จากตอนแรกที่ไม่อยากให้ห่างเพราะอยากจับผิด หากแต่ตอนนี้ความรู้สึกไม่ใช่อย่างนั้นเสียแล้ว
“ถ้าพี่ธามส์ต้องการจะแกล้งพี่รวีเพราะต้องการจะเอาคืนคุณปรินทร์ เลิกเสียเถอะค่ะ รษายังจะยืนยันเป็นครั้งที่ร้อย...ว่าคุณปรินทร์รักรษาจริงๆ และรษาก็มีความสุขที่จะได้อยู่กับเขา”
“ในเมื่อรษาคิดไว้แล้วว่ายังไงก็ต้องได้...พี่ก็คงว่าอะไรไม่ได้...แต่ก็ขอบใจที่ยังมาขอก่อน” เจ้าของไร่เหน็บน้องสาว น้ำเสียงเหมือนกำลังไม่พอใจ
“ขอบคุณค่ะ...แต่ถ้าวันไหนที่พี่ธามส์มองเห็นค่าของเพชร รษาก็ยินดีคืนให้นะคะ” น้องสาวทิ้งประโยคปริศนาสุดท้ายให้พี่ชายก่อนที่จะเดินจากไป
หลังจากที่บอกกับพี่ชาย...รษาก็มาหาอีกคนทันทีด้วยความดีใจ ทั้งที่ยังไม่ได้บอกเจ้าตัว แต่อย่างน้อยเธอก็ได้ช่วยน้องสาวสามีบ้าง และมันก็เป็นทางออกที่ดีสำหรับทุกคน
ปารวีก็จะได้ไม่ต้องทำงานกลางแดด เธอก็ได้คนสอนงานที่เก่ง แล้วพี่ชายของเธอก็จะต้องประหลาดใจ กับโปรเจคใหม่ที่เธอคิดจะทำ...
รษายืนคิดอมยิ้มมองปารวีอย่างมีความสุข คิดเกินเลยไปถึงแผนจับคู่พี่ชายของเธอให้ลงเอยกับคนที่เธอเลือกให้
แต่เมื่อไรกันนะ...พี่ชายของเธอจะลืมความหลังครั้งเก่าและเริ่มต้นใหม่กับใครเสียที
ปารวีทำกำลังก้มมองแปลงปลูก เธอกำลังแยกประเภทกลิ่นแต่ละแปลงพร้อมกับจดลงในสมุด ทั้งที่ล่วงเลยเวลาทำงานมานับชั่วโมง ทว่าแสงจ้ายังไม่ลาลับ ยังดีที่ก้องหล้าพาเข้าไปในเมืองหาซื้อหมวกปีกกว้างมาใช้งาน มันช่วยพรางแดดได้เยอะทีเดียว
เงาดำที่ขยับเข้ามาใกล้ เรียกความสนใจของคนตั้งใจทำงานให้เงยหน้าขึ้นมามอง
“น้องรษา! มาได้ยังไงคะนี่” หญิงสาวปิดสมุดจดบันทึกและลุกขึ้นยืนพร้อมกับขยับหมวกบังทิศทางของแสงแดดที่ส่องแยงตา
“รษามาตามหาพี่รวีนั่นละค่ะ คือรษาจะมาบอกว่าพรุ่งนี้ไม่ต้องมาทำงานที่นี่แล้วนะคะ รษามีโปรเจคอยากให้พี่รวีช่วย...”
“แล้วพ่อเลี้ยงล่ะคะ”
“เรื่องพี่ธามส์ไม่ต้องเป็นห่วงเลยค่ะ...รษาคุยกับพี่ธามส์แล้ว มีอย่างที่ไหน...ให้พี่รวีมาทำงานแบบนี้ พรุ่งนี้เช้าเจอกันที่บ้านตอนเช้านะคะ”
“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
“รษาเสียอีกที่ต้องพูดคำนั้น...แล้วเจอกันค่ะ วันนี้รษาต้องขอตัวก่อน นัดพี่ก้องไปตรวจโกดังเก็บชา” รษาบอกพร้อมกับขอตัวเดินออกไป
หลังจากที่รษากลับไป ปารวีก็เก็บสมุดโน้ตในมือ มองมันอย่างลังเล เธอควรจะเอามันไปให้เจ้านายปากร้ายของเธอหรือเปล่า ในที่สุดหญิงสาวก็ตัดสินใจถือมันติดมือเดินเลยไปผาห่มปก แทนที่จะนำไปให้ชายหนุ่มที่สำนักงาน
หญิงสาวย่อตัวลงนั่งบนตอหินหน้าผา...ทอดสายตามองหุบเขาลึกเบื้องหน้า พระอาทิตย์ดวงโตค่อยๆ เลื่อนต่ำหลบเหลี่ยมยอดเขา แสงสะท้อนตกกระทบภูหินผาวับวาว
“ไปเล่าอะไรให้รษาฟังอีกล่ะ...คราวที่แล้วก็มาต่อว่าเรื่องบ้านพัก มาคราวนี้ก็เรื่องงานอีก” เสียงทุ้มทรงพลังหยุดสุนทรียะทางอารมณ์ของหญิงสาวหมดสิ้น
ปารวีถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน กระชับสมุดในมือพร้อมกับลุกขึ้นเตรียมจะเดินเลี่ยงออกไป เวลานี้...เธอไม่อยากจะต่อปากต่อคำกับเขาให้เหนื่อยหัวใจ อีกทั้งเรื่องที่ราวผ่านมา...มันก็ทำให้เธออายมากพอที่จะทนมองหน้าเขา
“ยอมรับงั้นซิ!”
“ค่ะ...ผู้หญิงอย่างฉัน คุณคงคิดถึงในทางที่ดีไม่ได้ ขอตัวนะคะ...ฉันเหนื่อย” หญิงสาวตอบกลับเสียงเนือย เดินเลี่ยงผ่านหน้าเจ้าของไร่ไป แต่เหมือนเธอลืมอะไรไปสักอย่าง หญิงสาวหันกลับมาหาชายหนุ่มอีกครั้ง พร้อมกับยื่นของที่อยู่ในมือให้เขา
“อ้อ...สมุดนี่เป็นรายงานทั้งหมดที่คุณสั่งให้ฉันทำ ฉันไม่รู้ว่าคุณต้องการอะไรที่ให้ฉันทำแบบนั้น...ฉันก็ทำได้แค่นี้ละค่ะ คุณคงจะคุยกับคุณรษาแล้วเรื่องงานที่ฉันต้องทำพรุ่งนี้แล้ว หมดธุระแล้ว...ฉันขอตัวอีกครั้ง”
หญิงสาวบอกเสียงเรียบแล้วเดินเลี่ยงออกไปทันที ไม่เว้นช่องให้ชายหนุ่มได้โต้ตอบ ทิ้งคนปากหนักที่อยากมาขอโทษ แต่ทว่าพอเจอหน้าเขาก็ไม่วายเหน็บแนม ชายหนุ่มสบถออกมาเพราะโมโหปากตัวเอง มองตามแผ่นหลังของหญิงสาวไป...
เริ่มงานวันแรก...สองสาวขับรถมาถึงไร่ชา รษาดูตื่นเต้นมากกว่าทุกวันที่เธอทำงาน ก้องหล้าสอนงานเธอได้เป็นอย่างดี แต่คราวนี้มันแตกต่าง...เพราะมันเป็นโปรเจคที่เธอคิดขึ้นมาเอง พร้อมกับการได้มีเทนเนอร์มือดีมาช่วย ถ้าทำสำเร็จธามส์พี่ชายของเธอคงปลื้มใจมาก
“มากันแล้วหรือสาวๆ” ผู้จัดการหนุ่มใหญ่เอ่ยทักขึ้นมาก่อนก่อน เมื่อเห็นสองสาวเดินลงจากรถ วันนี้รษามีสีหน้าแช่มชื่นและดูตื่นเต้นกับงานใหม่ของตัวเองมาก
“สวัสดีค่ะอานิน รษาขอใช้โรงบ่มเก็บข้อมูลหน่อยนะคะ บางทีจะช่วยแบ่งเบางานอานินได้บ้าง”
“ฮึ...ไม่รู้มาแบ่งเบาหรือจะมาทำให้วุ่นวายเพิ่มกัน” เมธาวีมองหมิ่นๆ ยิ้มเยาะที่มุมปากเล็กๆ มีเพียงปารวีที่ได้ยิน แต่ปารวีไม่ได้ใส่ใจอาการสาวสวยตรงหน้าอย่างเมธาวีสักนิด เธอหันไปสนใจผู้จัดการหนุ่มใหญ่มากกว่า
“สวัสดีค่ะคุณธนิน รวีค่ะ” ปารวีบอกแนะนำตัวเองกับผู้จัดหนุ่ม เขาเพียงพยักหน้าให้เธอเป็นมิตร แล้วแนะนำส่วนงานที่จะให้เรียนรู้
“อาพาไปดูข้างในและแนะนำคนที่จะสอนงานเลยดีกว่า วันนี้อามีนัด เหลือเวลาไม่มาก” ธนินบอกเสียงนุ่ม เดินนำออกไปก่อน
เมธาวีมองสองสาวอย่างหมั่นไส้ คิดว่าปารวีทำแบบนี้คงหนีไม่พ้นเอาใจเจ้าของไร่ หว่านเสน่ห์กับคนงานทั้งไร่ยังไม่พอ ยังมีผู้จัดการธนินที่ดูปลาบปลื้มไปด้วยอีกคน ทั้งที่เจอหน้ากันไม่ถึงชั่วโมง
พักหลังเมธาวีแสดงออกว่าสนิทสนมกับธนินชัดเจน จนเธอไปไหนมาไหนกับผู้จัดการหนุ่มใหญ่มากขึ้น หลายครั้งที่เขามักหนีบเธอไปด้วยไปบ่อยๆ ทำให้เมธาวีชูคอหราว่าเป็นคนสำคัญ ไม่เกรงใจพนักงานด้วยกันสักคน
“ที่อาเล่ามาให้ฟังทั้งหมด พอจะเข้าใจไหม” ผู้จัดการหนุ่มถามขึ้นหลังจากที่อธิบายส่วนต่างๆ มาร่วมชั่วโมง
“รวีต้องขอบคุณผู้จัดการมากนะคะ ที่เสียสละเวลามาช่วยสอนงาน รวีสัญญาว่าจะช่วยแบ่งเบางานให้ได้มากที่สุด และช่วยให้น้องรษาทำงานชิ้นนี้ให้ออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
“ไม่เป็นไรหรอกหนูรวี อาว่า...ดีเสียอีกนะที่ยัยรษาคิดจะมาทำงานเสียบ้าง ปล่อยเวลาให้ลอยชายไปมาหาสาระไม่เจอมานานแล้ว อ้อ...แล้วอีกอย่างหนูเรียกอาว่าอาเหมือนตาธามส์ ยัยรษา กับตาก้องเถอะนะ” ผู้จัดการหนุ่มใหญ่บอกปารวี ไม่วายเย้าหลานสาวที่เพิ่งคิดจะมาทำงานครั้งแรก
“ขอบคุณมากค่ะคุณอา”
“ไม่เป็นไร หนูมีอะไรขาดเหลือก็บอกอานะหรือบอกกับเมธาวีก็ได้”
“เห็นทีจะไม่ได้หรอกค่ะ...เมนี่ไม่ได้มีเวลาว่างมากมายขนาดนั้น มีงานต้องทำ ฉันเพิ่งมาทำงานไม่นานต้องเรียนรู้อยู่เหมือนกัน เธอเข้าใจฉันนะรษา ตอนนี้ก็ต้องไปทำงานแล้ว” เมธาวีบอกเหตุผลของตัวเอง สะบัดก้นงอนเดินออกจากโรงบ่มชาไปทันที