดที่ไร้เดียงสาอดทำให้ริมฝีปากหยักยกยิ้มขึ้นมาไม่ได้
“ตรงนี้ใหญ่กว่า”
ทิวาต้องสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมาเฟียหนุ่มจับมือของเธอไปแตะต้องลงใจกลางชายที่แข็งขึง มันใหญ่จนต้องรีบชักมือกลับ ใบหน้าสวยแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย
“ขี้โม้”
“หึ กล้าท้าทาย?”
หญิงสาวไม่ตอบแต่ก้มลงจูบสัมผัสที่ลำคอขาวเพื่อทำให้เขาพอใจแล้วรีบปล่อยเธอ ใช้ฟันขาวขบเม้นเบาๆ อย่างนึกหมั่นไส้ แต่สร้างความเสียวซ่านให้ชายหนุ่มอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“พอใจหรือยัง”
“แค่จูบลำคอเนี้ยนะ”
“ต้องการอะไรอีก”
“สัมผัสตัวฉัน ทุกส่วนของร่างกาย”
ดวงตาคู่คมมองไล่ระดับเรือนร่างกำยำของตัวเองจนไปหยุดที่ส่วนนั้น เน้นย้ำมันเพื่อให้คนตัวเล็กช่วยปรนเปรอปลดปล่อยอารมณ์หื่นกระหายที่เธอเป็นคนก่อมันขึ้นมา
“ไม่เอา”
“ทำเดี๋ยวนี้!”
ทิวาจำยอมต้องก้มลงไปสัมผัสเนื้อตัวมาเฟียหนุ่มอีกครั้ง ดวงตากลมโตมองหน้าท้องแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเรียงตัวสวย เสียงครางของชายหนุ่มดังถี่ขึ้นเมื่อเธอใช้ลิ้นร้อนแตะสัมผัส
หญิงสาวหลับตาสนิทด้วยความกลัวและอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี ทิวาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะใช้มือลูบคลำ 'ไอ้เจ้ามังกรใหญ่' ตรงส่วนนั้น
“อ่า สัมผัสมันสิ”
“ยี๋! มันใหญ่ขึ้นน่าเกลียดที่สุด”
น้ำเสียงหวาดกลัวพร้อมคำพูดสำทับทำเอาชายหนุ่มหมดอารมณ์ขึ้นมาทันที พันแสงลืมตาจ้องเขม็งคนที่ทำหน้ารังเกียจลูกชายของรักของหวงจนต้องพ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“เธอแม่ง! โคตรหมดอารมณ์เลย”
ทิวารีบอาศัยจังหวะทีเผลอลุกจากตัวชายหนุ่มอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นโอกาส ก่อนจะรีบวิ่งไปซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำ
“ให้เวลาเธอสามสิบนาที อาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย”
“เวลาเที่ยงตรงผมจะมารอคุณทิวาตรงนี้นะครับ”
เสียงเอดีสมือขวาคนสนิทของมาเฟียหนุ่มบอกกล่าวผู้หญิงของเจ้านาย รีบเดินลงมาเปิดประตูให้หญิงสาวหลังถึงตึกอาคารเรียน
“ค่ะคุณเอดีส”
ร่างเล็กหันไปหยิบกระเป๋าและสัมภาระอื่นมาถือไว้ ก่อนจะก้าวลงจากรถหรูสีดำราคาหลายสิบล้าน เสียงฮือฮาของเหล่านักศึกษาในบริเวณดังขึ้นพร้อมต่างหันมามองอย่างสนใจ
“นางทิวา! แกเป็นเด็กเสี่ยเหรอ”
ทันทีที่นั่งลงบนเก้าอี้ในห้องเรียน เพื่อนสนิทร่างท้วมอย่าง 'ชบา' ก็ถามขึ้นรัวเร็วด้วยความสงสัย พลิกร่างบอบบางให้หันมาสบตาอย่างจับผิด
“เอามาจากไหน”
“ก็ตอนนี้ในคณะลือกันเต็มไปหมดว่าแกมีเสี่ยเลี้ยง”
“แค่เห็นฉันลงจากรถหรูนะเหรอถึงได้คิดว่าเป็นเด็กเสี่ย!”
“ก็เออนะสิ โน่นไงคนปล่อยข่าวแก”
ทิวารีบตวัดตามองศัตรูคู่แค้นตัวต้นเรื่องที่ไปปล่อยข่าวเสียหาย เพียงเพราะแฟนตัวเองมาจีบเธอ ซึ่งหญิงสาวก็ไม่ได้เล่นด้วยนับวันยิ่งเหมือนคนบ้าที่คอยตามหาเรื่องไม่เว้นแต่ล่ะวัน
“ไปพูดอะไร!”
คนตัวเล็กรีบเดินดุ่มเข้าไปอย่างหาเรื่อง ก่อนจะผลักร่างบางของ ‘แคท’ จนกระแทกผนังห้อง จ้องมองด้วยแววตาเดือดดาลของความโกรธเคืองไม่ใช่น้อย
“โอ๊ย! บ้าไปแล้วเหรออีทิวา”
“แกนะสิบ้าอีแคท! ปากมีปัญหาอะไรมากหรือไงถึงเอาแต่พูดเรื่องคนอื่น!”
“อ้อ เรื่องที่แกเป็นเด็กเสี่ย แล้วมันจริงไม่ใช่เหรอ”
“แกมานอนอยู่ใต้เตียงตอนเสี่ยเอาฉันหรือไง ถึงรู้ดีอย่างกับหมาแบบนี้”
“อีทิวา!”
ทิวากอดอกมองคนตรงหน้าที่ยกมือขึ้นหมายจะตบเธอ ก่อนจะหรี่ตามองเพื่อนสนิทอย่างชบาร่างใหญ่ที่ยืนยกหมัดหนักๆ ขึ้นมาขู่
“ลองตบเพื่อนกูดูสิ เจอสวนหมัดแน่”
“ทีหลังเวลาจะพูดอะไรหัดใช้สมองโง่ๆ ของแกคิดบ้าง ส่วนเรื่องที่ว่าฉันเป็นเด็กเสี่ยหนิ ขอปฏิเสธนะ”
หญิงสาวเชิดหน้าพูดอย่างไม่เกรงกลัว ใบหน้าคลี่รอยยิ้มปลอมๆ ออกมา พร้อมค่อยเดินดุ่มๆ เข้าไปหาเรื่องศัตรูคู่แค้นที่ยืนหัวหดชิดผนังห้องเรียน
“เพราะผู้ชายที่เลี้ยงฉันเขาไม่ใช่เสี่ยแต่เป็นมาเฟีย ถ้าอยากจะกินลูกปืนว่าที่ผัวฉันในอนาคตก็ลองดู”
“แกขู่ฉันเหรอ”
“หึ ถ้ากล้ามาป่าวประกาศเรื่องของฉันอีกละก็แกได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยแน่ จะบอกไว้ให้นะในตอนนี้เขาหลงฉันมาก พูดอะไรไปคงยอมทำให้ทุกอย่าง”
ทิวาพูดโกหกตาใสออกไป ยกมาเฟียหนุ่มมาอ้างเพื่อขู่คนตรงหน้า ยิ่งได้เห็นใบหน้าซีดเผือดมีความหวาดกลัวขึ้นมาจนปกปิดไว้แทบไม่มิดก็สะใจไม่ใช่น้อย
“ไม่อายปาก คิดว่าตัวเองดีเลิศมากหรือไง ก็แค่ผู้หญิงขายตัว!”
“จ้า ไม่มีใครดีเท่าแม่มึงกับมึงแล้วแหละอีแคท!”
“ฮ่าๆ กูชอบทิวา”
ชบาเอ่ยชมพร้อมระเบิดหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ รวมไปถึงเพื่อนในคลาสเรียนที่ต่างมายืนล้อมดูเหตุการณ์ต่างพากันขำเสียงดังลั่น
“กรี๊ด อีบ้า!”
“ชบาเดี๋ยววันนี้ตอนเที่ยงกูเลี้ยงข้าวมึงเอง เพราะเมื่อคืนแค่กูตกลงเป็นผู้หญิงของเขาก็ได้มาห้าแสน” รีบหยิบแผ่นกระดาษเช็คเงินมูลค่าสูงในกระเป๋าขึ้นมาโชว์ พร้อมคำพูดสำทับ “ไม่เหมือนคนบางคนแถวนี้ นอนจนหลวมแล้วมั้งแต่ฟรีให้ผู้ชายตลอด”
“อีบ้า! อีทิวา!”
ทิวาเบ้ปากมองบนใส่คนที่ยืนกรีดร้องเหมือนคนบ้า ผลักไหล่บางกระแทกกับผนังอย่างรุนแรงอีกครั้ง ก่อนจะรีบคล้องแขนเพื่อนสนิทเดินไปนั่งเรียนอย่างสบายอารมณ์
“โอ๊ย! เลิกแหกปากโวยวายอย่างกับผีเปตรขอส่วนบุญสักที”
“ทิวา!”
เสียงร้อนรนเอ่ยเรียกพร้อมร่างสูงสวมเสื้อช็อปคณะวิศวกรรมศาสตร์รีบวิ่งเข้ามาหา หญิงสาวเจ้าของชื่อก้มหน้าทานข้าวในโรงอาหารของคณะขี้เกียจหันไปมองคู่สนทนาที่ยืนอยู่
“ทิวาทะเลาะกับแคทเหรอ”
ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่บ่งบอกถึงความไม่สบอารมณ์ ใบหน้าหวานละจากจานข้าวเงยขึ้นมอง 'ไอ้ฟิวส์' แฟนศัตรูคู่แค้นที่เพิ่งมีเรื่องกันหมาดๆ ในห้องเรียนเมื่อตอนเช้า
“เลิกวุ่นวายได้ไหม รำคาญ!”
“เราเลิกกับแคทแล้วนะ”
“แล้วไง มาบอกเพื่อ?”
ทิวาขมวดคิ้วใส่ไปทันทีอย่างไม่เข้าใจ เธอไม่อยากรับรู้เลยสักนิดว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะคบกับใครหรือเลิกกับผู้หญิงคนไหน ความรำคาญใจแสดงออกมาอย่างฉายชัดเพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่ฟิวส์เข้ามาวุ่นวายแบบนี้
“ทิวาไม่ยอมคุยกับเราเพราะไม่อยากมีปัญหาใช่ไหม เรายอมเลิกเพื่อมาหาเธอเลยนะ”
“ฟังนะ ถึงนายจะโสดหรือไม่โสดฉันก็ไม่อยากคุยทั้งนั้นแหละ”
“เธอมีปัญหาเรื่องเงินใช่ไหม เราพร้อมช่วยนะถ้ามาคบกับเราอ่ะ”
หญิงสาววางช้อมส้อมลงกระทบจานข้าวจนเกิดเสียงดัง ดวงตาแทบลุกไฟเมื่อถูกพูดจาใส่แบบนั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมาถึงเธอไม่มีเงินใช้ชีวิตอย่างยากลำบากแต่ก็ไม่เคยหวังคบใครเพื่อแลกเงิน
ชบาที่เห็นเพื่อนสนิทเริ่มจะกดกั้นอารมณ์โกรธกร้าวไว้ไม่อยู่ก็รีบยกขาเตะเบาๆ เชิงห้ามปราม ตอนนี้ผู้คนในโรงอาหารต่างพากันหันมามองกันแทบทุกโต๊ะ
“มีผัวแล้วผัวรวยมากรู้ไว้ด้วย ถ้าไม่อยากกินลูกปืนก็อย่ามายุ่งกันฉัน!”