5

1186 คำ
“สวยจังเลยค่ะ สวยมากๆ เลย ฝีมือหลานอาเยี่ยมจริงๆ” คำเยินยอของเขา เรียกรอยยิ้มระคนความเขินอายในคราเดียวกันให้กับณัฏฐลักษณ์ “กุ๊กคิดว่า ถักผ้าพันคอให้คุณอาน่าจะเป็นประโยชน์มากกว่าให้อย่างอื่น เพราะอย่างน้อยมันก็ช่วยให้คุณอาอบอุ่นในหน้าหนาว” เสียงใสเจื้อยแจ้วต่อยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “กุ๊กทำให้คนอื่นอีกหรือเปล่าคะ” เขาชักอยากรู้ขึ้นมาตงิดๆ อยากรู้ว่านอกเหนือจากตนเอง สาวน้อยตรงหน้าถักผ้าพันคอให้ใครอื่นอีกหรือไม่ “กุ๊กถักให้คุณอาคนเดียวค่ะ กุ๊กยังไม่เก่งไม่กล้าถักให้คนอื่นค่ะ” คนได้รับคำตอบยิ้มกว้าง เมื่อรู้ว่า เขาเป็นคนเดียวและคนแรกที่เธอตั้งใจถักผ้านุ่มๆ ที่ตนถืออยู่ “คุณอาไม่อยากให้กุ๊กถักผ้าพันคอให้ใครอีก คุณอากลัวว่ากุ๊กจะเหนื่อย จะปวดหลังที่นั่งหลังขดหลังแข็งถักผ้าพันคอ คุณอาว่าซื้อง่ายกว่าเยอะเลย” โจนาธานหาข้ออ้างดูดี เขาไม่ต้องการให้ณัฏฐลักษณ์ถักผ้าพันคอให้คนอื่น ไม่ว่าจะเป็นใครทั้งนั้น เขาต้องการให้เธอถักให้ตนเพียงคนเดียว แต่จะพูดตรงๆ ก็ไม่ได้ ต้องพูดอ้อมๆ ให้เธอไม่รู้สึกว่า เขาบีบบังคับ “ค่ะคุณอา” เธอรับคำเสียงหวาน “กุ๊กไม่ถักให้ใครหรอกค่ะ ถักให้คุณอาคนเดียว” “ดีมากค่ะ น่ารักที่สุดเลยหลานของคุณอา” “คุณอาขา” ณัฏฐลักษณ์ทอดเสียงเรียกเขาแบบนี้ทีไร ทำให้เขาเกิดอาการแพ้เสียงอ้อนๆหวานๆพานให้ขนแขนขนขามันลุกพรึ่บทุกที “ขา” เขาขานรับด้วยเสียงไม่ต่างกับเธอ “ว่าไงคะหลานสาวของอา” “คุณอาจะไม่ให้รางวัลกุ๊กหน่อยหรือคะ” “แล้วกุ๊กอยากได้อะไรคะ คุณอาจัดให้ทุกอย่างเลยค่ะ” เพื่อหลานสาวแสนสวย เขายินดีหาในสิ่งที่เธอปรารถนาทุกอย่าง ณัฏฐลักษณ์เอียงคอเล็กน้อย ทำท่าคิดอย่างน่ารักราวกับเด็กไร้เดียงสา และนั่นทำให้คนมองเธออยู่ใจเต้นไม่เป็นส่ำมากขึ้น แม้ว่าเธอจะเป็นสาวเต็มตัวแล้วก็ตามแต่ความที่ณัฏฐลักษณ์ถูกเลี้ยงดูมาอย่างไข่ในหินและความหวงแหนของบุพการีทำให้เธอทำตัวอยู่ภายในกรอบมาตลอด ความที่เธอไม่เที่ยวเตร่หรือมีสังคมกับเพื่อนฝูงมากมาย เธอจึงไม่ค่อยทันต่อโลกภายนอกทั้งๆที่โลกแห่งการศึกษาเธอจะเป็นผู้นำ จึงทำให้เธอค่อนข้างอ่อนเดียงสาในบางแง่มุมโดยเฉพาะเกี่ยวกับเพศตรงข้าม “อะไรคะกุ๊ก” โจนาธานถามอย่างไม่เข้าใจ เพราะเธอเอียงแก้มใสๆ เนียนๆ น่าหอมมาตรงหน้าเขา ณัฏฐลักษณ์ยิ้ม ปลายนิ้วเรียวเล็กแตะลงบนแก้มของเธอ “รางวัลที่คุณอาจะให้กุ๊กไงคะ ตอนที่แม่ยังไม่เสีย เวลาแม่ให้รางวัลกุ๊ก ท่านจะหอมแก้มกุ๊กค่ะ” ตอนที่มารดาของเธอยังมีชีวิตอยู่ รางวัลที่ได้จากบุพการีคือ ท่านจะหอมแก้มทั้งซ้ายและขวา แค่นี้คนที่ได้รับรางวัลก็สุขใจแล้ว ณัฏฐลักษณ์จึงให้โจนาธานมอบรางวัลแบบเดียวกับมารดาให้กับเธอ โจนาธานถึงกับทำอะไรไม่ถูก ความเก่งกาจชั้นเชิงชายแพรวพราวมลายหายไปจนสิ้น เขาเหมือนหนุ่มหัดรัก ไม่ประสีประสาจนหอมแก้มสาวยังไม่กล้าเลย “กุ๊กจะให้อาหอมแก้มจริงๆ เหรอคะ” เขาถามเสียงสั่น “จริงค่ะ เร็วสิคะกุ๊กเอียงคอจนเมื่อยแล้วนะคะ” สาวน้อยวัยใสตอบ ยังเอียงแก้มคอยรอรับรางวัล ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ตัดสินใจโน้มใบหน้าต่ำลงมา จนกระทั่งปลายจมูกของตนสัมผัสกับแก้มนุ่มของหลานสาวบุญธรรม ตอนแรกโจนาธานตั้งใจว่า จะหอมแก้มเธอเป็นพิธี แค่แตะสัมผัส พอเอาเข้าจริงหนุ่มอเมริกันกลับกดจมูกลงบนแก้มนุ่มนิ่ม กดหนักราวกับว่าจมูกของเขากำลังกลืนหายเข้าไปในผิวแก้ม สูดดมความหอมจากผิวแก้มที่คละเคล้ากับกลิ่นแป้งเด็ก สูดลึกๆ เข้าไปในปอด ความรู้สึกของเขาเวลานี้เสมือนมีขุมพลังทางเพศจำนวนมหาศาล พุ่งใส่ร่างของตน บางส่วนแทรกลึกเข้าไปในเซลล์ต่างๆ ในร่าง บางส่วนก่อกวนสร้างความปั่นป่วนไปทุกสัดส่วนของร่างกาย โดยเฉพาะความเป็นชายที่เต้นระริกอยู่ในกางเกงบ๊อกเซอร์ โจนาธานแทบไม่เชื่อตัวเองเลยว่า เพียงแค่เขาหอมแก้มณัฏฐลักษณ์เขาจะเกิดอารมณ์กำหนัดทางเพศขึ้นมาได้มากมายเช่นนี้ ไม่อยากจะคิดต่อไปเลยว่า หากทำมากกว่า ตนเองจะเป็นเช่นไร แค่คิดเขาก็สั่นไปทั้งกาย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า คนอย่างโจนาธาน แมคเคนซีจะแพ้ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ เขาหอมแก้มของเด็กในปกครองเป็นนาน โดยไม่คิดขยับไปไหน เป็นฝ่ายณัฏฐลักษณ์เองที่ดึงใบหน้าของตนออกห่างจมูกโด่งของคุณอาหนุ่ม “คุณอาหอมแก้มกุ๊กแรงจังคะ ดูสิเจ็บไปหมดเลย” เธอใช้ฝ่ามือลูบแก้มเบาๆ “ทีหลังหอมเบาๆ อย่างนี้นะคะคุณอา” แล้วเธอก็ทำให้เขาดูว่า การหอมแก้มเบาๆ นั้นเป็นอย่างไร ลำแขนเล็กรั้งต้นคอให้หน้าโน้มต่ำ เขย่งปลายเท้าจนสุดเพื่อให้จมูกของตนกดลงบนผิวแก้มของเขา สาธิตการหอมให้โจนาธานได้รับรู้ “คุณอาขา กุ๊กหิวแล้ว เราลงไปทานข้าวกันดีกว่านะคะ” พูดจบเธอก็เดินเลี่ยงออกไปจากห้องทันที ปล่อยให้ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ยืนหัวใจแรง เต้นโครมครามประหนึ่งมีกลองชุดรัวในนั้น การที่เขาไม่ไปหาณัฏฐลักษณ์ที่เมืองไทยเหมือนเคย เพราะคิดว่าความรู้สึกที่ไม่ควรเกิดขึ้นในสมองมันจะหลุดออกไป และลืมเลือนไปตามกาลเวลา จนกระทั่งเมื่อวานนี้ที่เขาได้พบกับสาวน้อยในปกครอง ฉับพลันความคิดนั้นก็หวนกลับเข้ามาในสมอง ย้ำตระหนักแน่นในจิตใจว่า ตนเองรู้สึกอย่างไรกับเธอ “กูอยากจะบ้า จะทนได้กี่น้ำวะเนี่ย” โจนาธานบ่นออกมาอย่างกลัดกลุ้ม ความรู้สึกเวลานี้ของโจนาธานตีกันยุ่งเหยิง ความที่เขาเป็นผู้ปกครองของเธอ มันคงไม่ดีแน่หากตนจะคิดอะไรเกินเลยกับณัฏฐลักษณ์ อีกทั้งอายุของเขาและเธอที่ห่างกันร่วมยี่สิบปี ก็มีส่วนทำให้เขาต้องตั้งกำแพงไว้ให้สูงลิบลิ่ว จำเป็นต้องเก็บความรู้สึกนั้นไว้ในใจต่อต้านให้ถึงที่สุด โจนาธานรู้สึกว่า ตนเองกำลังคิดกินเด็ก ที่ “เด็กคนนี้” ก็น่ากินเสียเหลือเกิน ความน่ารัก ความสดใสและไร้เดียงสาของณัฏฐลักษณ์ที่มีอยู่มากมาย กำลังส่งผลถึงตบะของเขากำลังระเบิด... หรือว่าจะลองกินเด็กดูสักครั้ง...โจนาธานคิดหนักอยู่ในใจ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม