บทที่ 2
“ตุรกี! เป็นประเทศเดียวในโลก ที่มีดินแดนอยู่ในสองทวีป ทั้งในทวีปเอเชียและทวีปยุโรป ได้แก่ทวีปยุโรปทางตอนใต้ ที่เรียกว่า เทรซ (Thrace) และทวีปเอเชียทางฝั่งตะวันตก ที่เรียกว่า อนาโตเลีย (Anatolia) โดยส่วนที่แยกอานาโตเลียและเทรซออกจากกัน คือ ทะเลมาร์มารา ช่องแคบบอสฟอรัส และช่องแคบดาร์ดะเนลส์”
พันธิสาอ่านข้อมูลของดินแดนมหัศจรรย์ ที่อยู่บนแผ่นดินสองทวีปจากหนังสือคู่มือนำเที่ยวประเทศตุรกี ซึ่งแน่นอนว่าคนที่จัดแจงหามาให้เธออ่านก็ไม่พ้นแพรไหม ที่เจ้ากี้เจ้าการทุกอย่าง ตื่นเต้นมากกว่าเธอซะอีก
“เฮ้อ...จะหมู่หรือจ่าก็ไม่รู้ จะทำงานบ้านได้ไหมหว่าเรา เกิดมาไม่เคยทำงานเป็นแม่บ้านให้ใครเลย”
พันธิสาบ่นอุบ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ วางหนังสือลงกับหน้าตัก พลางซบหน้าลงกับหน้าต่างเครื่องบิน ทอดสายตามองออกไปด้านนอกเห็นทิวทัศน์มองเมืองอิสตันบูลที่อยู่ด้านล่าง พร้อมกับเสียงของกัปตันที่ประกาศให้ทราบว่ากำลังจะนำเครื่องลงจอดในรันเวย์อีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้แล้ว
“ถ้าทำงานไม่ได้ ขอกลับประเทศไทยเลย เขาจะให้เรากลับไหม”
“เขาฟ้องเราไหม ถ้าเราทำงานไม่ครบตามสัญญา”
“เฮ้อ...ยิ่งคิดยิ่งกลุ้ม...ไม่น่ามาเลยเรา...”
พันธิสาโอดครวญตั้งแต่เครื่องบินทะยานออกจากประเทศไทย กระทั่งเครื่องบินแตะกับรันเวย์ประเทศตุรกีแล้วก็ยังบ่นไม่เลิก
และทั้งๆ ที่รู้ว่าโอดครวญไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะตอนนี้เธอเหยียบแผ่นดินประเทศตุรกี และผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ทำได้ก็คือสูดลมหายใจเข้าปอดลึก เพื่อรวบรวมกำลังใจให้กับตนเอง พร้อมกันนั้นได้กวาดสายตามองหาคนที่จะมารับเธอ
“คนมารับเราอยู่ไหนนะ”
พันธิสาพึมพำกับตนเอง ลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ กวาดสายตามองบรรดาฝูงชนที่ชูป้ายขึ้นสูง เพื่อบอกให้รู้ว่าพวกเขามารอรับใครบ้าง
เจ้าของร่างบอบบางเดินมองหาป้ายชื่อของตนเองไปเรื่อยๆ กระทั่งสุดแถวก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งชูป้ายมีชื่อของเธอพิมพ์อยู่บนป้ายใบนั้นด้วย ก็ปรี่เข้าไปหาอีกฝ่ายในทันที
“ Merhaba (เมอร์ฮาบา) มิสพา..พะ...พาธิสา”
หนุ่มใหญ่คนนี้แต่งตัวด้วยชุดฟอร์มแลดูสะอาดตา เอ่ยทักทายเป็นภาษาตุรกี และพยายามเรียกชื่อของพันธิสา ซึ่งอีกฝ่ายออกเสียงไม่ถูกเอาซะเลย
ทางด้านของพันธิสา ไม่ได้เตรียมตัวมากมายสำหรับการมาทำงานเป็นแม่บ้านในดินแดนแห่งนี้ จึงตีหน้ายุ่งขมวดคิ้วเข้ากัน ไม่เข้าใจว่าประโยคแรกที่ชายผู้นี้พูดออกมานั้นหมายความว่าอย่างไร แต่กระนั้นก็เอ่ยทักทายอีกฝ่ายตามมารยาท
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อพันธิสา นี่ค่ะสัญญาจ้างงานจากเจ้านายของคุณ”
พันธิสายื่นสัญญาว่าจ้างงานซึ่งเธอปริ้นติดตัวมาด้วย ยื่นให้กับชายคนดังกล่าว ซึ่งอีกฝ่ายรับไปถือไว้ แต่หาได้อ่านข้อความบนกระดาษแผ่นนี้ไม่
“เมอร์ฮาบา” ชายผู้นี้กล่าวทักทายอีกครั้ง พร้อมกับแนะนำตัวเองด้วยกริยานอบน้อม
“ผมชื่ออาลีครับ เจ้านายให้มารับมาดาม เชิญมาดามทางเลยครับ”
“มาดาม?”
พันธิสารทวนคำอย่างงงๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ชายที่ชื่ออาลี ให้เกียรติกับคนที่มาทำหน้าที่เป็นแค่เพียงแม่ด้วยด้วยการเรียกว่า ‘มาดาม’
“เอ่อ...คุณอาลีคะ ไม่ต้องเรียกฉันว่ามาดามก็ได้นะคะ เรียกว่าธิสาก็ได้ค่ะ”
อาลีส่ายหน้าปฏิเสธ แล้วเอ่ยตอบว่า “ไม่ได้หรอกครับ เจ้านายสั่งผมไว้ว่าต้องเรียกคุณว่ามาดาม ผมต้องทำตามที่เจ้านายสั่งครับ”
“ฉันมาทำงานเป็นแค่แม่บ้านเองนะคะ ไม่ต้องให้เกียรติฉันมากถึงเพียงนี้หรอกค่ะ”
พันธิสาค้านออกมา เดินตามอาลีไปขึ้นรถยนต์ โดยไม่ลืมบ่นอุบตามหลังไปด้วย
“เรียกมาดาม ฟังแล้วทะแม่งๆ หูชะมัด”
อาลีคลี่ยิ้มบางๆ ไม่โต้เถียงกับพันธิสาอีก พอหญิงสาวเดินมาถึงรถยนต์ ก็ทำหน้าที่เปิดประตูรถ ผายมือเชิญให้หญิงสาวก้าวเข้าไปนั่งในรถยนต์
“เชิญครับ มาดาม”
พันธิสาเบิกตากว้างกับรถเบนซ์รุ่นใหม่ล่าสุดราคาเหยียบล้าน ที่อาลีขับมารับเธอถึงสนามบิน พอเข้าไปนั่งในรถแล้ว ก็อดแซวอาลีไม่ได้
“สงสัยฉันคงเป็นแม่บ้านกิตติมศักดิ์แน่ๆ เจ้านายคุณถึงส่งรถเบนซ์ป้ายแดงมารับฉันด้วย”
“ใช่ครับ มาดามเป็นไวซ (wife) ของเจ้านาย เพราะฉะนั้นเจ้านายจึงสั่งให้ผมเอารถเบนซ์คันนี้ ซึ่งเพิ่งซื้อมาเมื่อไม่กี่วัน เพื่อเอามารับมาดามโดยเฉพาะครับ”
อาลีเอ่ยบอกยิ้มๆ พลางเคลื่อนรถออกจากบริเวณสนามบินอย่างนุ่มนวล พอเหลือบสายตามองพันธิสาผ่านกระจกมองหลัง ก็ฉีกยิ้มกว้าง รู้สึกชื่นชอบหญิงสาวผู้นี้ตั้งแต่แรกเห็น
พันธิสาไม่ได้เป็นปลื้มกับรถเบนซ์ราคาแพงลิบ และไม่ได้ดีใจที่อาลีบอกว่าเจ้านายของเขาซื้อรถเบนซ์คันนี้เพื่อส่งมารับเธอโดยเฉพาะ เพราะคำพูดบางคำของอาลีช่างฟังแล้วแปร่งๆ หู ชวนให้ตีความหมายไปในอีกทาง
“อาลี ทำไมคุณถึงพูดว่าวันเป็นเอ่อ...ไวซ (wife) ของเจ้านายคุณ ฉันไม่ได้มาเป็นเมียใครนะ ฉันมาทำงานเป็นแม่บ้านต่างหาก”
“มาดามเป็นไวซ (wife) ของเจ้านายถูกต้องแล้วครับ”
อาลียังย้ำคำพูดเดิม สร้างความหงุดหงิดระคนคลางแคลงใจให้กับพันธิสาเป็นอย่างมาก แต่คำถามที่เตรียมไว้ซักไซ้อาลีก็มีอันต้องจางหายไป เมื่อหันไปมองนอกตัวรถเห็นทิวทัศน์ อารยะธรรมอันยิ่งใหญ่เป็นดั่งอัญมณีโลกของเมืองอิสตันบูล
“อาลี! ที่เห็นอยู่ข้างนี้เขาเรียกว่าอะไรคะ”
พันธิสาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงบ่งบอกถึงความตื่นเต้น ดวงตากลมโตเปล่งประกายขณะทอดมองสถาปัตยกรรมของเมืองแห่งนี้
อาลีเหลือบสายตามองพันธิสาผ่านกระจกมองหลัง ก็คลี่ยิ้มกว้างกับท่าทีตื่นเต้นของหญิงสาว ซึ่งขยับกายไปนั่งชิดกับประตูรถ เพื่อทอดสายตามองความงดงามของมัสยิดที่อยู่ตรงหน้าอย่างชัดๆ