“นังมิน! ทำไมแกเพิ่งมาฮะ!”
คนเป็นแม่เท้าสะเอวด่าลูกทันทีที่มาถึง มินตรายังไม่ทันได้เอ่ยปากตอบ พ่อเลี้ยงที่อายุมากกว่าพี่ชายเธอราวสี่ซ้าห้าปีได้ ก็เข้ามาแย่งกระเป๋าเธอไป กระเป๋าสตางค์ที่มีเงินอยู่ปึกหนึ่ง เธอต้องกดเอาเงินจากเครดิตการ์ดของพี่ และป่านนี้ ข้อความที่ว่าเธอกดเงินออกมามากกว่าปกติ คงไปโชว์ที่หน้าจอมือถือของพี่แล้ว
“แกไปเอาเงินมาจากไหนฮะ ไหนตอนฉันโทรไป แกบอกว่าไม่มีไง”
สตรีวัยสี่สิบกลางๆ เค้นเสียงถามลูกด้วยแรงอารมณ์ บอกแล้วว่านังคนนี้มันมีเงิน แค่จะให้หรือไม่ให้เท่านั้น
“มินเบิกค่าแรงมา”
“อย่ามาตอแหล! ร้านขายไอติมในห้างจะเบิกเงินล่วงหน้าได้ยังไง พวกลูกคุณหนูเขาให้แกมาใช่ไหม ฉันว่าแล้วเชียว”
สาลี่คาดเดาอย่างออกรส นึกไปถึงตอนที่ลูกสาวได้เงินก้อนนี้มา บางทีมินตราอาจจะมีทีเด็ด พวกลูกคุณหนูที่ตอนนี้โตเป็นหนุ่มกันหมดแล้ว เลยติดใจ ถึงหน้าตาไม่สวย ไม่ขาวเท่าลูกสาวคนกลางของเธอ แต่มินตรายังสาว ยังไม่เคยมีแฟน พวกลูกคนรวยนั่นเลยชอบกระมัง
“มินยืมมาจริงๆ แม่”
“แล้วแต่! ฉันไม่ใช้หนี้ให้หรอกนะ แกยืมมาก็ใช้เองแล้วกัน”
มินตราถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย รู้แต่แรกแล้วว่าจะไม่ได้เงินคืน แต่จะใจดำให้พี่ชายนอนคุกก็ไม่ได้ และถ้าเธอลองใจดำขึ้นมา แม่เธอนี่แหละ จะตายคนแรก
ตำรวจเข้ามาเจรจาเมื่อค่าปรับค่าทำขวัญพร้อมจ่าย พี่ชายเธอถูกต่อยหน้าบวมปูด ไม่บอกก็รู้ว่าคงไปหาเรื่องอีกฝ่ายก่อน แต่ฝ่ายนั้นไม่หนักเท่า คงเพราะไม่ได้เมาเท่าพี่ เสียค่าปรับเรื่องทะเลาะวิวาทไม่เท่าไร แต่ค่าทำขวัญนี่สิ ทำเอาเธออดเสียดายไม่ได้ เงินหมื่นหายวับไปในพริบตา แม่เธอยังบ่นพึมพำไม่หยุด ด่านั่นแหละ คงเสียดายที่ต้องจ่ายค่าทำขวัญให้ทางโน้น
“ฉันเห็นแก่หน้านังหนูมันหรอกนะสาลี่ ถึงเอาแค่หมื่นเดียว ฉันสงสารหนูมินมัน”
“จ้า...ขอบใจ!”
สาลี่จีบปากจีบคอโต้กลับเพื่อนบ้านที่อายุอานามรุ่นแม่ของตน
“ขอโทษนะคะป้า ขอโทษนะพี่” มินตรายกมือไหว้ป้ากับลูกชาย พี่คนนี้แต่ก่อนก็วิ่งเล่นด้วยกันมาจนโต ไม่เกินวันสองวัน เขากับพี่ชายเธอคงได้กลับไปนั่งล้อมวงกินเหล้ากันอีก นี่แหละ...ที่เธอเจ็บใจ
“นังมิน! แกไปไหว้พวกมันทำไม นังโง่!”
สาลี่ด่าลูกเสียงขรม ป้าที่เป็นคู่กรณีเบ้ปากใส่ สาลี่เลยรีบจูงลูกชายกับผัวลงบันไดโรงพักไป ด้วยหากอยู่ต่อ กลัวว่าจะต้องเสียค่าปรับเพราะตบนังป้ามหาภัยนี่อีก ก็แหม...ลูกมันแดกเหล้าก็แดกด้วยกัน แค่ต่อยกันนิดหน่อยตามประสาผู้ชายนี่ต้องเรียกตำรวจเลยเหรอ แม่มันคงอยากได้ค่าทำขวัญน่ะสิ โอ๊ย! ยิ่งคิดยิ่งโมโหโว้ย!
มินตราได้แต่ส่ายหัวให้มารดา เธอชินเสียแล้วกับกิริยาท่าทางและคำพูดคำจาของแม่
“ช่างมันเถอะหนู เคลียร์กันเสร็จแล้วก็จบๆ ไป” สตรีมากวัยเอ่ยกับมินตราพร้อมรอยยิ้ม แน่ละ มีเงินไปนอนอุ่นอยู่ในกระเป๋าตั้งหมื่นกว่าบาทนี่นา
“ถ้ามีที่ดีๆ ก็ไปจากนังสาลี่เถอะ นั่งนี่น่ะ มันไม่รักใครหรอก นอกจากตัวมันเอง เชื่อป้าสิหนูมิน” ป้าข้างบ้านยังไม่หยุดสุมฟืนใส่ไฟ ก็นะ คนบ้านนี้เห็นจะมีแค่มินตราเท่านั้นแหละ ที่พอจะคุยด้วยได้ ที่พอจะหาเงินมาให้ ยามที่คนบ้านนี้ก่อเรื่อง
มินตรายิ้มแห้งให้กับคำแนะนำของป้า ป้าพูดราวกับว่าการเป็นลูกนี่มันเลิกเป็นได้อย่างนั้นแหละ มันก็เหมือนกับการเป็นแม่ของป้านั่นไง ต่อให้ลูกไม่เอาการเอางาน ขยันหาแต่เรื่องกินเหล้า เมามาก็ทะเลาะวิวาท แต่สุดท้ายก็ยังเป็นป้าที่ประคองลูกกลับบ้านอยู่ดี
พอเสร็จเรื่องแล้วมินตราก็เดินลงมาข้างล่าง หัวใจเธอแทบหล่นไปอยู่ตาตุ่มเมื่อเห็นพ่อเลี้ยงกับแม่กำลังค้นหาบางอย่างในกระเป๋าเป้ของเธอ
“แม่! อย่านะ!” เธอเข้าไปกระชากกระเป๋าคืนมา รวมถึงเครดิตการ์ดที่อยู่ในมือพ่อเลี้ยงด้วย เขามองมาอย่างไม่พอใจ จะเข้ามาดึงการ์ดคืนไป เธอเลยรีบยัดเข้าใส่ในกระเป๋ากางเกง
“เอามานะนังมิน”
“อะไรแม่”
“เอาเงินค่ารถมาสิวะ เร็วๆ เข้า พี่เขาจะยืนไม่ไหวแล้ว” สาลี่บอกลูกสาวแล้วดันร่างลูกชายที่เมาไม่ได้สติ ไปให้คนที่เมาน้อยกว่า เมฆผู้เป็นผัวก็จำต้องพยุงร่างของมนัสไว้ อีกฝ่ายหลับไปทั้งที่ยืนอยู่
“ไม่มี มินจะเอาเงินมาจากไหนแม่”
“ฉันรู้ว่าแกมี เอามา! สี่ซ้าห้าร้อยก็เอามา”
“แม่!?”
แล้วกระเป๋าเป้ก็ถูกแย่งคืนไป แม่ดึงชุดนักศึกษาของเธอออก ควานหาจนเจอช่องซิปเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ในเป้ เงินน้อยนิดที่เธอเก็บไว้ซื้อข้าวเที่ยงกับค่ารถเมล์
“ถ้าแม่เอาไปแล้วมินจะเอาที่ไหนใช้”
“ขอพวกลูกคุณหนูสิ พวกพี่ๆ ของแกน่ะ” สอนลูกแล้วยัดแบงก์ห้าร้อยเข้ากระเป๋ากระโปรง เหลืออยู่สองร้อย ถือคามือไว้จ่ายค่าแท็กซี่ ก่อนจะโยนเป้ลงไปรวมกับชุดนักศึกษาที่กองอยู่กับพื้น
กระบอกตาของมินตราร้อนผ่าว นั่งลงเก็บเอาชุดนักศึกษาใส่กระเป๋า น้ำตาไหลลงหยดแล้วหยดเล่า ก็ไม่เคยได้รับความเห็นใจ
“บอกทีเถอะว่าแม่เก็บมินมาจากถังขยะ มินจะได้เสียใจน้อยลง แม่ทำเหมือนมินไม่ใช่ลูก”
เผียะ!
เสียงฟาดฝ่ามือลงบนแก้มของมินตรา ดังลั่นลานจอดรถที่หน้าโรงพัก มินตราไม่ร้องสักแอะ มันเจ็บจนชาหนึบไปทั้งตัวและหัวใจแล้ว
“อย่ามาพูดจาแบบนี้กับฉันนะ ฉันเบ่งแกออกมาแท้ๆ อย่ามาปากดี! ไปเลย ไปทำงานหาเงินโน่น ไม่รู้จะเรียนอะไรนักหนา”
คนเป็นแม่เท้าสะเอวด่า มินตราปาดน้ำตาป้อยๆ
“มินไม่ให้ เดือนนี้มินไม่มีเงินแล้ว ใครจะกินจะใช้อะไรก็หาเองแล้วกัน”
“นังมิน!”