เมื่อเห็นอีกคนไม่ตอบ ก้องหล้าก็เพิ่มความดังของเสียง “หรือว่าแกล้งเอาไว้มาก พอชอบขึ้นมาเลยทำตัวไม่ถูก”
พ่อเลี้ยงธามส์หันมาชี้หน้าเพื่อนอย่างคาดโทษ เป็นการบอกกรายๆ ว่าให้หยุดพูด แต่ก้องหล้ากลับไม่กลัวสักนิด
“พูดโดนใจละสิ”
“ถ้าพูดอีก ฉันจะตัดเงินเดือนนาย” เจ้าของไร่หันกลับมาตอบบ้างแล้วเดินตรงไปอีกฝั่งที่ไม่ใช่จุดที่ปารวีอยู่
“เออ...อย่าเผลอหลุดให้จับได้ก็แล้วกัน”
เขาใช้เวลาโอ้เอ้อยู่นานจนแน่ใจว่าก้องหล้าไม่ได้อยู่ตรงนั้น และคนงานก็ไม่ได้สนใจเขา
ชายหนุ่มเปลี่ยนทิศทางเดินอ้อมกลับไปทางเดิม หลายวันที่เขาเอาแต่แอบมองเธอ วันนี้น่าจะเป็นโอกาสดีที่จะได้ลับฝีปากกับเธอเสียที
ไม่นานเจ้าของไร่ก็มาหยุดอยู่ด้านหลังหญิงสาว เขายืนมองความเป็นธรรมชาติของเธออย่างชื่นชม เพียงไม่นานเธอก็สามารถปรับตัวให้เข้ากับไร่ได้อย่างลงตัว ชุดวาบหวิวที่เขามักเห็นเธอใส่ประจำก็น้อยลงไป...มันถูกแทนที่ด้วยเสื้อเชิ้ตแขนยาวกับกางเกงยีนจนคุ้นตา เมื่อเข้ามาในไร่
ชายหนุ่มเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว คนงานชายหญิงที่รายล้อมเธอเมื่อครู่ ต่างหลบฉากออกไปอย่างรู้งาน ตั้งแต่ตอนเขาเดินเข้ามา
แต่เจ้าตัวที่กำลังถูกจับจ้องเอง...ตอนนี้เธอยังไม่รับรู้การมาถึงของเขา เพราะเธอกำลังสนุกอยู่กับการตัดตอนกุหลาบที่คนงานเพิ่งสอนไป ไม่ได้รับรู้แม้กระทั่งรอบกายเธอตอนนี้มีใครยืนอยู่บ้าง
“ปอ แบบนี้ได้หรือเปล่าจ๊ะ” ปารวีตัดดอกกุหลาบแล้วหันกลับไปถามคนสอนงาน แต่เธอก็ต้องชะงัก เมื่อหน้าของเธอเกือบชนกับจมูกคมของใครบางคน
“คุณ! มาได้อย่างไร” ปารวีตกใจ และไม่ได้ตั้งตัวมาก่อน เพระไม่คาดคิดว่าจะได้เจอเขาที่นี่ แต่เธอก็ตั้งสติได้ และถามเขากลับไป แต่แทนที่ชายหนุ่มจะตอบคำถาม เขากลับหันไปสนใจสอนเธอตัดดอกกุหลาบตรงหน้าต่อ
“ที่นี่มันไร่ของฉัน จะเดินไปไหนมาไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ....” เจ้าของไร่ตอบกลับ พร้อมกับตอบคำถามแทนปอ...ที่หญิงสาวถามเมื่อครู่เสียงทุ้ม
“ก้านที่ตัดมาถือว่าใช้ได้ แต่ถ้าจะดีที่สุดต้องตัดก้านแบบนี้” ชายหนุ่มอธิบายพร้อมกับชี้มือไปที่ดอกกุหลาบอีกดอก
ปารวียืนอึ้งทำอะไรไม่ถูกกับอาการของเขา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดดีกับเธอ และเป็นครั้งแรกที่เจอหน้ากัน หลังจากที่เธอทำเรื่องน่าอับอายไว้ และเพิ่งได้มาเผชิญหน้าเขาอีกครั้ง
ชายหนุ่มกลับทำตัวปกติ ไม่รู้สึกร้อนหนาวกับเรื่องวันก่อน เชื้อเชิญหญิงสาวให้ทำตามคำสอนอย่างสุภาพ
“ลองตัดดูสิ ช่อนี้นะ”
พ่อเลี้ยงธามส์หันกลับมามองหญิงสาวอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ามัวแต่ยืนนิ่ง ชายหนุ่มก็แย่งกรรไกรในมือของเธอมาตัดเสียเอง
กรรไกรตัดกิ่งหลุดออกไปจากมืออย่างไม่รู้ตัวโดยที่ในหัวของหญิงสาวมีคำถามมากมาย เขากินยาผิด โดนแดดจนเพี้ยน หรือว่าเบลอมองหน้าเธอเป็นคนอื่น ถึงได้ทำตัวแบบนี้
“แปลงนี้เป็นแปลงดอกกุหลาบเพื่อส่งออก ไม่เหมือนกับแปลงส่งเข้าโรงงานที่เธอเคยเห็น การตัดดอกก็ไม่เหมือนกัน...เราต้องเลือกดอกตูมขนาดเท่าดอกนี้ เพราะถ้ามากกว่านั้น มันจะบานมากกว่านี้เมื่อถึงปลายทาง เราต้องบวกเวลาการเดินทางเพิ่มเข้าไปด้วย แล้วต้องเพิ่มก้านดอกให้ยาวมากกว่าปกติหนึ่งนิ้วอย่างนี้ เพราะเวลาเขาไปคัดดอกเพื่อส่งออก เราต้องตัดมันออกให้เสมอกัน ต่อมาก็ต้องแช่น้ำยาก่อนส่งให้ลูกค้า” เจ้าของไร่ยังคงสอนงานต่อเสียงนุ่ม ยิ่งทำให้หญิงสาวไม่เข้าใจหนัก
อาการแบบนี้ของเขา มันแปลกประหลาดในสายตาเธอ หรือว่าเขาจะป่วย หรือพักผ่อนน้อยจนเพี้ยน ลืมไปว่าเมื่อเจอหน้าเธอ เขาต้องจิกกัดให้แสบคัน ต่อว่าให้เจ็บปวด หรือไม่ก็ถากถางอย่างแสบทรวง
แต่วันนี้...เขาก็ยังทำตัวเหมือนที่ผ่านมาไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีคำขอโทษสำหรับเรื่องราวที่ผ่านมาในวันนั้น ไม่มีคำอธิบายเรื่องราว เขาคงจะลืมไปแล้วสินะ เรื่องคืนนั้นคงเป็นความไม่ตั้งใจของเขา และคงคิดว่าเธอง่ายอย่างที่ปากเขาบอก ถึงได้ทำอะไรเธอได้ตามอำเภอใจ
“เอ้า ดอกนี้ฉันให้เธอ” อยู่ๆ เขาก็ยื่นดอกกุหลาบให้ปารวี
“คะ!” ปารวีเลิกคิ้วสูงด้วยความประหลาดใจอีกครั้ง เขาจะมาไม้ไหนกับเธออีกนี่
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวถึงกับร้องเสียงหลง เจ้าของไร่ก็แก้เก้อไปเหมือนกัน แต่เพราะกลัวเสียหน้า ชายหนุ่มเลือกตอบกลับไปสวนทางกับใจทันที
“ไม่ได้พิศวาสอะไรหรอกนะ ตัดมาแล้วเสียดาย รับไปสิ” คำพูดเพียงแค่นั้นที่ออกจากปากของเจ้าของไร่
ถ้าคนในไร่ได้ยิน คำพูดของเขาเป็นคำแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้นเลยสักนิด เพราะยังมีอีกนับพันดอกที่วางเรียงราย รอส่งให้ลูกค้า
ทว่าพูดจบ ชายหนุ่มก็เดินเลี่ยงออกไปสั่งงานคนงาน ทำเป็นไม่สนใจหญิงสาว แต่ก็เหลือบมองเป็นระยะ เขาให้ความสนใจกับคนงานที่กำลังตัดดอกกุหลาบอยู่อีกแปลง ทิ้งให้ปารวียืนมองแผ่นหลังหนาที่เดินออกไปอย่างไม่เข้าใจ
ปารวีหันหลังกลับ เดินถือดอกกุหลาบดอกนั้นออกไป หัวคิ้วย่นเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าเจ้าของไร่กำลังคิดอะไรอยู่
ช่วงบ่ายของอีกวัน...รษามาหาพี่ชายถึงในโรงงาน เธอเห็นว่าช่วงนี้พี่ชายดูยุ่งกว่าเดิมมากอย่างที่ก้องหล้าบอกเอาไว้จริงๆ หลังจากที่เธอเริ่มเข้ามาทำงานก็แทบไม่เห็นหน้าพี่ชายเลย คงจะยุ่งมาก
“พี่ธามส์...รษามีเรื่องจะขอ...”
“เรื่องด่วนหรือ...ทำไมมาถึงที่นี่ล่ะ” คนเป็นพี่ถามกลับ...ทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากสายพานลำเลียงสลับกับเอกสารที่ถืออยู่ มือที่จับปากกาก็วุ่นอยู่กับการจดรายงานลงบนแฟ้ม
“พี่ยังไม่ว่างหรือคะ” คนเป็นน้องถามอย่างเกรงใจ เมื่อเห็นว่าพี่ชายเหมือนจะวุ่นและใส่ใจงานมากกว่าที่จะหันมามองเธอสักนิด
“พูดมาเลยก็ได้ ถ้าให้พี่ว่าง...คงไม่มีเวลาหรอก เพราะเสร็จจากตรงนี้พี่ต้องไปตรวจสินค้าส่งไปญี่ปุ่นที่ไร่ชาอีก”
“น้องจะมาขอพี่รวีไปช่วยสอนงาน...” ประโยคที่ออกมาจากปากของน้องสาวทำเอาคนเป็นพี่หันขวับ เงยหน้าขึ้นมามองหน้าคนพูดทันที
“ทำไม”
“พี่รวีเป็นคนเก่ง ถ้ารษาได้มาช่วย...ก็น่าจะช่วยให้คนไม่มีประสบการณ์อย่างรษาเก่งเร็วขึ้น เพราะถึงยังไงพี่ธามส์ก็มองไม่เห็นค่าของเพชรอยู่ดี”
“ไม่ได้หรอก...คนเก่งที่สอนงานรษาก็มีตั้งเยอะแยะในไร่ ก้องหล้าก็สอนอยู่แล้วนี่”
“แล้วมันแตกต่างกันตรงไหนล่ะ...ตอนนี้พี่ก็ให้พี่รวีเป็นผู้ช่วยนายปลั่งหัวหน้าคนงาน ให้มาเป็นผู้ช่วยรษาก็เหมือนกัน”
“แต่เขาเป็นคนของพี่...”
“ถ้าพี่จะพูดอย่างนั้น...รษาขอใช้สิทธิ์เจ้าของไร่ปกรักครึ่งหนึ่ง สั่งให้พี่รวีมาช่วยงานรษา หรือพี่ธามส์คิดว่างานของรษาไม่สำคัญเท่างานของนายปลั่ง...รษาก็จะกลับไปให้สามีเลี้ยง เป็นคุณนายเจ้าของโรงแรมก็ไม่น่าจะลำบากอะไร แล้วก็อย่าหวังว่าพี่รวีจะอยู่ต่อ แค่เพียงรษาเล่าเรื่องทุกอย่างให้คุณปรินทร์ฟัง...ไม่มีทางที่เขาจะยอมให้พี่รวีอยู่ต่อ” คนเป็นน้องยื่นคำขาดเสียงหนัก
“แล้วเราจะให้ปารวีไปช่วยอะไร ปารวีไม่ได้จบการตลาดมา พี่ว่าคงช่วยอะไรรษาไม่ได้มากหรอก” เมื่อจนมุมด้วยเหตุผล เจ้าของไร่ก็ไม่สามารถค้านน้องสาวได้ ชายหนุ่มหันกลับมาถามน้องสาวเสียงเรียบ
“แล้วจบเคมีมันเกี่ยวกับปลูกและดูแลดอกไม้ตรงไหน รษาเห็นงานที่พี่รวีทำ...ไม่ต่างจากคนงานสักนิด” รษาย้อนกลับ ทำเอาคนเป็นพี่ถึงกับจนมุมอึกอัก หาเหตุผลไม่ได้ เขากำลังชินที่เห็นเธออยู่ในไร่ และบอกใครไม่ได้ว่าเขาไม่อยากให้เธอห่างสายตาไปไหน