เมื่อชินอ๋องเฉินเทียนอี้เห็นว่า ดวงตาของนางได้ปิดลงและนางสลบไป เขาก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก ที่ได้สร้างความเจ็บปวดนี้ให้กับนางได้
เขาก็ได้หยุดการกระทำของตนเองลง และเดินออกไปจากห้อง โดยไม่แม้แต่จะหันมามอง สตรีที่กำลังสลบไสลอยู่ที่พื้นเลยแม้นแต่น้อย
เมื่อเสี่ยวจิ่วเห็นว่าชินอ๋องได้จากไปแล้ว นางก็ไม่รอช้า รีบเข้ามาดูอาการของผู้เป็นนายอย่างเป็นห่วง นางค่อยๆ ประคองเจ้านายสาวของตนเองขึ้นมาจากพื้นอย่างทุลักทุเล
"พระชายา เหตุใดท่านอ๋องถึงได้ทรงใจร้ายกับพระองค์เช่นนี้" เสี่ยวจิ่ว กล่าวออกไปทั้งน้ำตาอาบแก้ม
เมื่อได้เห็นใบหน้าที่ซีดเผือด ของเจ้านายของตนเอง ก็ให้ยิ่งตกใจ และเสียใจไปในเวลาเดียวกัน แต่เมื่อนางได้ตรวจดูอย่างละเอียดแล้วพบว่า เจ้านายของนางนั้นไม่หายใจเสียแล้ว
"พระชายานี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้น อย่าเพิ่งทรงเป็นอันใดนะเพคะ หม่อมฉันจะไปตามหมอมาเดี๋ยวนี้"
เพียงกล่าวเสร็จ นางก็รีบวิ่งออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว และไปยังตำหนักของชินอ๋อง เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่นางขอร้องอยู่นาน ก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือจากผู้ที่เป็นเจ้าของตำหนักแห่งนี้เลยแม้แต่น้อย มีเพียงถ้อยคำ ที่เจ็บปวดตอบกลับมาให้นางรู้สึกไม่อยากจะเชื่อหูตัวตนเองเพียงเท่านั้น
"พี่ชายได้โปรดเถิดเข้าไปกราบทูลท่านอ๋องอีกทีตอนนี้พระชายา ไม่หายใจเสียแล้ว รีบไปตามหมอมาดูอาการของพระชายาหน่อยเถิดได้โปรด"
"เจ้ากลับไปเสียเถิด ข้าได้กราบทูลท่านอ๋องไปแล้ว"
"แต่พระชายาไม่หายใจแล้วจริงๆ ได้โปรดตามหมอมาช่วยพระชายาเถิด ข้าไม่ได้โกหกจริงๆ "
เนื่องด้วยทนเสียงโวกเวกโวยวายนั้นไม่ไหว ชินอ๋องจึงได้ออกมายังหน้าตำหนัก ด้วยอารมณ์ที่กรุ่นโกรธ เพราะเขาไม่คิดว่าสตรีมากเล่ห์ผู้นั้น จะตายไปง่ายดายเพียงนี้ นี่จะต้องเป็นแผนการที่เรียกร้องความสนใจของนางจากเขาเป็นแน่
"ไสหัวไปให้พ้น จากหน้าตำหนักของเปิ่นหวางได้แล้ว สตรีชั่วช้าสามานย์เช่นเจ้านายของเจ้านั้น ยมบาลคงมิได้ต้องการชีวิตของนาง รวดเร็วถึงเพียงนี้อย่างแน่นอน เจ้าอย่าได้สร้างแผนการ หรือคำโกหกนี้ขึ้นมาโกหกเปิ่นหวางอีก หาไม่แล้วเปิ่นหวางจะสั่งลงโทษเจ้าอย่างหนักที่ได้มาสร้างความวุ่นวายเช่นนี้"
"ท่านอ๋องแต่หม่อมฉันไม่ได้โกหกจริงๆ นะเพคะ พระชายามีใบหน้าซีดเผือด ในขณะที่หม่อมฉันตรวจดู ก็พบว่าพระชายาไม่หายใจแล้วจริงๆ "
"ไสหัวไปได้แล้ว อย่าให้เปิ่นหวางต้องได้พูดเป็นครั้งที่ 2" น้ำเสียงเกรี้ยวกราดพร้อมกับใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์อย่างรุนแรงของชินอ๋อง ที่แสดงออกมาในตอนนี้ ถึงกับทำให้เหล่าองครักษ์และข้ารับใช้ ที่อยู่โดยรอบตำหนัก ต่างรู้สึกหวาดกลัวในแรงโทสะที่ปล่อยออกมาของเจ้านายตนเอง
"ลากนางออกไปให้พ้น ก่อนที่เปิ่นหวางจะหมดความอดทน"
เนื่องด้วยว่าเสี่ยวจิ่ว เป็นเพียงข้ารับใช้คนสนิท ที่ตามมาจากจวนของท่านเสนาบดีหลิวฉุนเหลียนเพียงผู้เดียวเพราะข้อตกลง ในการแต่งงานครั้งนี้ คือให้นาง มายังตำหนักแห่งนี้โดยไร้ซึ่งผู้ติดตาม เพราะชินอ๋องได้คิดไว้แล้วว่า หลังจากที่นางได้เข้ามาอยู่ในตำหนักแห่งนี้ เขาจะกลั่นแกล้ง ให้นางอยู่อย่างไม่เป็นสุขชั่วชีวิต
และแผนการของเขาจะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อ ไม่มีคนคอยเป็นหูเป็นตาไปส่งข่าวให้กับเสนาบดีหลิวฉุนเหลียนได้รับทราบ ถึงชีวิตของบุตรสาวของตนเองในตำหนักแห่งนี้
เมื่อเสี่ยวจิ่วเห็นว่าทำอย่างไร ก็คงไม่สามารถช่วยเจ้านายสาวของตนเองได้ นางจึงทำได้เพียงรีบรุด กลับมายังตำหนัก ด้วยใบหน้าที่เจ็บปวด ด้วยไม่สามารถทำสิ่งใด เพื่อช่วยเหลือเจ้านายของตนเองได้
นางจ้องมองไปที่ใบหน้าซีดเผือกของเจ้านายสาวของตนเองอย่างสิ้นหวัง และทันใดนั้น ดวงตาที่ปิดสนิททั้ง 2 ข้าง ของสตรีที่นอนหลับไหลไร้ลมหายใจอยู่ในอ้อมกอดของนาง ก็ได้เปิดตาขึ้น ซึ่งนั่นได้สร้างความตกตะลึงให้กับเสี่ยวจิ่วเป็นอย่างมาก นางรีบถอยหนีออกไปด้วยความตกใจ ราวกับกำลังจับของร้อนลวกมืออยู่อย่างไรอย่างนั้น
"ผ...ผีหลอก ช่วยด้วย"
เสี่ยวจิ่วได้ถอยหนีออกไปอย่างลนลาน ด้วยความหวาดกลัว เมื่อสักครู่นี้ร่างกายของคุณหนูของนาง ได้เย็นเฉียบราวกับคนตายไปแล้วไม่ใช่หรือ แล้วเหตุใดอยู่ดีๆ ถึงได้สามารถลืมตาตื่นขึ้นมา จ้องมองนางตาเขม็งได้เช่นนี้กัน
ดวงตาของหลิวเยี่ยนจือ จ้องมองมาที่เสี่ยวจิ่วอย่างประหลาดใจ พร้อมกับสายตาของนางก็กวาดมองไปทั่วทั้งห้องโดยละเอียด นางไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเองเช่นกัน
ที่นี่ที่ไหน?
นั่นคือคำถามเดียวที่กำลังค้างคาอยู่ในจิตใจของเธอตอนนี้ นาถลดาหรือขอพร เหมือนกับถูกดึงขึ้นมาจากสถานที่อันมืดมิด เสียงร้องไห้คร่ำครวญที่ดังอยู่ข้างๆ หู ปลุกให้เธอลืมตาตื่นขึ้นมา และได้พบกับสถานที่อันแปลกประหลาดแห่งนี้
เหตุการณ์ล่าสุด ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเธอคืออยู่บนเวที พร้อมกับรอฟังผลการประกวดนางงามอยู่ไม่ใช่หรือแล้วเหตุใด เธอถึงได้มานอนอยู่ในสถานที่ๆ ไม่คุ้นตาแห่งนี้กัน
หรือว่านี่จะเป็นรายการเรียลลิตี้ รายการหนึ่งที่เชิญเธอมาร่วมรายการหรือเปล่าหลังจากที่เธอได้รับตำแหน่ง เพราะหญิงสาวมั่นใจเป็นอย่างมากว่า ตำแหน่งนี้จะต้องเป็นของเธออย่างแน่นอน และเธออาจจะตกใจจนหลงลืมเรื่องราวบางอย่างไปหรือไม่ แต่ทำไมในสมองของเธอถึงจำเหตุการณ์ทั้งหมดไม่ได้เลยเล่า
เมื่อคิดมาถึงความเป็นไปได้ในตอนนี้ เธอจึงพยายามใช้ความคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด และทันใดนั้นความทรงจำมากมาย ก็ได้วิ่งเข้ามาในสมองของเธออย่างตั้งตัวไม่ทัน ความเจ็บปวดได้ถาโถมเข้ามาในเวลาเดียวกันทำให้เธอถึงกับต้องกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและตกใจ
"โอ๊ย!!! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน"
แล้วเรื่องราวน้ำเน่าที่มันอยู่ในหัวสมองของเธอนี้คืออะไร ในขณะที่หญิงสาวกำลังประติดประต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาอย่างละเอียดทันใดนั้นเธอก็ได้เบิกตาโพลงออกมาด้วยความตกใจ
ซวยแล้ว!!!!
"แม่มันคงไม่ใช่อย่างที่หนูคิดใช่ไหม"
สิ่งแรกที่หญิงสาวคิดได้ก็คือ เธอได้ย้อนเวลามาอยู่ในร่างของสตรีผู้นี้
อย่างที่ 2 คือ เธอตายเพราะหัวใจวาย จากการประกวดนางงาม? หัวใจวายเพราะ ตื่นเต้นจากการประกวดนางงาม เธอถึงกับต้องทวนคำถามนี้ในหัวสมองของตนเองอีกครั้ง
บ้าไปแล้ว!!!
ตายเพราะตื่นเต้นเกินไป แบบนี้ก็ได้หรอ
และอย่างที่ 3 ที่ทำให้เธอตื่นตกใจมากที่สุดก็คือ หญิงมั่นอย่างเธอมีสามีแล้ว และเธอได้สามีผู้นี้มาโดยการไปปลุกปล้ำเขา โดยที่ผู้ชายไม่มีความเต็มใจเลยแม้แต่น้อยอีกต่างหาก
โอ้แม่เจ้า!!!
มันจะมีอะไรที่บัดซบไปมากกว่านี้ได้อีก สวรรค์ถ้าจะมอบโอกาสให้เธอได้มีชีวิตอีกครั้ง ทำไมถึงไม่ให้เธอไปอยู่ในร่างของสาวโสดดีกว่าจะให้มาอยู่ในร่างของผู้หญิง ที่เทิดทูนความรักจนยอมตายเพื่อความรักเช่นนี้ บ้าที่สุด สาวมั่นอย่างเธอต้องมามีชีวิตที่น่าอดสูในร่างของสตรีผู้นี้เช่นนั้นหรือ
ฝันไปเถิด…
ทันใดนั้น นางก็ได้เด้งตัวขึ้นมาจากที่นอน พร้อมกับใจที่หึกเหิม ที่จะเปลี่ยนชะตาชีวิตของร่างนี้ให้มีชีวิตใหม่