“อือๆ เดี๋ยวมินจะลองไปดูก็แล้วกัน ว่าแต่...ใครจ่าย พี่ใช่ไหม” คนไม่สวยเริ่มมีกำลังใจ พอพี่พยักหน้า ก็อยากจะกอดคอหอมแก้มเขาสักที
“ทำไมใจดีกับมินจังเลย”
“สงสารคนขี้เหร่ละมั้ง”
“พี่! อย่ามาว่ามินนะ ถึงจะขี้เหร่ก็อย่ามาว่าสิ เสียความมั่นใจพอดี”
เตชิณหัวเราะในลำคอ จะกลับไปหลับต่อก็ดันได้ยินเสียงสัญญาณเปิดประตู หนุ่มสาวหน้าตาตื่น นอกจากเขาและมินตราก็มีแค่คนเดียวเท่านั้นแหละที่มีรหัสเปิดเข้ามาได้
“เต...ตื่นหรือยังลูก!”
เสียง ผอ.นวลฉวี สตรีวัยห้าสิบปลายๆ รูปร่างเจ้าเนื้อ ร้องถามตั้งแต่เปิดประตูเข้าห้องมา คนในห้องก็ได้ลนลานลงจากเตียง
“เดี๋ยว! จะไปไหน” เขาท้วงมินตรา
“ไปรับหน้าคุณป้าสิคะ”
“ไม่ต้องไป มานี่มา” แล้วมินตราก็ถูกดึงเข้าไปใต้ผ้านวม หัวใจเธอได้เต้นแรงอีกแล้ว ทำไมต้องทำเนียนยั่วกันแบบนี้นะ พี่นี่เจ้าเล่ห์จริงๆ
“เต...เตลูก? ว้าย! หัวใจจะวาย!” นวลฉวี ตบอกรัวๆ เมื่อเปิดประตูห้องลูกเข้ามาแล้วพบเจอลูกชายกอดคนรักของเขาแนบแน่น มันทำเอาคนหัวโบราณรับไม่ได้ เคยคัดค้านตั้งแต่แรก ตอนที่พาแม่หนูคนนี้มาอยู่ด้วยกัน แต่ก็เท่านั้น ลูกนางโตแล้ว ห้ามได้เสียที่ไหน
“บัดสีจริงๆ”
“บัดสีอะไรครับ คนเขารักกัน” เตชิณยิ้มแป้น รั้งหัวของมินตราเข้ามาใกล้แล้วหอมหัวหล่อนฟอดใหญ่ๆ
“น่าเกลียด!”
ฟอด!!!
เตชิณตอบแทนคำพูดตรงๆ ของมารดาด้วยการหอมแก้มโชว์ไปอีก มินตราก็เหวอน่ะสิ
“ไม่เห็นจะน่ารักน่าหอมตรงไหน เห็นหน้าแฟนแกแล้วไม่เจริญหูเจริญตา”
“ก็ผมรักของผม แฟนใครใครก็รักนะครับ น่าน้อยใจจัง ทำไมแม่ไม่รักแฟนผมบ้างนะ” พูดเหมือนน้อยใจ ก่อนจะทำทีเป็นควานหากางเกงเข้าไปสวมอยู่ใต้ผ้านวม คนเป็นแม่ก็ได้หันหลังออกจากห้องอย่างไว
“พี่เต! ทำไมชอบแกล้งนะ คุณป้างอนแล้วนั่น”
“เราต้องชิงเล่นงานคุณแม่ก่อน ตัดพลังไง ไม่งั้นแฟนของพี่ก็โดนรังแกน่ะสิ”
“ว่าไปนั่น” โต้กลับแล้วเผลอเอามือมาลูบแก้ม มันร้อนผ่าวเพราะถูกเขาหอมไปฟอดใหญ่ ตำแหน่งแฟนปลอมๆ นี่ก็เปลืองตัวเหมือนกันนะ
“จะหอมแก้มมิน ทำไมไม่ขอมินก่อน”
“ถ้าขอจะยอมเหรอ อีกอย่าง เราต้องทำให้แม่เชื่อสิว่าเรารักกัน ให้จูบยังได้นะมิน”
“พี่!? ทำไมพี่เป็นแบบนี้ล่ะ พักนี้พี่ทำตัวแปลกจริงๆ นะ”
“ก็เรียนจะจบแล้วไง เรียนจะจบแล้ว จะทำอะไรก็ได้”
มินตรารู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยกับถ้อยคำแปลกๆ ของเขา เผ่นก่อนเถอะ อย่าอยู่เลย เดี๋ยวเผลอคิดอะไรเพี้ยนๆ ขึ้นมา เขาจะดูออก
“รีบลุกมาอาบน้ำเลย คุณป้าน่าจะมากินข้าวด้วย”
“อือ...อย่าให้โดนเล่นงานล่ะ”
“รู้แล้วเจ้าค่ะ”
แล้วมินตราก็เผ่นออกนอกห้อง เตชิณลุกมาเข้าห้องน้ำ ขณะที่สองสาวต่างวัยคุยกันอยู่ข้างนอก
แม่ของเตชิณเอากับข้าวมาฝาก มีแต่ของโปรดเขาทั้งนั้น เธอก็ได้ลาภปาก นางคงไม่อยากทำมาเผื่อหรอก แต่คงกลัวว่าลูกตัวเองจะไม่อิ่มเลยต้องทำเผื่ออย่างช่วยไม่ได้
“เอาชามมาตักเนื้อเค็มต้มกะทิ เอาใบใหญ่ๆ หน่อย”
“ค่ะ”
“เอาจานมาใส่หมูหวานกับปลาทอดด้วย”
“ค่ะๆ” ไม่ว่าอีกฝ่ายจะร้องขออะไร มินตราก็หยิบจับให้อย่างว่องไว อาศัยว่าไม่สวย อีกฝ่ายไม่ถูกชะตา ชาติตระกูลก็ไม่เหมาะสม เลยต้องหัวไวเข้าไว้ เอาความขยันขันแข็งเข้าสู้ แม้รู้ว่าจะสู้ไม่ไหวก็ตาม เธอได้แต่บอกตัวเองว่า ในฐานะที่ตอนนี้เป็นแฟน (ปลอมๆ) ของพี่ เธอต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ห้ามให้โดนจับได้เป็นอันขาด
นวลฉวีที่สวมชุดผ้าไหมเงาวับตามแบบฉบับผู้อำนวยการหญิงผู้เจ้าระเบียบ เหลือบมองประตูห้องนอนของลูกแวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากกับคนที่ยืนอยู่ด้วยกัน
“จะอยู่นี่ตลอดไปเลยใช่ไหม”
“คะ?”
“เธอก็รู้ว่าฉันหมายถึงอะไร ที่ฉันยอมมาตลอดไม่ใช่เพราะถูกใจ แต่เพราะขัดลูกไม่ได้ และตั้งแต่มีเธอ บ้านช่องก็สะอาดเรียบร้อย ฉันไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารการกินลูกด้วย แต่ว่า...คนเรามันก็ต้องเติบโต เธอไม่คิดจะหาความก้าวหน้าให้ชีวิตบ้างเหรอ”
“ค่ะ หนูก็...คิดๆ อยู่”
“บอกตามตรงว่าฉันคิดไปถึงเรื่องแต่งงานไม่ได้ เธอก็รู้ว่าฉันหมายถึงอะไร แม่เธอเคยทำงานที่บ้านเจ้าโตด้วยซ้ำ ตอนฉันไปที่บ้านนั้นก็เคยเห็นบ่อยๆ ถ้าต้องให้ลูกแต่งงานกับลูกคนใช้ ฉันก็รับไม่ได้จริงๆ”
“แม่บ้านค่ะ”
“ว่าไงนะ”
“แม่เป็นแม่บ้าน ไม่ใช่คนใช้ แม่ทำงานไปเช้าเย็นกลับ และตอนนี้ก็ลาออกแล้ว แม่ไม่ได้ทำงานที่ไหนแล้วค่ะ”
“แล้วไง มันลบความทรงจำของฉันไม่ได้นี่นา ลูกคนใช้ ยังไงก็เป็นลูกคนใช้อยู่ดี”
“คุณป้าคะ?”
“ลูกชายฉันเป็นถึงครูอาจารย์ และอีกไม่นานเขาจะมาดูแลธุรกิจโรงเรียนซึ่งเป็นของครอบครัว เรามีหน้ามีตา มีชื่อเสียงให้ต้องดูแล ฉันน่ะ หนักใจทุกครั้งเวลามีคนถามว่าว่าที่ลูกสะใภ้เป็นใคร มาจากไหน”
ความหนักใจของอีกฝ่าย มินตรารับรู้ได้ผ่านสีหน้าท่าทาง และถึงแม้จะกำลังหนักใจ แต่มือของนางก็ยังจัดอาหารใส่จานเพื่อรอลูกชายคนเดียว
“ขอโทษนะคะที่หนูไม่ดีพอ”
“นั่นแหละ สุดท้ายคนใจร้ายอย่างฉันก็แพ้คำขอโทษซื่อๆ ของเธออยู่ดี”
มินตราสะเทือนใจนัก เธอเข้าใจความรู้สึกของนวลฉวีดี ไม่ต้องห่วงนะคะคุณป้า มินไม่ใช่แฟนจริงๆ ของพี่เตหรอกค่ะ สักวันเมื่อมินพร้อม คุณป้าก็จะรู้เอง พอถึงวันนั้น คุณป้าคงสบายใจขึ้น มินสัญญา
“เรียนใกล้จบแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ”