พ่อเลี้ยงธามส์หรี่ตามองคนมาใหม่ “มีอะไรหรือเปล่า” เขายังคงใช้น้ำเสียงราบเรียบเพื่อรักษาระยะห่าง
“เปล่าหรอกค่ะ แค่เห็นพี่ธามส์ยืนอยู่ตรงนี้ เมนี่ไม่ได้เจอพี่ธามส์มานานก็เลยเดินเข้ามาทัก”
“’งั้นหรือ” เขาบอกอย่างไม่ใส่ใจ
เมธาวีเดินขึ้นไปยืนเทียบชายหนุ่ม บุ้ยหน้าไปที่กลางแปลงกุหลาบ จุดที่สองคนยืนอยู่บนเนินจึงสามารถมองเห็นแปลงกุหลาบในระยะไกล
“นั่นพี่รวีนี่คะ เสน่ห์แรงใช่เล่นเลย พักนี้...เมนี่เห็นพี่รวีเดินทักโปรยเสน่ห์ให้ผู้ชายทั่วไร่ พี่ธามส์รู้เรื่องบ้างหรือเปล่า ที่เมนี่พูด...เมนี่ก็แค่เป็นห่วงพี่รวี...คนงานผู้ชายเปลี่ยวๆ ก็มีมาก จะไว้ใจได้สักกี่คนกัน แล้วยิ่งเห็นคนงานพูดถึงพี่รวีอยู่บ่อยๆ ด้วยแล้วก็ยิ่งน่ากลัว พี่ธามส์เตือนเธอบ้างนะคะ” เมธาวีทิ้งทุ่นก้อนใหญ่ให้ปารวี
“อืม” พ่อเลี้ยงหนุ่มแค่รับรู้ ไม่ได้แสดงสีหน้าออกมาให้เมธาวีรับรู้ แต่มันกระแทกใจของเขาอย่างจัง ความลับที่แม่บ้านพูดถึง กับเรื่องที่เมธาวีบอก มันเป็นเรื่องที่ข้อมูลสอดคล้องกัน กับเรื่องที่เขารับรู้มาเกี่ยวกับเธอ มันก็ไม่ได้ต่างจากที่เมธาวีพูดมาสักนิด
“พี่ธามส์ดูเหมือนไม่ใส่ใจเลยนะคะ แต่เมนี่ยืนยันว่าที่พูดมาทั้งหมดเป็นความจริง”
“ขอบใจ” พ่อเลี้ยงธามส์แตะไหล่บางบอกเมธาวีเสียงนุ่ม
“เมนี่รักที่นี่นะคะ อยากเห็นคนที่นี่มีความสุขทุกคน ”
“อืม”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับเดินหันหลังเตรียมที่จะเดินเลี่ยงออกไป ทว่าเอวสอบก็โดนเมธาวีรัดเอวไว้ หญิงสาวซบหน้าลงบนแผ่นหลับ สูดกลิ่นกายกรุ่นของบุรุษเพศ ผู้ชายที่เธอหลงรักมาหลายปี
“เธอทำอะไร” ชายหนุ่มถามออกมาอย่างตกใจ พร้อมกับแกะมือออกบางที่เอวออก แต่ทว่าเรียวแขนเล็กกลับรัดแน่นไม่ยอมปล่อยง่ายๆ
“ขอเมนี่ได้สูดกลิ่นกายของพี่ธามส์สักครู่นะคะ ขอเวลาไม่นาน ให้เมนี่ได้พูด เมนี่รักพี่ธามส์นะคะ ทั้งรักและเทิดทูน รักมานานหลายปี มันเป็นเรื่องน่าอาย ที่ผู้หญิงอย่างเมนี่มาสารภาพรักผู้ชายแบบนี้ แต่ถ้าเมนี่ไม่พูด ความรู้สึกนี้มันก็จะติดค้างในใจของเมนี่ไป แต่เมนี่ก็จะรักพี่อย่างนี้ต่อไป รักอย่างไม่หวังอะไร เมนี่แค่อยากบอกความรู้สึกเท่านั้นค่ะ”
ชายหนุ่มรีบแกะมือออก เพราะกลัวใครจะมาเห็นเข้า แต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาของปารวีอยู่ดี หญิงสาวปั่นจักรยานผ่านมาเห็นเข้าพอดี
“พี่ขอบใจมากที่เมนี่รู้สึกดีกับพี่ แต่ที่ผ่านมาพี่เห็นเมนี่เป็นน้องมาตลอด น้องที่พี่รักเหมือนอย่างกับรษา และมันก็คงจะไม่เปลี่ยนไป ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน พี่ขอให้เมนี่ได้เจอคนที่เมนี่รักและรักเมนี่อย่างจริงใจนะ”
“เมนี่รู้ค่ะ เมนี่ขอกอดพี่ธามส์สักครั้งได้หรือเปล่าคะ กอดของพี่ชายที่พี่ธามส์มอบให้เมนี่”
“ได้สิ น้องสาวของพี่” พ่อเลี้ยงหนุ่มรั้งร่างเมธาวีมากอด อีกคนที่อยู่ในอ้อมกอดผู้ชายที่เธอหลงรักมานานหลายปี เธอกลับยิ้มอย่างมีแผนในใจ
ปารวียืนนิ่งมองภาพสองหนุ่มสาวที่พลอดรักกันกลางไร่ เมื่อวานรษายังบอกว่าพี่ชายไม่มีคนรัก แต่วันนี้เธอกลับเห็นเขายืนพลอดรักกับสาวกลางไร่ หญิงสาวคนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เมธาวีว่าที่แม่เลี้ยงของไร่ปกรักสินะ
หญิงสาวหันหลังกลับ เดินไปที่จักรยานคู่ใจ ปั่นออกไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุดเพราะเธอไม่อยากเป็นส่วนเกิน หากเขาหันกลับมาเจอคงไม่พ้นหาเรื่องต่อว่าเธออีก
เช้าวันต่อมาพ่อเลี้ยงไม่รอช้าที่จะพิสูจน์ เขาดักรอเตรียมสะกดรอยตามสองสาวตั้งแต่เช้า สองสาวก็ออกจากบ้านตามปกติ ช่วงนี้พวกเธอกำลังเห่อกับผลงานใหม่ การนำใบชามาสกัดเป็นตัวดับกลิ่นและเพิ่มกลิ่นน้ำหอมเพื่อเพิ่มมูลค่า จากเทรนเนอร์มือหนึ่งจากฝรั่งเศสอย่างปารวี
วันนี้ก็ต้องเก็บตัวอย่างชาชุดสุดท้าย ถ้าผลการทดลองได้ผลเป็นที่น่าพอใจ เธอเตรียมที่จะบอกพี่ชายในไม่ช้าและพร้อมที่จะเข้าไปช่วยงานที่โรงงานทันที
“อ้าวพี่ธามส์!...มาทำไมหรือคะ หรือว่ามาหาผู้จัดการ” เมธาวีตาลุกวาวดี๊ด๊าในใจ เพราะว่าเธอแกล้งทำทีเป็นตกใจทักพ่อเลี้ยงหนุ่ม
วันก่อนเธอเป็นคนทิ้งทุ่นก้อนใหญ่นี้เอาไว้ให้เขา คงจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากรอเก็บทุ่น ที่เธอทิ้งอย่างสะใจ ในเมื่อเขาไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกับโรงบ่มชามานานหลายเดือนแล้ว
“เออ...เปล่าหรอก ปารวีกับยัยรษามาทำอะไรกันที่นี่หรือ”
“คือเมนี่ไม่อยากพูดค่ะ...บัดสีปาก เอาเป็นว่าให้พี่ธามส์ไปดูเองดีกว่า...ร...” ยังไม่ทันที่เมธาวีจะพูดให้จบประโยคพ่อเลี้ยงธามส์ก็ก้าวยาวๆ เข้าไปข้างในแล้ว ทิ้งให้เมธาวียิ้มตามด้วยความพอใจ
“โชคดีนะ...ฉันส่งเฮอริเคนเข้าไปเป็นของกำนัล...คุณปารวี หวังว่าคงจะชอบของกำนัลชิ้นนี้ จนลืมไม่ลง...” เมธาวีบอกผ่านสายสมตามหลังพายุลูกใหญ่ไป
ก่อนหน้านั้น 5 นาทีในโรงบ่มชา เมธาวีเห็นเหตุการณ์ก็เดินออกไปก่อน โดยที่ไม่ยอมช่วยเหลือ จังหวะที่พ่อเลี้ยงหนุ่มเดินเข้ามา หญิงสาวได้ทีใส่ไฟเติมสีให้พอสนุก
ปารวีกำลัง เก็บชุดตัวอย่างใบชารอบสุดท้าย เธอไม่รออันวามาช่วยปีนขึ้นไปเก็บบนชั้นสูงในโรงบ่มด้วยตัวเอง “คุณรวีลงมาเถอะครับ ให้ผมปีนให้ดีกว่า” อันวาร้องเรียกอยู่ข้างล่าง
หญิงสาวหันหน้ากลับมามอง พร้อมกับตอบกลับ “รวีทำได้ค่ะ คุณอันวาไปทำงานของตัวเองเถอะ” หญิงสาวตอบกลับไป เธอเห็นสายตาแปลกๆ ของเมธาวีก็ไม่สบายใจ กลัวว่าฝ่ายนั้นจะหาเรื่องอะไรเธออีกหรือเปล่า พยายามหลีกเลี่ยงที่จะขอความช่วยเหลือจากอันวา
หญิงสาวยืนอยู่บนบันไดสูงเกือบ 3 เมตร ความที่ไม่ทันระวังตัวและบันไดสูงที่เธอเหยียบอยู่จะไม่แข็งแรงเท่าที่ควร จังหวะที่หญิงสาวขยับถอยออกมาก็เหยียบก้าวพลาดโงนเงน
“โอ๊ะ...โครม!” เสียงกับเจ้าของร่างบางพลัดตกลงมาจากบันได โชคร้ายเมื่อร่างของเธอตกลงไปในซอกพาเลทไม้แคบลึกอย่างเหมาะเหม็ง
สะโพกของหญิงสาวกระแทกเข้ากับลังไม้ด้านล่างอย่างจัง เหมือนว่ามันจะมีกองเศษไม้กองอยู่ในซอกทึบที่เธอร่วงลงไปด้วย มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้สักนิด ว่าจะมีเศษไม้อยู่ที่นั่น เพราะเป็นพื้นที่ลานกว้าง ที่มีการเคลื่อนย้ายตลอดเวลา เว้นเสียว่าจะมีคนจงใจ
“โอ๊ย!” เสียงร้องของหญิงสาวทำให้อันวาที่เพิ่งหันไปทำงานหันกลับเข้ามาดู หญิงสาวขยับตัวในซอกพาเลทไม้อย่างทุลักทุเล เธอก็ไม่สามารถปีนขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง
“คุณรวีเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ บอกให้รอผมก่อนก็ไม่เชื่อ อยากปีนขึ้นไปเอง”
“คุณอันวา ช่วยด้วยค่ะ รวีขยับตัวไม่ได้ ต้องดึงลังไม่ออกก่อนบางส่วน แล้วข้างล่างเหมือนจะมีกองเศษไม้อยู่ด้วยค่ะ” คนติดอยู่ในซอกส่งสัญญาณบอก
“รอสักครู่นะครับ ผมช่วย คุณอย่าเพิ่งขยับตัวมากนะครับ มันจะยิ่งเจ็บ”