"ปล่อยฉันนะรุ่นพี่" เราเป็นบ้าอะไรเนี่ย พอได้สบตาเขาใกล้ๆ ทำไมมันรู้สึกใจหวิวๆ ยังไงชอบกล "บอกให้ปล่อยไงคะ" น้ำเสียงของคนที่พูดอยู่เริ่มสั่นเครือเล็กน้อย
"เราต่างหากที่ต้องปล่อยพี่" เพราะเธอเป็นคนทับร่างเขาอยู่
"อ้าวเหรอ" สโนไวท์ค่อยๆ ดันตัวลุกขึ้น "รุ่นพี่ออกไปนอนระเบียงเลยนะ"
"ระเบียงเขาไม่ได้มีไว้ให้นอน"
"ถ้างั้นก็กลับห้องไป"
"เผื่อพ่อยังไม่กลับล่ะ"
"นั่นมันปัญหาของรุ่นพี่ ฉันเป็นผู้หญิงนะ!"
"พี่ไม่ทำอะไรหรอก"
แกร็ก..แกร็ก.. ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่ เสียงหมุนลูกบิดประตูข้างห้องก็ได้ดังขึ้น ดวงตาของคนทั้งสองประสานกันแบบไม่ได้นัดหมาย และรู้ได้ในทันทีว่าคนที่ทดลองบิดประตูนั้นเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพ่อ คิดว่าที่ท่านลองหมุนเผื่อว่าประตูไม่ได้ล็อกท่านจะได้เข้าไปเช็คห้องนั้นดูได้
"รุ่นพี่ว่าท่านจะรู้ความจริงไหม"
"ถ้าเราแยกห้องกันอยู่แบบนี้ท่านคงรู้"
"ฉันไม่ร่วมห้องกับพี่นะ"
"พี่ก็บอกแล้วไงว่าไม่ทำอะไรเราหรอก นอนเถอะเหลือเวลานอนอีกแค่ไม่กี่ชั่วโมง" ว่าแล้วเทวินก็หันหลังให้ แถมยังทำเป็นหลับอีก
"ทำเหมือนกับเป็นห้องตัวเอง" หญิงสาวสะบัดร่างเล็กน้อยแบบไม่สบอารมณ์ ก่อนที่จะทิ้งตัวลงนอน
ที่จริงเทวินนอนไม่หลับหรอก คิดเรื่องประชุมแถมยังมีเรื่องพ่อให้คิดเพิ่มอีก ถ้าท่านรู้ความจริงต้องบังคับให้เราหยุดแผนการนี้แน่เลย
ชายหนุ่มค่อยๆ หันกลับมามองหญิงสาวที่ดูเหมือนจะหลับไปแล้ว เป็นไปได้ไหมที่เขากับเธอจะทำเรื่องนี้ให้เป็นจริง ..แต่คำตอบที่ได้คือเป็นไปไม่ได้เลย เธอยังเด็กมาก แถมเขาก็ไม่ได้ชอบเธอด้วย
02 : 40 น. ทั้งสองตื่นขึ้นมาพร้อมกันด้วยเสียงนาฬิกาปลุกที่สโนไวท์ตั้งปลุกไว้ ตอนที่รู้ว่าเทวินจะพาเดินทางเวลาไหน
"พี่กลับห้องไปเลย ฉันจะอาบน้ำ"
ได้ยินเธอพูดชายหนุ่มก็เลยเดินไปทางประตูระเบียง
"อย่าบอกนะว่าพี่จะกลับทางเดิม"
"ไม่ได้เอากุญแจห้องออกมาด้วย" เพราะรีบเกินไปก็เลยไม่ได้หยิบอะไรออกมาด้วยเลย
"แต่มันอันตรายนะ"
"อันตรายยังไง"
"ตัวเองเพิ่งตื่นนอน"
"ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก" พอออกไปนอกระเบียงได้ เขาก็ข้ามไปอย่างง่ายดาย
ส่วนสโนไวท์เห็นว่าเทวินปลอดภัยแล้ว เธอถึงได้เข้าห้องน้ำ
เวลาผ่านไป..ตอนนี้ทั้งสองคนได้เดินทางออกมาแล้ว เทวินใช้มอเตอร์เวย์ในการเดินทาง
จนเวลาผ่านไปตามที่เขาวางแผนไว้ ก็ได้มาถึงบริษัทของคุณปู่
พินัยกรรมที่ศักดินาทำไว้มอบให้หลานชายคนโต เพราะถ้าแยกหุ้นออกให้หลานแต่ละคน..อาจจะไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ก็ได้ แต่ศักดินาก็ไว้ใจเทวินมาก เพราะเลี้ยงมากับมือ ว่าเทวินจะดูแลหุ้นที่มีอยู่ได้
ห้องประชุมใหญ่..
พอเทวินกับสโนไวท์มาถึงในที่ประชุม ก็มีผู้บริหารเข้ามาก่อนหน้านั้นหลายคนแล้ว
แต่พอเขามองไปตรงเก้าอี้ประจำตำแหน่งของท่านประธาน กลับมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่
"สวัสดีค่ะ"
"สวัสดีครับ" ชายหนุ่มทักทายกลับแบบไม่ให้เสียมารยาท แต่สายตาเขาก็ยังคงมองเก้าอี้ว่าเธอจะลุกตอนไหน
"สวัสดีครับคุณเทวิน" เสียงนี้ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง..เทวินก็เลยหันกลับไปมอง
"คุณวันชัย" เทวินพอรู้จักผู้ถือหุ้นอยู่บ้าง และวิชัยก็คือหนึ่งในผู้ถือหุ้น
"คุณเทวินคงยังไม่รู้ว่าคุณเอกมัยให้หลานสาวเข้ามารับตำแหน่งแทน และเธอคนนี้ก็คือหลานสาวของคุณเอกมัย เธอชื่อว่าลักขณาครับ"
"แล้วไงต่อครับ" เทวินรู้จักเอกมัยเป็นอย่างดี ตอนสมัยคุณปู่ถึงแม้เอกมัยจะมีคดีติดตัว แต่ก็รอดพ้นมาได้ แถมยังกลับเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นอันดับที่สอง
"อุ้ยขอโทษค่ะ เชิญคุณเทวินนั่งเลยค่ะ" ลักขณาแกล้งลุกขึ้นแบบเขินอาย ที่เผลอไปนั่งโต๊ะของท่านประธาน พอลักขณาลุกขึ้น เธอก็ขยับไปนั่งเก้าอี้ข้างๆ กัน
"ขอเก้าอี้เพิ่มอีกตัวด้วยครับ" เทวินนั่งลงประจำตำแหน่งของท่านประธาน พร้อมเอ่ยขอเก้าอี้ เพราะตอนนี้ข้างๆ เขาไม่มีเก้าอี้ว่างแล้ว
"ทำไมไม่ให้เลขาไปอยู่มุมนั้นกับเลขาคนอื่นล่ะคะ" ลักขณายื่นใบหน้าเข้าไปถามใกล้ๆ โดยไม่สนใจว่าเสื้อที่ตัวเองใส่แบบโชว์ร่องหน้าอกจะขยับออกจนเห็นเนิน
"ขอโทษครับเธอไม่ใช่เลขา แต่เป็นภรรยาของผม"
"คะ?" ไม่ได้ตกใจแค่ลักขณา ผู้ร่วมหุ้นที่อยู่ในห้องนั้นต่างก็ตกใจ หันมองไปที่สโนไวท์แบบพร้อมเพรียงกัน
ที่ทุกคนแปลกใจ เพราะไม่มีรายงานมาเลยว่าเทวินแต่งงานแล้ว
"ถ้างั้นผมถือโอกาสแนะนำภรรยาให้พวกท่านได้รู้จักกันเลยนะครับ เธอชื่อสโนไวท์ เป็นบุตรสาวของท่านพลโทกองทัพ พวกคุณคงรู้จักพ่อของเธอเป็นอย่างดีใช่ไหมครับ"
"อะไรนะคะ?" ลักขณาดูจะตกใจกว่าเพื่อนเมื่อรู้ว่าเธอคนนี้เป็นใคร
นับจากอายุแล้วลักขณาอายุเท่ากับเทวิน และเธอก็มีสิทธิ์เข้ามารับตำแหน่งนี้ เพราะเธอคือผู้สืบทอดของคุณตาเอกมัย
"เชิญนั่งค่ะ" เลขาที่รอสแตนด์บายอยู่ด้านข้าง รีบหาเก้าอี้มาให้กับสโนไวท์ได้นั่ง
"คุณช่วยขยับหน่อยครับ ภรรยาผมจะเข้ามานั่งตรงนี้" เทวินปลายหางตามองไปดูลักขณาเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเธอคนนั้นยังคงนั่งชิดติดกับเขาอยู่
"ค่ะ"
พอสโนไวท์ได้ที่นั่งแล้ว เทวินก็เริ่มการประชุม
"แต่ได้ข่าวว่าคุณกำลังเรียนอยู่ไม่ใช่เหรอครับ" คุยกันมาถึงบางช่วงบางตอน ผู้ร่วมหุ้นที่รอแทรกแซงอยู่ก็รีบพูดขึ้น
"ทำไมครับผมเรียนแล้วจะรับตำแหน่งประธานบริษัทไม่ได้..หรือไงครับ"
"รับได้น่ะมันรับได้ครับ แต่คุณจะเอาเวลาไหนเข้ามาบริหารบริษัท"
"เรื่องนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผม คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ" เพราะถ้างานไหนไม่สำคัญหรือไม่เร่งด่วน เขาสามารถติดต่อกับเลขาคนของคุณปู่ได้โดยการสื่อสารผ่านหลายๆ ช่องทาง
"คุณเห็นบริษัทเป็นสนามเด็กเล่นเหรอครับ ถ้าการบริหารของคุณ ทำเหมือนเด็กๆ แล้วพนักงานตาดำๆ อีกหลายร้อยชีวิตรวมทั้งครอบครัวของพวกเขา จะอยู่กันยังไงถ้าบริษัทไปไม่รอด"
"สวัสดีค่ะ" จากที่นั่งเงียบมาตั้งนาน พอถึงจังหวะที่ผู้ร่วมหุ้นกำลังต้อนเทวินให้จนมุมอยู่นั้น เสียงหวานๆ ก็ได้เอ่ยพูดขึ้น จนทุกคนหันมาให้ความสนใจ "คุณชื่ออะไรคะ" สโนไวท์ถามผู้ชายคนที่พูดอยู่เมื่อสักครู่
"ชื่อสุทัศน์ครับ"
"คุณสุทัศน์ ผู้ถือหุ้นอันดับท้ายๆ ของบริษัท.. มีสิทธิ์ออกความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยเหรอคะ"
"คุณรู้ได้ยังไง เออ.." การที่จะรู้ตัวหุ้นที่ผู้บริหารทุกคนมีอยู่ในมือ ต้องผ่านการเช็คจากระบบของบริษัทเท่านั้นถึงจะรู้ได้ แต่เธอคนนี้ฟังแค่ชื่อทำไมถึงรู้ไปถึงหุ้นที่มีอยู่ในมือแล้ว
"ฉันยังรู้เยอะกว่านั้นอีก คุณอยากฟังไหมล่ะคะว่าฉันรู้อะไรบ้าง"
"ณาว่าเราอย่าเสียเวลากับเรื่องเล็กๆ พวกนี้เลยค่ะ เรื่องใหญ่กำลังรอเราอยู่ ประชุมกันต่อเถอะค่ะ"
สโนไวท์เอนกายพิงกับเก้าอี้ที่นั่ง สายตากรอกมองมาดูผู้หญิงที่เพิ่งขัดจังหวะเธอเมื่อสักครู่ แล้วเก็บรายละเอียด
หลังประชุมเสร็จ..
"เธอรู้ได้ยังไง" เทวินถามในขณะที่เดินมาใกล้จะถึงรถ
"รู้อะไรคะ"
"รู้เรื่องหุ้น"
"รู้จักลายมือมั้ง"
"สโนว์"
"จะดุทำไมเนี่ย ก็แค่เดาเอา" ว่าแล้วหญิงสาวก็เดินไปขึ้นรถ
กว่าจะกลับมาถึงหอพักก็ค่ำมืดมากแล้ว..
"ไม่ต้องหันกลับไปมอง" ที่จริงเทวินเห็นแล้วว่ามีรถคันหนึ่งตามมา พอสโนไวท์จะหันกลับไปตอนลงจากรถเทวินก็ห้ามไว้
"รุ่นพี่คิดว่าเป็นคนของใคร"
"ของพ่อ"
"ห๊า?"
"ทำตัวให้ปกติที่สุด ตามพี่มา" เขาพาเธอขึ้นมาจนถึงชั้น 4
"รุ่นพี่จะทำอะไร"
"ก็เข้าห้องไง"
"แต่ห้องรุ่นพี่ไม่ใช่ห้องนี้"
"เปิดประตูก่อนเถอะน่า" เทวินเห็นว่าเธอชักช้าก็เลยเอากุญแจจากเธอมาเปิดห้อง "เราคงต้องอยู่ห้องเดียวกันไปก่อน"