หลังจากที่หมอประจำตำหนักอ๋อง ได้มาตรวจอาการของหลิวเยี่ยนจือแล้ว ก็ได้เข้ามารายงานถึงผลการตรวจให้กับชินอ๋องได้รับทราบ โดยข้างกายของเขามีเหอเฟยถิงที่กำลังฝนหมึกให้เขาอยู่ข้างๆ ด้วยใบหน้าที่คล้ายกับไม่สนใจที่แสดงออกมาของนาง แต่ในใจกลับแตกต่างออกไป
"กราบทูลท่านอ๋อง พระชายาทรงมิเป็นอันใดมากเพียงแค่เป็นอาการทั่วไปของสตรีตั้งครรภ์อ่อนๆ เพียงเท่านั้น"
"เจ้าว่าอันใดนะ" ในตอนนี้ชินอ๋องเฉินเทียนอี้ เหมือนกับถูกสายฟ้าฟาดเข้าไปที่ศีรษะอย่างแรง หลังจากฟังถ้อยคำนั้นจบ หูทั้งสองข้างของเขาอื้ออึง ไปด้วยถ้อยคำเมื่อสักครู่นี้ซ้ำไปซ้ำมา
"พระชายาทรงตั้งครรภ์ ได้สองเดือนแล้วพ่ะย่ะค่ะ"
แม้แต่เหอเฟยถิง ที่ได้ยินถ้อยคำนี้ ยังทำแท่นฝนหมึกตกลงกับพื้นกระจัดกระจาย ใบหน้าของนางซีดเผือด ราวกับคนไร้ชีวิต นางเพียงแค่ทวนคำนั้นไปมาอย่างเหม่อลอย
"ตั้งครรภ์"
เมื่อแท่นฝนหมึกตกลงพื้นเกิดเสียงดัง จึงทำให้ทั้งสองคนตื่นออกมาจากในภวังค์ของตนเอง พวกเขาจ้องมองหน้ากันไปมาโดยไร้ซึ่งคำพูดใดที่จะกล่าวต่อกัน
"ถิงเอ๋อร์"
"หม่อมฉันขอตัวกลับก่อนเพคะ" เหอเฟยถิงหมุนตัว ออกมาจากภายในตำหนักนั้นอย่างรวดเร็ว ทั้งเนื้อทั้งตัวของนางสั่นเทาไปด้วยความเสียใจ น้ำตาทั้งสองข้างไหลอาบแก้มลงมาไม่ขาดสาย
"ถิงเอ๋อร์!!! "
ชินอ๋องเฉินเทียนอี้รีบตามนางออกไปอย่างรวดเร็ว ด้วยใจที่ไม่เป็นสุข เขารีบเข้าไปคว้าข้อแขนเล็กของนางเอาไว้ พร้อมกับดึงร่างบางของนางเข้าสู่อ้อมกอดอย่างลนลาน
"ถิงเอ๋อร์เจ้าฟังเปิ่นหวาง ก่อน"
"ไม่เพคะ หม่อมฉันไม่ต้องการฟังสิ่งใดแล้ว"
"เจ้าอย่าทำเช่นนี้ได้หรือไม่ ถึงอย่างไรเจ้าก็คือสตรีที่เปิ่นหวางรักเพียงผู้เดียวเท่านั้น"
"แล้วมันจะสำคัญอันใดในเมื่อความจริงก็คือนางกำลังตั้งครรภ์บุตรของพระองค์"
"ถิงเอ๋อร์ เปิ่นหวางรู้ว่าเรื่องนี้ไม่สามารถพูดว่าไม่ใช่เรื่องจริงได้ แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้ว ก็คงไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้อีก เจ้าก็รู้เรื่องที่เกิดขึ้นดีกว่าผู้ใด ถึงนางจะตั้งครรภ์บุตรของเปิ่นหวาง แต่เปิ่นหวางก็หาได้พิศวาสในตัวนางแม้แต่น้อย เจ้าก็รู้ดีไม่ใช่หรือ"
"หม่อมฉันเกรงว่าความสัมพันธ์ของพระองค์กับนางจะยิ่งแน่นแฟ้นขึ้น นางคงจะใช้บุตรในครรภ์เข้ามาต่อรองกับพระองค์เป็นแน่"
"นางไม่มีความสามารถที่จะทำเช่นนั้นได้หรอก เชื่อใจเปิ่นหวางเถิด" สายตาที่แน่วแน่ของชินอ๋องเฉินเทียนอี้ ในขณะที่กล่าวกับนางทำให้เหอเฟยถิงรู้สึกอุ่นใจไปได้เปราะหนึ่ง
และนางก็ไม่ได้ต้องการที่จะทำตัวงี่เง่า ให้เขารู้สึกรำคาญและเบื่อหน่ายเช่นกัน การรู้จักถอย แล้วกลับไปวางแผนการเสียใหม่ คงจะดีกว่าในสถานการณ์ตอนนี้
เหอเฟยถิงจึงใช้น้ำเสียงสั่นเครือนั้น กล่าวออกไปกับเขาอย่างน่าสงสาร เพื่อให้เขาเห็นใจ
"สัญญานะเพคะ"
หลังจากที่เหอเฟยถิงได้กลับไปแล้ว เขาก็ได้ไปหาหลิวเยี่ยนจือที่ตำหนักด้วยจิตใจที่สับสนวุ่นวาย
"หลิวเยี่ยนจือ ข้าควรจะทำเช่นไรกับเจ้าดี"
ภาพของสตรีที่กำลังนอนสลบไสลอยู่บนเตียง ด้วยใบหน้าซีดเผือด ดูแล้วชวนให้น่าสงสารจับใจ เขาจ้องมองภาพนั้นอยู่นาน จนเห็นว่านางได้ลืมตาตื่นขึ้นมา ถึงได้ละสายตาออกมา และกล่าวกับนางโดยใช้น้ำเสียงเยือกเย็น โดยไม่แม้แต่จะมองหน้านาง
"อย่าได้คิดว่าถึงแม้เจ้าจะตั้งครรภ์ แล้วจะสามารถได้อภิสิทธิ์ใดจากเปิ่นหวาง เปิ่นหวางจะยังปฏิบัติกับเจ้าเช่นเดิม แค่เพียงต่อจากนี้ เรื่องค่าใช้จ่ายของเจ้าก็ให้ไปเบิกได้ที่พ่อบ้านเก๋อ ตามสิทธิ์ที่เจ้าควรจะได้รับ เปิ่นหวางจะให้สาวใช้มาดูแลในช่วงที่เจ้ากำลังตั้งครรภ์"
แต่ในตอนนี้เหมือนกับว่าหลิวเยี่ยนจือไม่สามารถรับรู้ในสิ่งที่ชินอ๋องกล่าวกับนางแม้เพียงประโยคเดียว เพราะสติของนางล่องลอยไปตั้งแต่ที่เขากล่าวว่านางได้ตั้งครรภ์แล้ว
บ้ารึเปล่า!!! แค่เพียงคืนเดียวก็ตั้งครรภ์แล้วเหรอ
ไม่!!!
นางจะไม่ยอมให้เรื่องทุกอย่างเป็นเช่นนี้ แล้วความต้องการที่นางจะออกไปยังตำหนักแห่งนี้ จะเป็นความจริงไปได้เช่นไร
หลังจากที่หลิวเยี่ยนจือ ตั้งสติได้แล้ว นางก็จ้องมองไปที่ใบหน้าของชินอ๋องเฉินเทียนอี้อย่างต้องการจะค้นหาความจริง ว่าเรื่องที่เขากล่าวมาเมื่อสักครู่นี้ มิใช่เรื่องโกหก
"หม่อมฉันตั้งครรภ์หรือ"
"หึ!!! เจ้าจะทำสีหน้าท่าทางตกใจเช่นนั้นไปเพื่ออันใด เจ้าควรจะดีใจไม่ใช่หรือ ที่ในตอนนี้เจ้าสามารถตั้งครรภ์บุตรของเปิ่นหวาง อย่างที่เจ้าตั้งใจไว้สำเร็จแล้ว" ชินอ๋องใช้สายตาดูแคลน จ้องมองมาที่หลิวเยี่ยนจือ ที่ในตอนนี้กำลังมีท่าทางสับสน และคล้ายจะไม่เชื่อในคำพูดนั้นของเขา
หลิวเยี่ยนจือเอาแต่พูดคำนั้นซ้ำไปซ้ำมาคล้ายกับคนสติหลุดไปเสียแล้ว
"ตั้งครรภ์ได้เช่นไร"
ในขณะที่ทุกคนไม่ทันได้สังเกต ต้นไม้และดอกไม้ที่อยู่รายล้อมรอบตำหนักของหลิวเยี่ยนจือ ก็พลันเหี่ยวเฉาลง เหมือนกับสภาพอารมณ์ของนางในตอนนี้
"บ้าที่สุดเหตุใดสตรีโง่เง่านางนี้ถึงได้ไม่รู้จักป้องกันตนเอง นี่นางคิดว่าบุรุษโง่เขลาผู้นี้ จะยินยอมเลี้ยงดูบุตรของนางด้วยความรักเช่นนั้นหรือ ช่างเป็นสตรีที่โง่เขลาเสียจริง" หลิวเยี่ยนจือสบถถ้อยคำเหล่านั้นออกมาจากปากอย่างลืมตัว
ชินอ๋องได้แต่เลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ เมื่อได้ยินคำกล่าวประโยคนั้นของนาง นี่นางกำลังด่าทอผู้ใดกัน
ด่าตนเองเช่นนั้นหรือ
แล้วบุรุษผู้ที่นางว่าโง่เขลาผู้นั้นหมายถึงใคร... ใช่ตัวเขาหรือไม่
แต่นางพูดเหมือนกับว่าสตรีที่นางได้กล่าวถึงเมื่อสักครู่นี้ มิใช่นางเสียอย่างนั้น หรือว่าเขาจะฟัง ในสิ่งที่นางกล่าวผิดไป
"บ้าที่สุด สวรรค์กำลังเล่นตลกอะไรกับชะตาชีวิตของฉันกันแน่ ถ้าจะให้มาเกิดใหม่ทั้งที ทำไมถึงไม่ส่งฉันมาในร่างของผู้หญิงที่ไม่มีสามี แล้วนี่อะไรฉันไม่ต้องการของแถม ไม่ต้องยกทั้งสามีและลูกมาให้สาวโสดอย่างฉัน พร้อมกันแบบนี้ก็ได้ฉันยังไม่พร้อม"
ถ้อยคำมากมายได้พรั่งพรูออกมาจากริมฝีปากบางนั้นของนางอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงโดยง่าย คำด่าทอสาปแช่งสวรรค์ และยังด่าทอ ตนเองของนาง ทำให้ชินอ๋องเฉินเทียนอี้ ยิ่งรู้สึกสับสนมึนงงเป็นอย่างมาก หรือว่านางจะตกใจจนสติหลุดไปจริงๆ
เขาจึงอดไม่ได้ที่จะเข้าไปใกล้นางมากขึ้น แต่เมื่อหลิวเยี่ยนจือ เห็นว่าชินอ๋องเฉินเทียนอี้ ได้เข้ามาใกล้นางเช่นนี้ ยิ่งทำให้นางตกใจกลัว จนรีบผลักเขาออกอย่างแรง ด้วยความตกใจ
"ไปให้พ้นเลย เพราะท่านนั่นแหล่ะ ที่ทำให้ชีวิตของข้าเป็นเช่นนี้"
"เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรืออย่างไรหลิวเยี่ยนจือ" ชินอ๋องจับตัวนางเขย่า เพื่อเรียกสติให้กับนาง และก็ดูเหมือนว่าการกระทำเช่นนี้จะได้ผล เพราะสายตาที่นางจ้องมองมาที่เขา แปรเปลี่ยนไป ท่าทีลนลานตกใจเมื่อสักครู่นี้ ก็ได้หายไปเช่นกัน
เมื่อหลิวเยี่ยนจือถูกเขย่าจนสติกลับมาเป็นตัวของตนเองอีกครั้ง นางจึงได้รู้ว่าตนเองได้ทำสิ่งใดลงไปและเก็บกิริยาของตนเองให้กลับมาสุขุมและมีสติอีกครั้ง
บุรุษผู้นี้จงเกลียดจงชังนาง หากเขารู้ว่านางเป็นเพียงวิญญาณเร่ร่อนที่เข้ามาสิงสู่อยู่ในร่างนี้ คงไม่แคล้วว่าเขาจะต้องหาวิธีกำจัดนางให้ตายไปเป็นรอบที่ 2 เป็นแม่ นางจะยอมให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้...
"หม่อมฉันอยากอยู่คนเดียวเพคะ" กล่าวประโยคนี้กับเขาเสร็จ หลิวเยี่ยนจือก็เอนตัวลงไปยังที่นอน และหันหลังให้กับชินอ๋องโดยไม่ได้สนใจว่าเขาจะอยู่หรือไป
"หึ!!! งั้นเจ้าก็พักผ่อนเถิด พวกเจ้าดูแลนางให้ดี" ก่อนที่จะออกไป เขายังไม่ลืมที่จะกำชับสาวใช้ทั้งสองคนที่ได้นำมาใหม่ เพื่อที่จะให้มาดูแลปรนนิบัตินางในช่วงนี้ เพราะถึงอย่างไร นางก็กำลังตั้งครรภ์บุตรของเขา ถึงแม้นว่าเขาจะเกลียดชังนางมากเพียงใด แต่เด็กก็ไม่ได้รู้เรื่องอันใดด้วย เขาจึงไม่สามารถปล่อยปละละเลยนางได้เหมือนอย่างเช่นที่ผ่านมาได้อีก
"พระชายาให้เสี่ยวจิ่วอยู่เป็นเพื่อนดีหรือไม่"
"ไม่เป็นไรเจ้าออกไปเถิด"
เมื่อเสี่ยวจิ่วเห็นท่าทีเหม่อลอย และวิตกกังวล ของเจ้านายตนเองเช่นนั้น ก็อดรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้ นางจึงได้จัดแจง คลุมผ้าห่มให้กับร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงก่อนที่จะออกไป ด้วยสีหน้าเป็นกังวล
ตลอดระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมานี้ เกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย ไม่แปลกที่พระชายาของนางจะมีสีหน้าท่าทางวิตกกังวล ยิ่งเมื่อได้ทราบว่าตนเองตั้งครรภ์เช่นนี้คงจะเป็นกังวลถึงชีวิตในภายภาคหน้าของบุตรในครรภ์เป็นแน่...
เมื่อได้อยู่เพียงลำพังในห้อง หลิวเยี่ยนจือก็เด้งตัวลุกขึ้นมานั่งบนที่นอน ด้วยสีหน้าท่าทางอ่านยาก
"เฮ้อ หลิวเยี่ยนจือเหตุใดชะตาชีวิตของเจ้า ถึงได้น่าสงสารถึงเพียงนี้ แล้วต่อจากนี้ ข้าควรจะทำเช่นไรกับชีวิตดี"
ในขณะที่นางกำลังรู้สึกเศร้าใจอยู่นั้น พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นแจกันดอกไม้ที่อยู่ภายในห้อง สายตาของนางก็ได้เบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ
เพราะดอกไม้ที่อยู่ในห้องนี้ทั้งหมด ได้เหี่ยวเฉาลงอย่างน่าตกใจ มันจะเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร ก็ในเมื่อนางพึ่งนำพวกมันไปใส่ไว้ในแจกันวันนี้เอง
หลิวเยี่ยนจือจึงได้ลุกขึ้นไปจากเตียง และตรวจสอบดอกไม้ในแจกันเหล่านั้นอย่างละเอียด
"นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับดอกไม้พวกนี้ มันไม่ควรที่จะมีสภาพเช่นนี้มิใช่หรือ"
ในขณะที่ฝ่ามือเรียวบางของนางได้สัมผัสถูกดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาเหล่านั้น มันก็ได้แปรเปลี่ยนไป จากดอกไม้ที่เหี่ยวเฉา ได้กลับกลายมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้หลิวเยี่ยนจือตกใจ จนต้องรีบผละมือออกจากดอกไม้เหล่านั้นอย่างรวดเร็ว เมื่อนางตั้งสติได้ จึงจับไปที่ดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาดอกอื่นบนแจกันอีกครั้ง และเพียงมือของนางสัมผัสถูกดอกไม้เหล่านั้น มันก็กลับมามีชีวิตชีวาอย่างเช่นดอกแรกที่นางได้สัมผัส