บทที่ 11

2069 คำ
นั่นไงหลินเจียวเจียวคิดไว้แล้ว ไม่ว่าจะทำอะไรก็มีมารมาผจญตลอด เห้อ “ค้าขายกับชื่อเสียงมันเกี่ยวอะไรกัน ฉันไม่ได้เอาชื่อเสียงมาทำของขายซะหน่อย ถ้าไม่ซื้อก็อย่ามาก่อกวนได้ไหมหลันหลิน” หลินเจียวเจียวพูดอย่างเบื่อหน่าย หลันหลินเป็นสหายรักกับซูเย่วอิง และคอยขัดแข้งขัดขาหลินเจียวเจียวมาตลอด เพียงเพราะว่าซูเย่วอิงไม่ชอบหลินเจียวเจียวเพียงเท่านั้น แต่ส่วนลึกๆ ที่หลันหลินไม่ชอบหลินเจียวเจียวก็เพราะหลินเจียวเจียวเป็นภรรยาของซ่งเฉินหยาง ชายในดวงใจที่เธอแอบรักมานาน เพียงแต่ไม่สามารถบอกใครได้ ผู้ใหญ่ทะเลาะกันไปแต่เด็กน้อยทั้งสองคนไม่สน หาวิธีช่วยแม่ขายของให้ได้ สองแฝดได้แต่กระซิบกันจากนั้นบอกแม่ว่าอยากกินซาลาเปา หลินเจียวเจียวเมื่อลูกๆ อยากกินเธอก็เอาใส่กระทงที่เธอทำมาพร้อมกับใส่เกี๊ยวให้อีก สามตัว ยิ่งมีคนมาหาเรื่องร้านเธอเช่นนี้หลินเจียวเจียวก็เริ่มจะถอดใจแล้ว ว่าวันนี้คงขายไม่ได้แน่ๆ ทางด้านซ่งเหมยจูกับซ่งจื้อผิงที่ตอนนี้ได้ซาลาเปากับเกี๊ยวมาคนละกระทง ต่างก็มองหาเป้าหมายของตัวเอง ซ่งเหมยจูเห็นคุณลุงท่าทางใจดีคนหนึ่งเดินผ่านมาก็รีบเดินไปหาพร้อมกับพูดแนะนำสิ่งที่อยู่ในมือของเธอ “สวัสดีค่ะคุณลุง หนูชื่อซ่งเหมยจู มาขายซาลาเปากับแม่เจียวเจียวตรงนู้นค่ะ”เด็กน้อยแนะนำตัวก่อนจะชี้ไปที่ร้านขายซาลาเปาของแม่เธอ “หนูมีซาลาเปาไส้เนื้อกับเกี๊ยวไส้เนื้อ ไส้เยอะๆ กินแล้วอร่อยมากๆ ค่ะ อันนี้หนูให้คุณลุงทาน ไม่ต้องจ่ายเงินนะคะ ถ้าอร่อยคุณลุงค่อยซื้อ ถ้าไม่อร่อยก็ไม่ต้องซื้อค่ะ” ซ่งเหมยจูบอกคุณลุงตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม “หนูแน่ใจใช่ไหมว่าอร่อย ถ้าไม่อร่อยไม่คิดเงินใช่ไหม แต่ว่าถ้าอร่อยแล้วลุงบอกไม่อร่อย หนูจะรู้ได้ยังไงละว่าลุงโกหกหรือเปล่า” จ้าวเว่ยหลงนึกสนุกที่ได้คุยกับเด็กน้อย “อยู่ที่คุณลุงค่ะ ว่าจะซื่อสัตย์หรือเปล่า” ซ่งเหมยจูตอบอย่างใจคิด พร้อมกับรอยยิ้มแสนน่ารัก “มาลุงจะลองกิน จะได้รู้ว่าอร่อยอย่างที่หนูบอกลุงหรือเปล่าดีไหม” จ้าวเว่ยหลงตกลงกับสาวน้อย เขาอยากรู้จริงๆ เลยว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่เลี้ยงลูกยังไงให้น่ารักขนาดนี้ ทันทีที่จ้าวเว่ยหลิงกัดซาลาเปาเข้าไปเขารู้สึกได้ถึงความชุ่มฉ่ำของไส้เนื้อที่ทะลักเข้าปาก เขาสามารถบอกได้เลยว่าอร่อยมากจริงๆ จากนั้นก็ลองกินเกี๊ยวที่หนูน้อยคนนี้ยื่นให้ ความรู้สึกไม่ต่างกันแถมยังมีน้ำที่อยู่ในไส้เกี๊ยวทำให้อร่อยลื่นไหลลงคอได้ง่ายอีกด้วย ขนาดเขาเป็นเจ้าของร้านอาหารที่ร่วมกับรัฐ พ่อครัวของเขายังทำไม่ได้ขนาดนี้เลย ไม่ได้การละต้องคุยธุรกิจกันหน่อยแล้ว “หนูน้อยซาลาเปาอร่อยมากเลย เกี๊ยวด้วย ใครเป็นคนทำเหรอ” จ้าวเว่ยหลงอยากรู้ว่าเด็กน้อยจะตอบยังไง “แม่เจียวเจียวเป็นคนทำค่ะ คนที่อยู่ที่ร้านนั่นไงคะ แต่ว่ามีคนรังแกแม่เลยทำให้ไม่มีใครอยากจะซื้อซาลาเปาหรือเกี๊ยวเลยคะ” ซ่งเหมยจูบอกหน้าเศร้า “เอาอย่างนี้ไหม สาวน้อยพาลุงไปที่ร้านหน่อยได้ไหมลุงยินดีที่จะซื้อและต้องการทำการค้ากับแม่ของหนูด้วย” เขาคุยกับเด็กน้อยทำให้คิดถึงลูกสาวของตัวเองที่เป็นเด็กขี้อายถ้าได้เป็นเพื่อนกับสาวน้อยตรงหน้านี้ท่าจะดีนะ “จริงเหรอคะ เย้! หนูดีใจที่สุดเลยที่ขายของได้แล้ว จื้อผิงกลับไปที่ร้านกันได้แล้ว” ซ่งเหมยจูตะโกนเรียกน้องชาย ซ่งจื้อผิงเองก็ไม่ต่างจากพี่สาวทั้งๆ ที่เขาเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่ต้องการช่วยแม่ทำงาน ทำให้เขาสามารถชวนป้าคนหนึ่งไปซื้อซาลาเปาได้เหมือนกัน จากนั้นเด็กน้อยทั้งสองคนพาลูกค้ากลับมาที่ร้าน “แม่หนูเลี้ยงลูกได้เก่งมากเลยนะช่วยแม่ทำมาหากินได้ด้วยตัวแค่นี้เอง แล้วซาลาเปาขายยังไงเนื้อเยอะมากเลย” ป้าคนที่ซ่งจื้อผิงพามาถามขึ้น “ไส้เนื้อลูกละ ห้าเหมาค่ะ ไส้ผัก สามเหมา แต่ถ้าซื้อไส้เนื้อ ห้าลูกจะแถมไส้ผักให้ หนึ่งลูกค่ะ ส่วนเกี๊ยว ตัวละ สองเหมา สามตัว ห้าเหมาค่ะ” หลินเจียวเจียวรู้ดีว่าราคาของเธอนั้นไม่ได้แพงไปกว่าในเมือง แต่จุดขายของเธอคือใส่เยอะมากๆ ถ้าใครได้ลองจะติดใจทุกราย “โอ๊ะ ดีเลยใส่ไส้มากขนาดนี้ขาย หกถึงเจ็ด เหมาก็ไม่แพงเลยนะ ถ้าอย่างนั้นป้าเอาไส้เนื้อ สิบลูก เกี๊ยว สิบห้าตัวละกัน อย่าลืมแถมป้าละ” คุณป้าหยูพูดยิ้มๆ เมื่อชาวบ้านเห็นว่ามีคนเริ่มมาซื้อซาลาเปาแล้วแถมราคายังไม่แพงอย่างที่คิด เพราะหนึ่งลูกแทบจะกินได้สองคนไหนจะมีเนื้อเต็มๆ อีก ไม่นานชาวบ้านก็เริ่มทยอยที่จะเดินเข้ามาซื้อมาถามบ้าง แต่หลินเจียวเจียวบอกให้ต่อคิวจะได้สะดวกในการซื้อ “ของคุณป้าได้แล้วค่ะ เจ็ดหยวน ห้าเหมานะคะ หนูแถมไส้ผักให้ สามลูกนะคะเอาไปลองชิมดูหนูจะมาขายที่นี่ทุกครั้งที่มีตลาดนัดนะคะ ถ้ายังไงคุณป้าสามารถมาซื้อได้ตลอดนะคะ” หลินเจียวเจียวเธอแถมเพิ่มให้อีก หนึ่งลูก เธอก็ไม่ขาดทุนอะไร “ของผมเอาไส้เนื้อ สิบห้าลูก เกี๊ยว สามสิบตัว แต่ขายให้คนอื่นก่อนก็ได้เพราะผมมีเรื่องที่จะติดต่อการค้ากับคุณ ผมจ้าวเว่ยหลงเป็นเจ้าของร้านอาหารรัฐที่อยู่ในเมืองคิดว่าคุณคงจะเคยเห็น” จ้าวเว่ยหลงไม่อยากให้เวลาขาย ของแม่เด็กน้อยสะดุดลง เพราะเห็นว่าพึ่งจะเริ่มขายได้ เขาจึงเลือกที่จะรอ ให้เธอขายคนอื่นไปก่อน หลินเจียวเจียวใช้เวลาไม่นานก็ขายแต่ละอย่างจนหมดเหลือเพียงของชายหนุ่มที่สั่งไว้เท่านั้น แต่ไม่ใช่ว่าชาวบ้านบางรายจะกลับไปหรอกนะ เพราะความที่อยากจะรู้ว่าเจ้าของร้านอาหารในเมืองมีเรื่องอะไรจะคุยกับคนที่ร้ายกาจที่สุดของหมู่บ้าน “ไม่ทราบว่าคุณจ้าวมีอะไรจะคุยกับฉันคะ” หลินเจียวเจียวเมื่อขายของเสร็จเธอจึงหันกลับมาคุยกับชายหนุ่ม ร้านอาหารรัฐที่เขาพูดถึงไม่อยากจะบอกว่าใหญ่มาก ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม เพราะบางทีคนไม่มีคูปองก็สามารถเข้าไปกินได้ คงจะเส้นใหญ่น่าดู “คือผมต้องการจะทำการค้าขายกับคุณเรื่องของซาลาเปาและเกี๊ยว บอกตรงๆ นะครับว่าแม้แต่พ่อครัวของที่ร้านยังทำไม่อร่อยเท่าที่คุณขายเลย ผมจึงอยากจะถามคุณว่าพอจะทำขายส่งให้ผมได้ไหม ผมจะมียอดสั่งซื้อทุกวัน” จ้าวเว่ยหลงบอกในสิ่งที่เขาต้องการ เขาไม่รู้หรอกว่าเธอมีสูตรอะไรที่ทำให้แป้งของซาลาเปาฟูนุ่มได้ขนาดนี้ ไหนจะแป้งเกี๊ยวอีก เขากล้าพูดเลยว่าไม่มีใครทำได้เหมือนเธอ คงจะเป็นสูตรลับของเธอจริงๆ “คุณต้องการวันละเท่าไหร่คะ และทุกวันหรือเปล่า ฉันจะได้คำนวณราคาที่ขายส่งให้คุณเพราะคุณจ้าวสั่งเยอะ” หลินเจียวเจียวไม่อยากที่จะเอาเปรียบลูกค้า เพราะถ้าซื้อเยอะและมียอดสั่งทุกวัน มันก็จะดีกับเธอมากนั่นหมายถึงเธอจะรายได้ไม่ขาด “ตอนนี้ผมจะสั่งไส้เนื้อวันละ หนึ่งร้อยห้าสิบลูก ไส้ผักวัน ละ เจ็ดสิบลูก เกี๊ยว วันละ สามร้อยตัว คุณพอจะทำให้ได้ไหมส่วนราคาคุณคิดมาได้เลย” เขาไม่กลัวอยู่แล้วเพราะร้านอาหารของเขาสามารถเพิ่มราคาได้อีกสำหรับคนที่ไม่มีคูปอง และของพวกนี้ถ้าเขาจำกัดขายเฉพาะไม่ต้องใช้คูปอง ยังไงเขาก็ได้กำไร “ไส้เนื้อฉันขาย สี่เหมาเพราะฉันใส่ไส้เยอะจริงๆ มันลดลงกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว ส่วนไส้ผักนั้น สองเหมา เกี๊ยวฉันให้ราคาพิเศษเลยค่ะ หนึ่งเหมาต่อตัว คุณจ้าวพอจะรับราคานี้ได้ไหม” เธอไม่อยากลดมากกว่านี้ ถ้าหากลดกว่านี้จะเป็นที่สงสัยได้ หลินเจียวเจียวไม่อยากที่จะมีปัญหา “ได้สิ ยอดที่สั่งทุกวันจะเป็นเงินทั้งหมด หนึ่งพันสี่สิบเหมาหรือ หนึ่งร้อยสี่หยวน คุณตกลงแล้วนะ นี่เงิน หนึ่งร้อยห้าสิบหยวน คุณสามารถส่งของให้ผมพรุ่งนี้ได้เลยไหม ส่วนเงินทอนไม่ต้องให้เด็กน้อยทั้งสองคนไว้ซื้อขนม” ชาวบ้านเห็นว่าเจ้าของร้านอาหารจ่ายเงิน หนึ่งร้อยห้าสิบหยวนตาไม่กะพริบจึงได้แต่อิจฉาหลินเจียวเจียวในใจ ส่วนหลันหลินนั้นได้แต่เก็บความโกรธไว้ในใจ เธอพยายามมาหาเรื่องหลินเจียวเจียวเพราะไม่อยากให้มันขายได้ แต่ทำไมกลับกลายเป็นมันมีรายได้ทุกวันซะละ คอยดูเถอะฉันจะเหยียบแกให้จมดินให้ได้ หลันหลินรู้ว่าการทำการค้าตอนนี้ยังผิด แต่ที่สามารถขายในตลาดนัดนี้ได้นั้นเป็นเรื่องของผู้ใหญ่และหัวหน้าหมู่บ้านได้ริเริ่มทำกัน เพราะต้องการให้ชาวบ้านมีรายได้นอกจากงานในกองพลน้อย ในเมื่อนังหลินเจียวเจียวกล้าที่จะทำขายคอยดูฉันจะแจ้งทางการให้มาจับ ดูสิมันจะมีหน้าขายของได้อีกไหม แต่สิ่งที่หลินหลันไม่รู้เลยว่า จ้าวเว่ยหลงนั้นเส้นใหญ่ขนาดไหน เพราะทุกครั้งที่มีการร้องเรียนเรื่องการทำซาลาเปาขายของหลินเจียวเจียว ไม่ว่าครั้งไหนเบื้องบนจะมีคำสั่งให้ปัดตกทุกครั้งไป จึงทำให้หลินเจียวเจียวสามารถทำอาหารอย่างอื่นที่คิดว่าในร้านของจ้าวเว่ยหลงไม่มีส่งขายได้อย่างต่อเนื่อง “แต่ว่าคุณจ้าวให้ใครมารับได้ไหมคะ ฉันไม่สามารถไปส่งได้จริงๆ ฉันมีเพียงแต่รถเข็นคันนี้เท่านั้นเอง” หลินเจียวเจียวคิดว่าการค้าครั้งนี้เธอคงจะไม่ได้แล้วเพราะถ้าให้เธอเข็นรถไปในเมืองเพื่อส่งทุกเช้าคงไม่ไหว “ได้สิ คุณบอกที่อยู่มาก็แล้วกัน ผมจะให้ลูกน้องเข้ามารับทุกเช้า แล้วถ้าเกิดวันไหนผมว่าง ผมจะพาลูกและภรรยาเข้าไปรับเอง ถ้าภรรยาผมเจอคุณคงอาจจะเป็นสหายกันได้ ภรรยาผมเป็นคนไม่ค่อยพูดสักเท่าไหร่ผมจึงอยากให้เธอเป็นสหายกับคุณ ลูกๆ ของผมด้วยน่าจะอายุไล่เลี่ยกับเด็กๆ ทั้งสองคนนี้” จ้าวเว่ยหลงรู้สึกถูกชะตากับสามคนแม่ลูกนี้มาก ในอนาคตเขาอยากจะรับเธอเป็นน้องสาวบุญธรรมซะเหลือเกิน แต่คงต้องสืบประวัติเธอซะหน่อยแล้วว่ามีคุณสมบัติพอที่จะเป็นน้องสาวเขาหรือเปล่า หลินเจียวเจียวบอกว่าไม่มีปัญหา สามารถพาภรรยาและลูกๆ มาหาเธอที่บ้านได้เลย แต่ว่าบ้านเธออาจจะคับแคบไปหน่อย จากนั้นหลินเจียวเจียวก็บอกที่อยู่บ้านว่าเธอเป็นสะใภ้สามบ้านซ่งและบ้านเธออยู่ตรงไหนอย่าเผลอไปบ้านใหญ่เชียวนะ เพราะเธอไม่อยากมีเรื่องกับบ้านสามี ถ้าหากหาบ้านเธอไม่เจอก็ไปที่บ้านหลินแทนแล้วคนบ้านหลินจะพามาที่บ้านของเธอเอง ********************
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม