“บางทีเขาอาจพูดถูกที่ว่าดาไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้ แต่ทำไมดาต้องยอมเหนื่อยพูดจนเจ็บคอ เสียงแหบแห้งอธิบายให้ทุกคนเข้าใจ คอยเสริมความจริงที่คุณลุงสุกรีเอ่ยแล้วพวกลูกบ้านทั้งหลายยังมึนงง และพยายามอธิบายให้ทุกคนเข้าใจอย่างกระจ่างแจ้ง โดยที่ไม่ได้อะไรเลย ไม่ได้อะไรเลยจริงๆ...แต่ดาก็เลือกที่จะทำมัน... เพราะอะไร หากไม่ใช่เพราะต้องการให้ทุกคนรักษาผืนแผ่นดินของตัวเองไว้” น้ำเสียงประคองระดับให้ปรกติขัดกับอารมณ์และความรู้สึกตอนนี้
ก้อนแข็งๆ ที่อัดแน่นขึ้นมาในห้วงของความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ถูกกำจัดให้หายไปอย่างรวดเร็ว หล่อนยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อคนกลุ่มนี้จะได้มีที่อยู่ต่อไป แม้จะเสี่ยงกับการถูกทำร้ายและโกรธเคืองของใครบางคน แต่สุดท้ายก็ยังมีคนไม่เข้าใจความรู้สึกที่หล่อนตั้งใจทำอยู่ดี
“ดาอยากให้ทุกคนเข้าใจถึงความรู้สึกที่ดายอมเหนื่อย ยอมเดินตามคุณลุง พูดจาเกลี้ยกล่อมทุกหลังคาบ้าน ทุกคนเชื่อคุณลุงสุกรี หนูก็เชื่อคุณลุงเช่นกัน ไม่ได้มีความคิดแปลกแยกออกไปเลย แล้วอย่างนี้ทุกคนน่าจะเห็นในความหวังดีของดาบ้าง ความตั้งใจมันซื้อไม่ได้ด้วยคำพูดของคนบางคน การกระทำและความมุ่งมั่นคือความจริงที่ดาจะทำต่อไป ขอให้ทุกคนเชื่อใจดา แม้วันนี้อาจจะมีใครหลายคนจะมีความรู้สึกเปลี่ยนไป แต่ความตั้งใจไม่เปลี่ยนแปลงแน่นอน คำพูดที่ทิ่มแทงไม่ได้ทำให้ความตั้งใจของดาเปลี่ยนไป และดาจะไปก็ต่อเมื่อทุกคนได้อยู่ตรงที่เดิม ที่ที่เคยอยู่เท่านั้น!”
คำพูดหนักแน่นสีหน้าจริงจังมันย้ำให้กลุ่มชาวบ้านเริ่มรู้สึกคลายความกังวลขึ้น หลังจากที่อึ้งกับคำพูดของชายหนุ่มที่ทุกคนต่างรู้จักดี แต่ภายในใจที่ทุกคนไม่อาจอ่านออกว่าเขาเป็นคนเช่นไร ด้วยความคิดที่ผิดหลักการต่างจากผู้เป็นลุงโดนสิ้นเชิง
“ทำเป็นพูดดี!” เขาทิ้งทายด้วยคำพูดและหางตา ก่อนจะหันหลังกลับออกไปทางเดิมที่แทรกเข้ามา แต่ครานี้แรงเดินมันมากไปด้วยอารมณ์ ทำเอาชาวบ้านที่ถูกกระแทกเสียหลักไปตามๆ กัน
“ไอ้หลานคนนี้มันจะเอายังไงของมัน สองวันก่อนมันบอกว่าจะช่วยพูดคุยกับชาวบ้านว่าอย่ายอม ทำไมวันนี้มันจึงเปลี่ยนความคิดเร็วจริง” ผู้สูงวัยเอ่ยเหมือนระบายให้คนข้างๆได้ยินไปด้วย
“เราก็ต้องเฝ้ารอดูว่า เอ่อ... นายนพว่าเขาจะเอายังไง หากยังเอาคำพูดเมื่อกี้ไปคุยกับชาวบ้านคนอื่นๆ อีก พวกเราคงลำบาก และต้องตามไปพูดเปลี่ยนความคิดของคนพวกนั้นเสียใหม่” ชลิดาเริ่มร้อนใจ
“มันจะเอายังไงล่ะหนูดา มันก็จะเอาเงินน่ะสิ...” ทุกสายตาหันมอง ป้าไสวเป็นแม่ค้าหาบเร่อย่างสนใจ เหมือนๆ กับชลิดาและลุงสุกรีที่ให้ความสนใจคำพูดนั้นไม่ต่างกัน
คนที่เอ่ยโพล่งออกมา หันซ้ายแลขวาเริ่มลังเล ก้มหน้าไม่กล้าสบสายตาใครๆ เหมือนกลัวว่าเรื่องที่ตนเองพูดออกมาจะทำความเดือดร้อนมาให้ตน
ปากหนอปากหาเรื่องอีกแล้ว... ป้าไสวเอ่ยสบถในใจอย่างรู้ดีว่า หากทุกอย่างถูกเปิดเผยออกไป นางรู้ชะตากรรมตัวเอง เพราะรู้จักนิสัยนักเลงหัวไม้อย่างนพพรดี
“มีเรื่องอะไรแม่ไสว ที่แม่ไสวไม่กล้าบอก...?”
ชายสูงวัยเอ่ยถาม น้ำเสียงไม่ได้ข่มขู่แต่อย่างใด แต่กลับรู้สึก ห็นใจ หากแต่ทำอะไรไม่ได้ เมื่อนางเป็นคนเอ่ยเรื่องนี้ออกมาเอง
“บอกมาเถอะ หลานฉันมันไปทำอะไรมา ฉันรับรองว่าจะจัดการกับหลานชายฉันเอง”
แม้มั่นใจว่าหลานชายคงไม่อยู่เฉยและจะก่อเรื่องอีกเป็นแน่ หากการกระทำที่ทำไว้ถูกเปิดโปง แต่สิ่งที่ได้จากป้าไสวคือความเงียบและคำพูดต่อจากนั้น มันทำให้คนสูงวัยต้องถอนหายใจ
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันก็พูดไปอย่างนั้นแหละ” เอ่ยปัดความจริงให้พ้นตัว ก่อนจะเดินแทรกกลุ่มหายออกไป
... ใช่ทุกคนไม่ว่าใคร ต่างก็ห่วงชีวิตและความปลอดภัยของตัวเองมากที่สุด เขาไม่โทษเธอ ...!ลุงสุกรีคิดแบบนั้น ด้วยความหวั่นใจ
ใบหน้าชายสูงวัยที่เต็มไปด้วยริ้วรอยตามอายุ คิ้วหนาขมวดมุ่นเข้าหากัน ใบหน้าเครียดขรึมกว่าเดิม ทำให้ชลิดา เริ่มยืนไม่ติดเป็นห่วงความรู้สึกที่อ่อนไหว หากลุงสุกรีเกิดรับไม่ได้ขึ้นมา รู้ว่ายังไงเรื่องก็คงไม่กระจ่างหากความลับที่ป้าไสวรู้ไม่ได้รับการบอกกล่าวถึงกัน แต่ใช่ว่าเธอจะไม่ห่วงความปลอดภัยของหญิงสูงวัยคนนั้น ทุกชีวิตย่อมมีค่าด้วยกันทั้งนั้น... และที่สำคัญ คนเราทุกวันนี้มันซื้อได้ด้วยเงิน!
วันนี้ชลิดาจัดการพูดย้ำเจตนารมณ์เดิมของทุกคน ให้แข็งใจและร่วมใจกันให้เหนียวแน่น อย่าหลงเชื่อสิ่งที่พวกนายหน้านักลงทุนเอามายั่วยวน
‘เพราะสิ่งที่จะได้รับกลับมาคือความผิดพลาดที่ทุกคนจะต้องได้รับ และจะร้องหาสิ่งที่เสียไปให้กลับมาเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว...!’
ทุกคนแยกย้ายกลับไปแล้ว ชลิดาจึงลาลุงสุกรีกลับบ้านพัก ตอนขากลับเธอมีเพื่อนคุยมาตลอดครึ่งทาง ก็คือป้าพิม “แวะไปกินอะไรบ้านป้าก่อนดีไหม?” คนโสดใจดีเอ่ยบอกอย่างคนมีน้ำใจ
“ขอบคุณมากนะคะ แต่ดาจะรีบกลับไปดูเจ้าชมพู่ ไม่รู้ว่าแอบหนีไปไหนอีกหรือเปล่า เอาไว้โอกาสหน้าดีกว่านะคะ” ยกมือไหว้ ผู้สูงวัยกว่าอย่างนอบน้อม อีกคนรับไหว้ยิ้มในหน้า รู้สึกชอบในความมีน้ำใจของสาวสวยร่างเล็กตรงหน้าเสียนี่กระไร
ชลิดาถอนหายใจยาวๆ รู้สึกไม่ดีนักที่ปฏิเสธความมีน้ำใจของป้าพิม แม้กลัวอีกฝ่ายจะเสียความรู้สึกแต่เธอก็ต้องเลือกที่จะทำ
... แต่ก็แค่ตอนนี้เท่านั้น...! ยิ้มบางๆ ให้ความหวังกับตัวเอง
ทางที่ใช้เดินเป็นประจำทำให้รู้สึกคุ้นชินเป็นอย่างดี แต่วันนี้ เธอกลับรู้สึกแปลก เมื่อรถเก๋งคันใหม่เอี่ยมยี่ห้อเชฟโรเลตขับผ่านเส้นทางเข้ามา เพราะน้อยครั้งที่จะเห็นรถราคาแพงใช้ถนนเส้นนี้ ตากลมโตที่อยู่ภายใต้หมวกใบเล็กหันหน้าเพ่งมองอย่างอดไม่ได้ โดยที่เท้ายังคงเดินหน้าไปตามเส้นทางที่เดินอยู่ประจำ
“อ้าวเฮ้ย!!”
เอี๊ยดดดด โครม!!!
เสียงของใครบางคน ที่ดังมาพร้อมกับเสียงอะไรสักอย่างที่กระแทกไปกับพื้นแข็งๆ ลากยาวจนฟังดูน่ากลัว ทำให้ใบหน้านวลงามหันกลับมาทันที แล้วก็ต้องตกใจสุดขีด มือเรียวสองข้างยกขึ้นมาปิดเสียงร้องของตัวเองไว้
เธอไม่ได้ทำอะไรเลยนะ...!