กำราบรัก 3
ทีเงยหน้าจากไอแพดมองร่างเล็กซึ่งกำลังจัดการเศษซากปาร์ตี้ในโซนห้องรับแขก เพียงแค่เห็นเธอเต้นดุ๊กดิ๊กไปมาตามจังหวะเพลง ความเครียดจากงานเมื่อครู่ก็พลันหายไปในพริบตา
คิดถึงเรื่องเมื่อวานที่เธอเล่าเกี่ยวกับกับประสบการณ์ทำงานบ้านของเธอ เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเรื่องนั้นเธอคงแต่งขึ้นมา ดูได้จากท่าทางคล่องแคล่วในการเก็บกวาดตอนนี้
“คุณทีมองอะไรคะ”
คนถูกทักสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนท่านั่งด้วยการยกมือขึ้นกอดอกเอนพิงพนักเก้าอี้เพื่อกลบอาการประหม่าของตัวเองแต่ในสายตาหญิงสาวกลับดูดีราวกับท่านั่งของนายแบบตามนิตยสาร
“เรื่องเมื่อวาน โกหกสินะ”
“อ๋อ หนูซอลไม่ได้โกหกนะคะ เมื่อก่อนหนูซอลทำไม่เป็นจริงๆแต่คุณพ่อยื่นคำขาดว่าถ้าอยากมาอยู่คนเดียว หนูซอลต้องทำให้เป็น หนูซอลเลยพยายามฝึกให้เป็น”
คำตอบของกุญแจซอลทำให้คนฟังพึงพอใจไม่น้อย อย่างน้อยเธอก็ไม่ใช่แค่เด็กซนที่ไม่เอาไหน เวลาตั้งใจทำอะไรเธอก็ดูจริงจังกับมันมากทีเดียว
“เก่งหนิ”
ทีไม่ได้เลือกชมเด็กสาวเพื่อเอาใจแต่เขารู้สึกว่าเธอเก่งจริงๆ เพราะถ้าเป็นคุณหนูบ้านอื่นอาจไม่เลือกทำเองก็ได้ เธอแค่แอบจ้างแม่บ้านก็สิ้นเรื่อง
“แน่นอนค่ะ”
กุญแจซอลน้อมรับคำชมอย่างไม่ถ่อมตัวแม้แต่น้อยแถมยังยิ้มจนเห็นลักยิ้มทั้งสองข้างอีก ทีส่ายหัวเล็กน้อย เขาไม่น่าเผลอชมเด็กดื้อเลย
“แล้ววันนี้คุณทีไม่เข้าบริษัทหรอคะ ถึงได้มานั่งทำงานอยู่นี่”
“นี่จะไล่?”
“ป๊าว ใครจะกล้าไล่คุณทีล่ะคะ”
หญิงสาวส่ายหน้าแสดงอาการส่อพิรุธสุดๆ ทีหัวเราะกับท่าทางของเธอ เด็กหนอเด็ก เธอจะรู้รึเปล่าว่าสีหน้าเธออ่านง่ายนิดเดียว
“มีประชุมตอนบ่ายสาม”
“ถ้าอย่างนั้นรีบไปมั้ยคะ”
“นี่อะนะไม่ไล่?”
มือเล็กยกขึ้นปิดปากตัวเอง นี่เธอเผลอไล่เขาแบบให้เขารู้ตัวอีกแล้วหรอ
“หนูซอลกลัวคุณทีไปสายต่างหาก”
ในเมื่อมาถึงจุดนี้ อะไรแถได้ก็คงต้องแถแล้วหล่ะ
“เดี๋ยวเธอจะไปส่งฉันตอนบ่ายสอง”
“ซอลหรอคะ?”
นิ้วเล็กชี้เข้าหาตัวเป็นเชิงถามว่า เธอที่เขาหมายถึงตัวเองรึเปล่า
“อืม มีปัญหาหรอ”
มี มีปัญหามากเลยล่ะ เธออยากไปเล่นเกมส์ห้องเพื่อนรักจะแย่แต่จะทำยังไงได้ ตอนนี้เธอต้องทำตัวดีกับทีให้มากที่สุด อย่างน้อยก็จนกว่าเธอจะแน่ใจว่าเขาจะไม่เอาเรื่องวันนี้ไปฟ้องพ่อเธอนั่นแหละ
“ไม่มีเลยค่ะ”
กุญแจซอลฉีกยิ้มกว้าง ก้มหน้าลงกวาดขยะต่ออย่างจำทน ทีกระตุกยิ้มมุมปากมองหน้าตามู่ทู่ของหญิงสาวก่อนจะก้มลงจัดการงานต่อ
เวลาล่วงเลยมาเกือบเที่ยง ทียังคงนั่งทำงานผ่านไอแพดอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับไปไหน กุญแจซอลซึ่งกำลังนั่งดูหนังอยู่รู้สึกหิวขึ้นมาตะหงิดๆ เธอช่างใจอยู่ครู่ก่อนจะเดินเข้าไปถามที
“คุณทีหิวรึยังคะ”
“ยัง”
ทีตอบทั้งที่ไม่ได้เงยหน้ามองคนถามด้วยซ้ำ หญิงสาวเลยเดินเข้าไปใกล้เขาอีกหน่อย
“แต่นี่จะเที่ยงแล้วนะคะ คุณทีไม่หิวได้ยังไง”
“หยิบสมุดเล่มนั้นให้ฉันหน่อย”
กุญแจซอลกวาดตามองหาสมุดที่เขาต้องการก่อนจะหยิบยื่นไปให้เขา
“ถ้าอย่างนั้นคุณทีจะทานอะไรคะ”
ดวงตาคมตวัดมองคนช่างถาม เหมือนพยายามบอกเธอทางอ้อมว่าให้หยุดพูดสักที
“แค่ถามเพราะเป็นห่วง ไม่เห็นต้องทำตาดุแบบนั้นเลย”
ใบหน้าน่ารักมึนตึงก่อนจะสะบัดเดินแยกไปเข้าครัว
“ฉันกินอะไรก็ได้”
ทีเอ่ยขึ้น เขาไม่ได้ตั้งใจจะมองดุเธอขนาดนั้นแต่มันเป็นความเคยชินในการใช้สายตาของเขา
“เชอะ”
แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่เข้าใจเหตุผลในข้อนี้สักเท่าไหร่ ดูได้จากการสะบัดหน้างอนใส่เขาถ้าไม่ติดว่างานด่วนเขาอยากจะเดินไปดีดปากยื่นนั้นเสียจริง
กลิ่นหอมโชยมาจากในครัวกระตุ้นต่อมอยากอาหารของชายหนุ่มไม่น้อย ทีแอบลอบมองคนตัวเล็กสวมใส่ผ้ากันเปื้อนสีชมพูลายลูกหมูกำลังทำอาหารด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแต่ทุกครั้งที่เธอหันมาสบเข้ากับดวงตาคมเธอกลับแยกเขี้ยวให้เขาทุกครั้งไป
“ใครหิวก็เดินมากินเองนะ”
เสียงหวานพูดขึ้นลอยๆดังมาจากโต๊ะกินข้าว ทียกยิ้มมุมปากปิดไอแพดแล้วลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน อย่างน้อยเธอก็ยังมีกะใจทำเผื่อเขาแม้จะมีท่าทางบึ้งตึงอยู่ก็ตาม
ข้าวผัดกุ้งตัวโตถูกจัดไว้บนโต๊ะอาหารสำหรับสองที่ ด้านข้างมีมะนาวผ่าครึ่งพร้อมพริกน้ำปลาจัดเตรียมไว้ให้ กลิ่นและหน้าตาอาหารถือว่าดูดีทีเดียว
กุญแจซอลประคองถ้วยใส่แกงจืดเต้าหู้หมูสับมาวางลงตรงกลางโต๊ะก่อนที่เธอจะนั่งลงประจำที่ตัวเอง
“ทานล่ะนะคะ”
หญิงสาวกล่าวเสียงใส ยิ้มกว้างเผลอลืมไปชั่วขณะว่าเธองอนคนตรงหน้าอยู่ ทียกยิ้มมุมปากมองแก้มตุ้ยเคี้ยวข้าวก่อนจะตักข้าวในจานตัวเองกินบ้าง
ทันทีที่ข้าวคำแรกเข้าปาก ทีถึงกับชะงักไปชั่วขณะ ไม่ใช่เพราะรสชาติแย่แต่รสชาติมันดีมากต่างหาก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเด็กซนอย่างหนูซอลจะทำอาหารอร่อยขนาดนี้
ไหนจะแกงจืดเต้าหูหมูสับหอมกรุ่นตรงหน้าอีก น้ำซุปรสชาติไม่เหมือนผงปรุงสำเร็จรูปอย่างที่เขาคิดแต่มันเหมือนน้ำซุปกระดูกหมูแท้ๆ หมูสับก็รสชาติเข้มข้นบ่งบอกได้ว่าถูกหมักมาอย่างดี ผักกาดและเต้าหู้ก็ถูกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ โดยรวมแล้วอาหารมื้อนี้ถูกปากเขาไม่น้อยเลย
อ๊อด อ๊อด
ทั้งคู่นั่งกินข้าวกันเงียบๆ จนกระทั่งเสียงอ๊อดหน้าประตูดังขึ้น เจ้าของห้องอย่างกุญแจซอลจึงลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู
“อ้าว พายุมีอะไร”
“กูลืมกระเป๋าตังไว้อะ ไปหาให้หน่อยดิ”
“หาเองดิ กูกำลังกินข้าว”
เพียงได้ยินคำว่าข้าว สีหน้าพายุก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที ตอนแรกเขากะจะออกไปซื้ออะไรกินแต่เมื่อห้องเพื่อนรักมีของกินแบบนี้ จะลำบากถ่อไปที่อื่นใย
“หน้าตาตะกละมาก เข้ามาตักไปสิ กูทำเผื่อมึงกับสายฟ้าไว้แล้ว”
“น่ารักจังเลยหนูซอลของกู”
พายุกอดคอกุญแจซอลเข้ามาในห้องก่อนจะชะงักเมื่อเจอเข้ากับรังสีบางอย่างจากทีซึ่งนั่งอยู่ตรงโต๊ะกินข้าว เพียงแค่สายตาเย็นยะเยือกที่มองตรงมายังเขา พายุก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบแล้ว
“ใครวะ” พายุกระซิบถาม
“คุณที”
“คนที่เล่าเมื่อวานหนะหรอ”
กุญแจซอลพยักหน้า พายุเลยหันไปไหว้ทีแต่เจ้าตัวเพียงแค่พยักหน้านิ่งๆ สายตาเลื่อนไปจับจ้องมือของพายุ เขาเลยต้องรีบดึงมือตัวเองออกจากไหล่เล็กแล้วส่งยิ้มแหย่ๆไปให้ที
เมื่อเห็นว่าอากาศภายในห้องเพื่อนไม่ค่อยดีนัก พายุจึงรีบตักข้าวใส่กล่องแล้วพาตัวเองออกไปโดยเร็วที่สุด กุญแจซอลได้แต่มองตามเพื่อนงงๆแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรหันไปหยิบกะทะมาใส่ซิ้งค์ล้างจานแทน
“ใคร!?”
“หมายถึงพายุหนะหรอคะ เพื่อนหนูซอลเองค่ะ”
กุญแจซอลตอบโดยไม่ได้หันมามองหน้าคนถาม เธอเลยไม่มีโอกาสได้รับรู้ถึงสีหน้าหงุดหงิดของเขาเลย
“เพื่อนเธอเข้าออกง่ายดีนะ”
ทีแสดงน้ำเสียงและถ้อยคำประชดประชันออกมาอย่างชัดเจนแต่คนโดนประชดกลับยังไม่รู้สึก เธอยังคงตอบกลับมาเสียงสดใสดังเดิม
“ใช่ค่ะ เพื่อนกลุ่มซอลอยู่คอนโดนี้หมดเลยแต่ช่วงนี้ปิดเทอม เลยเหลือแค่สายฟ้ากับพายุ”
“หมายความว่าเมื่อคืนเธอปาร์ตี้กับผู้ชาย?”
คิ้วหนาเริ่มกระตุก ปาร์ตี้ก็เรื่องนึงแล้ว นี่เธอยังกล้าปาร์ตี้กับเพื่อนผู้ชายในตัวเองอีกหรอ มันน่าจับตีก้นนัก
“ค่ะ หนูซอลเรียนวิศวะนะคะ ส่วนใหญ่เพื่อนก็เป็นผู้ชายแต่พวกมันไว้ใจได้นะคะ คบกันมาตั้งแต่ปี1แล้ว”
กุญแจซอลกลับหลังหันขนเข้ากันแผงอกแกร่งของคนที่เดินมาซ้อนหลังเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ดวงตากลมโตสบเข้ากับดวงตาคมของอีกคน รังสีความเยือกเย็นจากดวงตาคู่นั้นทำเอาคนมองรู้สึกเหมือนกำลังโดนแช่แข็ง
“เอ่อ คุณทีอย่าบอกพ่อนะคะ”
“หึ ย้ายไปอยู่กับฉัน”
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ยอมรับว่าค่อนข้างตกใจในสิ่งที่ได้ยิน
“ย้ายไปอยู่กับฉัน ถ้าไม่อยากให้พ่อเลี้ยงรู้เรื่องพวกนี้”
ทีเอ่ยย้ำด้วยสีหน้าจริงจัง แขนแกร่งเท้าเคาน์เตอร์ล้างจานกักขังร่างเล็กไว้ไม่ให้ขยับหนี
“คะ...คุณทีมีเหตุผลรึเปล่าคะ”
กุญแจซอลถามกลับด้วยเสียงติดขัด เธอรู้สึกเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง ยิ่งลมหายใจอุ่นของอีกคนคลอเคลียอยู่ตรงแก้มยิ่งทำให้เธอประหม่าเข้าไปอีก
“เผื่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพของเธอ”
“อยู่นี่ หนูซอลก็ทำงานให้คุณได้”
“เช่นปาร์ตี้จนลืมนัดฉันนะหรอ”
“มันจะไม่มีอีกค่ะ”
“ถ้าพ่อเลี้ยงรู้เรื่องนี้จะเป็นยังไงนะ”
ริมฝีปากอวบอิ่มเมมเข้าหากันแน่น เธอรู้สึกเหมือนถูกมัดมือชกยังไงอย่างนั้นแต่เอาก็เอาวะ ยอมทำเพื่อแลกกับอิสระภาพในภายภาคหน้าของเธอเอง
“ก็ได้ แต่คุณทีห้ามเอาเรื่องปาร์ตี้และเรื่องซอลลืมนัดไปบอกคุณพ่อนะ”
“ครับหนูซอล”
—————————