(เห็นแล้ว...คงไม่ใช่แค่ตกใจหรอก แต่อาจจะช็อกตายไปเลยก็ได้)
ภาพที่ได้เห็นผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยมของโน๊ตบุ๊คทำฉันใจสั่นได้อย่างที่อ้ายกอล์ฟพูดไว้จริงๆ ทั้งหมดทั้งสิ้นที่เห็นอยู่ยิ่งบอกชัดเข้าไปใหญ่ว่าทุกอย่างที่อ้ายกอล์ฟเคยบอกไว้ ไม่ว่าจะเรื่องที่เขาเป็นพี่ชายอ้ายก็อต หรือเรื่องที่อ้ายก็อตมีฝาแฝดทั้งหมดนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น
‘กฎของการลงเรือลำเดียวกัน มีไม่กี่ข้อนะรู้ไหม?’
และการที่มันเป็นเรื่องจริงมันทำให้ฉันเริ่มกลัว
‘ข้อแรก พริกต้องเป็นของพี่ ข้อสอง พริกห้ามเป็นของใครไม่เว้นแม้แต่ไอ้ก็อต…’
กลัวว่าความจริงจะแดงขึ้นมาจนเข้าหูอ้ายก็อต...
ความกังวลและความกลัวส่งผลให้ฉันตัดสินใจเดินออกไปยืนรับลมที่ระเบียง แต่ก็ลืมไปว่าห้องข้างๆ เป็นห้องผู้ชายที่ฉันไม่อยากเห็นหน้ามากที่สุด แต่ว่า...
ค่ำวันนี้ห้องพักของอ้ายกอล์ฟกลับไฟมืดสนิท แม้แต่ระเบียงห้อง ฉันพยายามเพ่งสายตามองหาเขา เพราะคิดว่าอ้ายกอล์ฟอาจจะหลบอยู่ในมุมมืด แต่ก็เปล่า อ้ายกอล์ฟไม่ได้อยู่ตรงระเบียงห้อง และคาดว่าในห้องก็คงไม่ต่างกัน
ทั้งที่กลับมาพร้อมกันแท้ๆ แต่เพียงแค่เวลาผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงเขาก็หายไป
เขาไปไหนนะ...
วันต่อมา...
ฉันแต่งตัวเตรียมไปมหาวิทยาลัยเป็นวันที่สองแล้ว แต่วันนี้ฉันไม่ได้แต่งเต็มเหมือนอย่างเมื่อวานหรอกนะ แค่ทาแป้ง หวีผม ทาลิปมันเพียงเท่านั้น ในเมื่ออ้ายก็อตไม่ได้เรียนอยู่ที่เดียวกัน ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะแต่งตัว แต่งหน้าไปเรียนทำไมเหมือนกัน
หลังจากแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ฉันก็พาตัวเองออกจากห้องพักโดยไม่ลืมหยิบป้ายชื่อติดตัวมาด้วย แต่ไม่ได้แขวนคอหรอกนะ ก็พี่แอลดันแกล้งเขียนชื่อฉันว่ากระเหรี่ยง ใครเห็นเข้ามีหวังอายตาย
บรื้นน บรื้นนน
เสียงเบิ้นเครื่องยนต์ขนาดเล็กดังลั่นไปทั่วพื้นที่หน้าหอพักทันทีที่เท้าก้าวเดินออกจากตัวอาคาร สายตาถูกสั่งให้มองไปยังต้นเสียงก่อนเข้ากับชายหนุ่มในชุดนักศึกษาหากแต่สวมเสื้อช็อปทับไว้และปิดบังหน้าตาด้วยหมวกกันน็อกเต็มใบ กำลังบิดรถออกไปจากหอพัก
ถ้าจำไม่ผิดทั้งลวดลายของหมวกและลักษณะรถเครื่อง(มอเตอร์ไซค์)ที่เขาใช้ บ่งบอกได้ชัดว่าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่ใคร แต่ว่าเป็นอ้ายกอล์ฟที่หายไปตั้งแต่เมื่อคืน เอาเข้าจริงแล้ว เมื่อคืนฉันก็แอบเผลอนอนฟังเสียงของเขาเหมือนกัน เพราะนิสัยอยากรู้อยากเห็นที่แก้ไม่หายล่ะมั้ง เลยทำให้ฉันเผลอนอนรอเขาโดยอาศัยการฟังเสียงว่าเขาจะกลับมาตอนไหน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้คำตอบที่ต้องการ เพราะดันหลับไปก่อน
แต่ก็นะ อ้ายกอล์ฟจะไปไหนมันก็ไม่เกี่ยวกับฉันอยู่แล้ว ยิ่งด้วยเขากับอ้ายก็อตดูท่าจะสนิทกันอย่างปากว่าด้วยแล้ว ฉันควรต้องอยู่ให้ห่างเขาดีที่สุด
เวลาต่อมา
มหาวิทยาลัย F
ฉันพาตัวเองมานั่งรอเวลาการเข้ากิจกรรมอยู่ที่ม้าหินหน้าทางเข้าคณะ พลางก้มหน้าดูจอโปรแกรมแชทซึ่งกำลังคุยค้างกับเพื่อนใหม่อย่างแนนไปด้วย แต่ไม่นานหรอก สายตาก็ต้องเป็นอันต้องละออกจากหน้าจอเมื่อใกล้เคียงกันมีเสียงฝีเท้าคู่หนึ่งดังขึ้นและหยุดอยู่ข้างกาย
“สวัสดีจ๊ะ...” เธอคือคนที่ฉันเคยเจอมาก่อนหน้านี้แล้วถึงสองครั้งสองคราว และยังเป็นรุ่นพี่ในคณะเดียวกันด้วย
“สวัสดีค่ะพี่ชมพู” การที่เป็นเช่นนั้นทำให้ต้องรีบยกมือไหว้เธอตามมารยาทของรุ่นน้องที่ดีทันที
“ไม่ต้องไหว้พี่ก็ได้จ้ะ” พี่ชมพูพูดยิ้มๆ พร้อมทั้งเดินมาทิ้งตัวลงนั่งบนม้าหินฝั่งตรงข้ามกับฉันทันทีแบบไม่ต้องชวน ท่าทางเธอดูใจดี เรียบร้อย อ่อนหวาน ต่างจากพี่แอลลิบลับแถมยังดูใจเย็นมาก จนเผลอเกร็งและประหม่ายามที่อยู่ใกล้ “ทำไมพริกมานั่งตรงนี้คนเดียวล่ะจ๊ะ กอล์ฟไปไหนล่ะ?”
“หนูนั่งรอเพื่อนอยู่ค่ะ ส่วนอ้ายกอล์ฟหนูไม่ทราบค่ะ”
ให้ตายสิ! ทำไมฉันถึงรู้สึกเกร็งแบบนี้นะ
“เหรอจ๊ะ” ฉันแอบเหลือบมองพี่ชมพูเล็กน้อยเพื่อดูท่าที ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอไม่ได้สนใจฉันหรอก แต่สายตาเหมือนกำลังมองหาใครอยู่ พี่ชมพูดูไม่ค่อยสนิทกับอ้ายกอล์ฟเท่าไหร่นัก วัดจากเหตุการณ์เมื่อวานที่เธอถูกอ้ายกอล์ฟตะคอกต่อหน้าศึกษาคนอื่น ทั้งที่คิดอย่างนั้นแต่จู่ๆ พี่ชมพูก็เอ่ยปากขึ้น
“เมื่อวานพี่ได้ยินพริกพูดกับแอลเรื่องน้องชายกอล์ฟด้วยนี่ใช่ไหม?” และคำถามดังกล่าวมันก็ทำให้ฉันรู้สึกประหลาดใจ
“คะ...ค่ะ พี่ชมพูรู้จักอ้ายก็อตด้วยเหรอคะ?” การที่เป็นเช่นนั้นทำฉันรีบรัวคำถามย้อนกลับไปอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งคนตรงหน้าก็ขยับยิ้มทันทีหลังสิ้นเสียงคำถาม พร้อมทั้งให้คำตอบ
“จ้ะ พี่รู้จักก็อตดีเลยล่ะ” คำตอบที่ได้รับกลับมาทำฉันอ้าปากค้างด้วยหลายๆความรู้สึกไม่ว่าจะประหลาดใจ ตกใจ อึ้งหรือแม้กระทั่ง ดีใจ และตอนนี้ความดีใจที่ได้พบว่ามีใครรู้จักกับอ้ายก็อตมาอยู่ตรงหน้ามันดันมีมากกว่าจนต้องรีบลุกจากที่นั่งฝั่งตัวเองเดินอ้อมมานั่งเบียดข้างพี่ชมพูพร้อมทั้งยิงคำถาม
“พี่ชมพูพูดจริงเหรอคะ?”
“ก็จริงน่ะสิ” เธอบอก “ก็อตน่ะเรียนอยู่มหา'ลัยเอกชนใกล้ๆนี่ เป็นน้องชายของกอล์ฟ แล้วก็...เป็นแฟนพริกด้วยใช่ไหมจ๊ะ?” พอถูกถามฉันก็รีบพยักหน้ารัวๆแทนคำตอบ ใบหน้าตอนนี้เปื้อนด้วยรอยยิ้มชนิดที่ไม่สามารถหุบได้
ใช่! ฉันกำลังดีใจ และดีใจมากๆด้วย
“พี่ไม่ใช่แค่รู้จักกับก็อตอย่างเดียวนะ พี่ซีเพื่อนกอล์ฟพี่ก็รู้จักนะ”
“อ้ายซีเหรอคะ...”
“ใช่จ๊ะ พริกรู้จักพี่ซีด้วยเหรอเหรอ?” อีกหนที่พี่ชมพูถามและนั่นเลยทำให้ต้องคิดตาม เมื่อวานนี้ ตอนที่วิ่งหนีอ้ายกอล์ฟออกมา ฉันวิ่งชนกับผู้ชายคนหนึ่งด้วย เขาเป็นคนเหนือและถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าเขาจะ...
‘ตั๋วชื่อพริกใช่ก่อ?’
‘ใช่เจ้า แล้วตั๋วล่ะ’
‘ซี’ ใช่แล้ว! ผู้ชายคนนั้นไง คนที่อ้ายกอล์ฟคุยโทรศัพท์ลับๆล่อๆเมื่อคืนก่อนนั่นไง!
“พี่ชมพูรู้จักอ้ายซีจริงๆเหรอคะ?” พอคิดได้ปากจึงเอ่ยถาม ที่ถามไม่ใช่เพราะอยากรู้ว่าเธอรู้จักไหม ในเมื่อคำพูดของพี่ชมพูมันบอกชัดหมดแล้ว แต่ที่ถาม ฉันแค่อยากรู้ว่า ผู้ชายที่ชื่อซีอะไรนั่น รู้จักกับอ้ายก็อตด้วยหรือเปล่า
“ใช่จ๊ะ พวกพี่รู้จักกันหมดนั่นแหละ ทั้งพี่ซี ทั้งกอล์ฟแล้วก็ก็อต”
“พวกพี่สนิทกันเหรอคะ”
“จ้ะ...” คราวนี้น้ำเสียงหวานของพี่ชมพูเริ่มอ่อนลง แสดงถึงความไม่มั่นใจในคำตอบ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังพูดมันออกมาอยู่ดี “พวกพี่เคยสนิทกันมาก แต่พี่สนิทกับก็อตที่สุดนะ”
คำตอบของพี่ชมพูแม้จะดูขัดกับความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับอ้ายกอล์ฟที่ฉันเคยเห็นแต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ให้รู้ว่า อ้ายซีเพื่อนอ้ายกอล์ฟต้องรู้อะไรเกี่ยวกับอ้ายก็อตด้วยแน่ๆ
“ถามเยอะขนาดเนี้ย พริกมีปัญหาอะไรกับก็อตหรือเปล่าจ๊ะ?” พอฉันเงียบไป มันก็เป็นพี่ชมพูเองที่เอ่ยถามขึ้นมา เพราะว่าเธอเองก็รู้จักกับอ้ายก็อตแลดูท่าจะสนิทกันมากกว่าอ้ายกอล์ฟนัก ฉันจึง...
“อ้ายก็อตช่วงนี้แปลกๆไปน่ะค่ะ” บอกเล่าสิ่งที่รู้สึกและคิดอยู่ในหัวให้เธอฟัง “ตั้งแต่หนูมากรุงเทพฯ อ้ายก็อตก็เริ่มทำตัวแปลกๆ”
“แปลกยังไงจ๊ะ?”
“เขาเหมือนปิดบังอะไรหนูอยู่ค่ะ ทั้งที่ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนขี้จุ๊เลย” ฉันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ไม่ใช่แค่พูดให้ดูน่าสงสาร ความคิดหลายอย่างเริ่มตีกันยุ่งไปหมดเมื่อได้เห็นอาการแปลกๆยามที่เขาแสดงให้รู้สึกผ่านทางน้ำเสียง “เหมือนเขากำลังนอกใจหนูเลย...”
“ไม่หรอกจ๊ะ” พี่ชมพูเอ่ยขัดเสียงเรียบบ่งบอกความจริงจัง แม้ว่าใบหน้าสวยๆของเธอยังเปื้อนรอยยิ้มอยู่ก็ตาม “ก็อตน่ะไม่มีทางนอกใจพริกหรอกนะ...”
“...”
“พี่เองก็พูดอะไรมากไม่ได้เหมือนกัน รู้แค่ว่าก็อตไม่ใช่คนไม่ดี กอล์ฟก็เหมือนกัน...”
ไม่ใช่คนไม่ดีงั้นเหรอ?
“ถ้าอย่างงั้นแล้วอ้ายก็อตทำตัวแปลกๆทำไมล่ะคะ?” ฉันรัวคำถามเมื่อสิ่งที่พี่ชมพูพูดนั้นมันค่อนข้างทำให้รู้สึกค้างคา แต่ว่ายังไม่ทันที่เธอจะได้ตอบอะไร กลับมีเสียงหนึ่งแทรกขัดขึ้นเสียก่อน
“ไม่เล่าต่อล่ะ กำลังดราม่าได้ที่เลย...” เสียงทักท้วงดังกล่าวทำเอาเราทั้งคู่ที่ยามนี้เริ่มจะจริงจังกับเรื่องที่คุยกันอยู่สะดุ้ง หันขวับมองเจ้าของเสียงอย่างพร้อมเพรียงกันด้วยความตกใจก่อนพบกับพี่แอลกำลังยืนกอดอก ทำหน้าบูดบึ้งแสดงอาการไม่ค่อยชอบใจให้ได้เห็น
“ทำไมเธอไม่เห็นบอกฉันว่าเคยสนิทกับกอล์ฟด้วย?” มิหนำซ้ำ เธอยังเป็นฝ่ายชิงยิงคำถามออกมาเอง
“กะ ก็ฉันไม่รู้จะเริ่มตรงไหนนี่” พี่ชมพูตอบเสียงอุบอิบ นั่นเลยทำให้นัยน์ตาคู่เฉี่ยวตวัดมองมายังฉันแทนพลอยให้ต้องรีบยกมือขึ้นไหว้ตามมารยาททันทีพี่แอลไม่ได้แสดงทีท่าการปฏิเสธการรับไหว้ แต่ก็ใช่ว่าจะรับไหว้จากฉันเลยเสียทีเดียวหรอกนะ เธอเลือกที่จะเดินมานั่งแทรกกลางระหว่างฉันกับพี่ชมพูแล้วเอ่ยขึ้นคล้ายกับกำลังจับผิดอะไร
“สรุปแล้วน้องกะเหรี่ยงไม่ได้โกหกเรื่องน้องชายกอล์ฟถูกไหม?”
“ใช่ กอล์ฟมีน้องชายฝาแฝดชื่อก็อต” พี่ชมพูตอบคำถามเพื่อนด้วยท่าทางอึดอัด ต่างจากพี่แอลซึ่งยังคงใช้ท่าทีและสายตากดดันล้วงทุกความลับที่เธออยากรู้อย่างต่อเนื่อง และคราวนี้เธอก็เอาความอยากรู้ของตัวเองมาลงที่ฉัน
“น้องกะเหรี่ยงถามอะไรค้างไว้นะ ถามต่อสิ อยากฟัง” คำพูดและความอยากรู้อยากเห็นของพี่แอลกำลังสร้างความกดดันให้พี่ชมพูและฉันอย่างต่อเนื่อง เพราะมันไม่ใช่ความลับอะไร อีกทั้งมันยังเป็นตัวพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจให้ฉันด้วย ดังนั้นฉันจึงไม่มีทางเลือก
“สรุปแล้ว ถ้าอ้ายก็อตไม่ได้นอกใจหนู ทำไมช่วงนี้เขาถึงชอบทำตัวแปลกๆล่ะคะ?” จำต้องถามคำถามเดิมที่ค้างไว้ออกไป แต่แล้วคงที่เริ่มแสดงอาการเป็นกังวลมันก็ดันเป็นคนถูกถามนั่นแหละ
“เรื่องนั้นพี่ไม่รู้จ้ะ...” พี่ชมพูตอบไม่เต็มเสียงเท่าไหร่ คล้ายกับอยากเลี่ยงที่จะตอบยังไงอย่างงั้น ซึ่งครั้งนี้ไม่ใช่ฉันที่เป็นฝ่ายซักไซร้ที่จะถาม แต่ดันเป็นพี่แอลที่นั่งฟังอยู่ระหว่างเราทั้งคู่ต่างหาก
“อะไรของเธอชมพู น้องถามก็ตอบไปสิ ไหนว่าสนิทกันไง”
“เรื่องบางเรื่องมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวถูกไหม ฉันก็ตอบแทนก็อตไม่ได้เหมือนกัน...” การที่เป็นเช่นนั้น มันเลยทำให้คนถูกรบเร้าพ่นลมหายใจทิ้งเล็กน้อยด้วยลักษณะคล้ายกับอึดอัดใจที่จะพูด พอเห็นพี่ชมพูแสดงอาการอึดอัดให้เห็นแล้ว ฉันจึงไม่อยากรบเร้าให้เธอหนักใจไปมากกว่านี้ เลยตัดสินใจเป็นฝ่ายตัดบทด้วยตัวเอง
“เอ่อ...ถ้างั้นหนูขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ...” ทั้งที่พยายามเลี่ยงที่จะหยุดบรรยากาศกดดันภายในบทสนทนาลงแล้วไปจากตรงนั้นซะ ทว่า ตอนที่กำลังจะลุกมันก็เป็นพี่ชมพูนั่นแหละที่กล่าวออกมาเอง
“ถ้าพริกอยากรู้เรื่องก็อตล่ะก็ พี่ว่าลองถามกอล์ฟดูสิจ๊ะ...” และคำพูดของเธอนั้นก็ทำเอาคนฟังชะงักงันได้โดยทันที “ก็อตน่ะรักกอล์ฟมากเลยรู้ไหม พวกเขาสนิทกันมากจนดูเป็นพี่น้องฝาแฝดที่น่าอิจฉาเลยล่ะ”
สนิทกันมากจนน่าอิจฉางั้นเหรอ ก็ไหนอ้ายกอล์ฟบอกว่าเกลียดอ้ายก็อตมากยังไงล่ะ...
“อ้ายกอล์ฟคงไม่เล่าให้หนูฟังหรอกค่ะ” ฉันพูดตามความรู้สึกและความคาดว่าจะเป็นออกไปทันทีอย่างไม่ต้องคิด เพราะที่ผ่านมามันก็มากพอจะทำให้รู้อยู่แล้วว่าต่อให้ง้างปากเอาคำตอบจากเขามากเท่าไหร่ ฉันก็ไม่มีทางได้ในสิ่งที่ต้องการ แต่ว่า...
“แต่ถ้าถามแล้วกอล์ฟไม่ยอมพูดอะไร มันก็ยังมีอีกคนที่น่าจะตอบคำถามแทนกอล์ฟได้นะ” พี่ชมพูดันพูดออกมาแบบนั้น ความลืมตัวส่งผลให้ฉันพลั้งปากย้อนถามพี่ชมพูกลับไป
“ใครเหรอคะ...” พร้อมกันนั้นก็ยืนรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อด้วยเช่นกัน
“พี่ซี คนสนิทของกอล์ฟจ้ะ พี่ว่าถ้าถามเขาน่าจะได้เรื่องมากกว่าถามคนที่เคยสนิทอย่างพี่นะ...”
อ้ายซี ที่เจอเมื่อวานงั้นเหรอ...
“ถ้าพริกอยากคุยกับพี่ซีแบบส่วนตัว คืนนี้ลองแวะไปที่ผับ PARADISE ดูสิ พี่ซีเขาเป็นดีเจอยู่ที่นั่น...”
ด้วยคำพูดแนะนำของพี่ชมพูเมื่อตอนเช้า ทำเอาตลอดเวลาเข้ากิจกรรมรับน้อง ฉันไม่มีสมาธิกับสิ่งที่รุ่นพี่สั่งให้ทำเลยแม้แต่นิด ซึ่งการที่เป็นเช่นนั้นมันก็ทำให้พี่แอลซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ตอนเช้าจับสังเกตได้ ในช่วงพักกลางวันของวันเดียวกัน เธอจึงพาฉันไปคุยด้วยแบบเป็นส่วนตัว ส่วนเรื่องที่คุยน่ะเหรอ ก็...
“วันนี้เจอกอล์ฟบ้างหรือเปล่า?” เธอไม่ได้เป็นห่วงอะไรฉันหรอก แต่กำลังยิงคำถามที่ตัวเองอยากรู้มากกว่า
“ไม่เจอเลยค่ะ” ฉันส่ายหน้าพลางบอกปฏิเสธ เนื่องจากนับตั้งแต่เห็นหลังไวๆของอ้ายกอล์ฟบิดรถออกจากหอพักไป วันนี้ตลอดทั้งวันฉันก็ไม่ได้เห็นหน้าเขาอีก
“ให้ตายสิ ผู้ชายคนนั้นเขาไปไหนกันนะ โทรติดต่อไม่ได้เลยทั้งวัน” คนตัวเล็กระดับเท่าๆกันบ่น ส่วนฉันก็ทำแค่เงียบและปล่อยให้เธอนั่นแหละเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นเอง “สรุปแล้ว เธอกับกอล์ฟไม่ได้เป็นอะไรกันใช่ป่ะ?”
แต่ดูเหมือนฉันจะคิดผิดที่ปล่อยให้พี่แอลเป็นฝ่ายถาม
“ค่ะ...” เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับอ้ายกอล์ฟแฟนของเธอ มันไม่ใช่เรื่องที่พี่แอลควรรู้เลยสักนิด
ไม่สิ! ไม่ใช่แค่พี่แอล แต่ทุกคนเลยต่างหากโดยเฉพาะกับอ้ายก็อต
“ฉันตกใจอยู่เหมือนกัน ที่รู้ว่ากอล์ฟมีน้องชายด้วย...” โชคดีที่หลังให้คำตอบพี่แอลก็ดูไม่ได้ติดใจอะไรกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับอ้ายกอล์ฟนัก “แถมยังเป็นฝาแฝดกันอีก”
“นั่นสิคะ หนูเองก็ตกใจเหมือนกันที่รู้ว่าอ้ายก็อตมีพี่ชายฝาแฝดเป็นอ้ายกอล์ฟ” เป็นใคร ใครก็ตกใจกันทั้งนั้นแหละ โดยเฉพาะเมื่อพลาดทำสิ่งที่ไม่ควรลงไปด้วยแล้ว อย่าเรียกว่าตกใจเลยดีกว่า แต่ควรเรียกว่าช็อกถึงจะถูก...
“แล้วตั้งแต่มากรุงเทพฯ นอกจากกอล์ฟแล้วเคยได้เจอหน้าแฟนบ้างหรือยัง?” ฉันส่ายหน้าทันทีเมื่อถูกถาม นั่นทำให้เจ้าของคำถามหรี่ตาลงเล็กน้อยคล้ายกับจับผิดก่อนพ่นคำถามคล้ายกับตอกย้ำกันออกมา “นี่เธอเป็นแฟนกับน้องชายกอล์ฟจริงๆแน่เหรอ?”
“ทำไมถามแบบนั้นล่ะคะ...”
“ก็คนเป็นแฟนกันเขาควรจะมาหาตั้งแต่วันแรกที่แฟนมาถึงไม่ใช่เหรอ?”