ตอนที่ 10

1443 คำ
ตอนที่ 10 ชายหนุ่มขบกัดปากอิ่มสลับสอดเรียวลิ้นเข้าไปกวาดเคล้าชิมรสหวานภายในโพรงปากนุ่ม ยิ่งมณีมณฑ์พยายามต่อต้านด้วยการผลักไล่สิ่งแปลกปลอมออกไป กลับยิ่งเป็นการยั่วยุให้เขาอยากจัดการเธอให้เร็วขึ้น มือใหญ่บีบเคล้นปทุมถันสล้างอวบสลับไปมาทั้งสองฝั่งอย่างไม่ยอมให้ฝั่งใดฝั่งหนึ่งเกินความรู้สึกน้อยใจว่าถูกเมินหนี อีกทั้งขาแกร่งก็ไม่หยุดนิ่งเริ่มขยับเคลื่อนทีละน้อย อื้อ...อื้อ... มณีมณฑ์พยายามต่อต้าน ดวงตากลมโตเบิกกว้าง คลื่นความร้อนแผ่กระจายจากท้องน้อยเหมือนกับท้องทะเลยามเจอพายุใหญ่ จูบจากชายแปลกหน้าเป็นเสมือนกรงกักขังเธอจนออกไปไหนไม่ได้ ยิ่งหนี ก็เหมือนจะยิ่งถูกไล่ตาม ถูกบังคับให้ต้องรับสัมผัสที่สูบเอาลมหายใจออกจากกายและร่างกายก็เริ่มจะอ่อนเปลี้ยเพลียแรง จากที่พยายามจะหนีก็จำต้องเอนกายหญิงร่างหนาอย่างไม่รู้ตัว เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจูบตอบและบดเบียดกระแซะกายนุ่มนิ่มเขาหา ปากหนาก็หยักยกขึ้นเล็กน้อย ใจง่ายกว่าที่คิดไว้เสียอีก โดยลูกล่อลูกชนของเขาเข้าหน่อยก็พร้อมจะนอนแบให้ ถึงเขาจะไม่ชอบผู้หญิงใจง่ายแต่กับผู้หญิงตรงหน้าจำต้องยกเว้น ถ้าไม่ลงมือเองมันก็ไม่สะใจ “ฉันว่าเราไปกันดีกว่ายายฆาตกร” เขาละมือจากทรวงอวบอิ่มยื่นไปด้านหลังและคนของเขาก็รู้ความ ส่งผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กเปื้อนคราบสกปรกกระด่างกระดำและมีกลิ่นเหม็นชวนอาเจียนมาให้เพื่อเขาจะได้ใช้อุดปากมณีมณฑ์ จากนั้นก็มีเชือกเพื่อให้ใช้มัดมือเล็กเสียแน่นจนได้เห็นรอยสีแดงบนผิวนวลเนียน แต่ไม่ได้ทำให้คนมัดรู้สึกเห็นใจและสงสารเลยสักนิด ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากจะมัดให้มือขาดไปเลย จะได้ไม่ต้องคอยจับพวงมาลัยรถไปชนคนอื่นเขาอีก มณีมณฑ์เรียกสติที่กระเจิดกระเจิงไปกลับมา พยายามต่อสู้เพื่อจะให้ตัวเองหนีรอดจากเงื้อมมือคนตรงหน้าอย่างสุดความสามารถ แต่ร่างกายที่อ่อนล้า ความกลัวที่มี ทำให้ลมหายใจก็เริ่มติดขัด เหนื่อยอ่อนจนแทบจะทรุดกองลงบนพื้นห้อง แต่ถึงจะอย่างนั้นเธอก็ไม่ยอมให้ความอ่อนแอมาขัดขวาง เท้าที่ยังไม่ถูกมัดกระทืบไปบนเท้าใหญ่ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ทัน ดึงหนีพร้อมกับหัวเราะกลั้วคอเหมือนกับว่าเรื่องที่เธอทำนั้นเป็นเรื่องตลก “อย่าต่อสู้ให้เหนื่อยเลยน่ายายฆาตกร ยังไงเธอก็หนี้เงื้อมมือฉันไม่พ้นหรอกน่า ผู้หญิงร้อนเร็วอย่างเธอ มาทำให้เตียงนอนของฉันเร่าร้อนด้วยความสุขดีกว่า” ชายหนุ่มพูดเสียงกลั้วหัวเราะแต่หากน้ำเสียงกลับเย็นเฉียบและไร้ความรู้สึก เขาคงจะสนุกกับการเอาคืนที่ผู้หญิงคนนี้คนทำให้นิศามณีต้องเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจไม่น้อยทีเดียว “แล้วก็ไม่ต้องห่วงนะ บ้านฉันนะผู้ชายเยอะ เธอไม่เหงาเป็นแน่ ลูกน้องฉันนะกระเหี้ยนกระหือรืออยากมอบความสุขให้เธอแทบแย่แล้วละ” เอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ก่อนที่เขาย่อตัวลงช้อนร่างบางและเบาหวิวลอยจากพื้น “อื้อๆ ” ดวงตามณีมณฑ์เบิกกว้าง ตอนนี้สมองเธอว่างเปล่าเพราะความกลัวที่มันปกคลุมกาย ก่อนจะคิดได้ว่า ต้องหาทางออกจากเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด ถึงมือจะถูกมัด แต่เมื่อมันอยู่ด้านหน้าเธอก็ยังใช้ประโยชน์จากมันได้ ก็เลยกระหน่ำทุบไปบนแผ่นหลังกว้าง ใช้เข่าที่สามารถงอได้ก็กระทุ้งไปบนลำตัวกว้างอย่างแรงเท่าที่จะได้ “ยังมีฤทธิ์อีกเหรอ เรามาลองดูกัน ใครจะเหนือกว่า” ไม่ได้เจ็บปวดกับการกระทำของมณีมณฑ์หรอกนะ แต่มันรำคาญ เขาเลยฟาดลงไปบนสะโพกกลมมนแรงๆ ไม่มียั้ง “เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!” ถ้าเธอไม่หยุดที่จะทำร้ายชายหนุ่มอีก เธอคงจะโดนเขาตีจนนั่งไม่ได้ ทำไมถึงตอนที่มีเรื่องร้ายแบบนี้ถึงไม่มีใครอยู่เคียงข้างเธอเลยสักคน พ่อ...ป่านนี้คงจะยังดูแลงานอยู่ต่างจังหวัด ส่วนแม่ ก็คงจะเฝ้าดูผลนิศามณีที่โรงพยาบาลอยู่ในใจ สิ่งที่เธอก่อขึ้นทำให้แม่ไม่สบายใจมากพอแล้ว ถ้าเธอหายตัวไปอีกแม่จะรับได้ไหม แต่จะให้เธอทำยังไงถึงจะเอาตัวรอดจากผู้ชายคนนี้ได้ มองไปทางไหนก็มีแต่ความมืดมิด หาแสงสว่างไม่เจอ อพอลโล่พามณีมณฑ์ไปโยนบนรถลีมูนซีนที่จอดอยู่หน้าบ้านหญิงสาว เขาก้าวตามติดไปก่อนที่จะยื่นมือไปรับกระดาษและปากกาที่ลูกน้องส่งมาให้อย่างรู้งาน “เขียนจดหมายถึงพ่อแม่เธอด้วย เธอทนอยู่ที่บ้าน ทนเห็นสายตาทุกคนที่มองมาอย่างประณามหยามเหยียดด่าว่าเธอเป็นผู้หญิงหน้าด้าน คิดจะฆ่าคนเพื่อแย่งคนรักของคนอื่นไม่ได้ ขอเวลาทำใจด้วยการไปอยู่กับเพื่อนสักระยะ ทำใจได้เมื่อไหร่จะรีบกลับมา” หญิงสาวส่ายหน้า พลางรีบดึงมือหนีเพื่อจะเอาผ้าที่อุดปากออก อย่างน้อยจะได้ร้องขอความช่วยเหลือได้ เท้าที่ไม่ถูกมัดอยู่ก็พยายามถีบและดันร่างหนาใหญ่ให้ถอยห่าง ถึงช่องทางให้เอาตัวรอดจะเพียงแค่เล็กน้อยแต่ก็ดีว่าไม่คิดจะทำอะไรเลย จะปล่อยให้ไอ้พวกคนบ้านี่จับเอาตัวไปง่ายๆ ได้ยังไง อพอลโล่กระชากร่างบางกลับมาหาตัว ในดวงตาเข้มเป็นประกายแข็งและดุกร้าว อีกทั้งน้ำเสียงที่ออกจากปากเยียบเย็นเหมือนกับน้ำแข็ง “จะทำตามที่ฉันสั่ง หรืออยากถูกลูกน้องจับเธอถ่างขา ให้พวกมันมอบความเป็นผัวให้เธอที่นี่ ต่อหน้าพ่อและแม่ของเธอ หรือจะไปที่อื่น เลือกเอา!” ทุกอย่างหยุดนิ่ง เธอได้แต่มองคนที่พูด...ใบหน้าเขาเหมือนกับถูกหน้ากากเคลือบ ในดวงตาไร้ความเห็นอกเห็นใจ มีแต่ขู่เข็ญ “ว่าไง” ชายหนุ่มถามเสียงลอดไรฟันอีกครั้ง ก่อนจะผุดรอยยิ้มตรงมุมปากด้านหนึ่งเมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้ายอมแพ้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรู้สึกไม่ไว้วางใจผู้หญิงตรงหน้าแม้แต่น้อย การที่คนเราจะเป็นฆาตกรได้ จะต้องโหดเหี้ยม แค่ถูกเขาขู่เล็กน้อยแบบนี้ คงจะไม่ระคายหัวใจแข็งกระด้างได้หรอก “ทำอย่างที่ฉันสั่งง่ายๆ หรืออยากจะลองดี ก็เลือกเอานะ” เธอมีทางเลือกด้วยเหรอ แค่นี้ก็ทำร้ายแม่มากแล้ว ถ้าหากจะเกิดอะไรต่อหน้าต่อตาอีก...แม่คงได้เป็นลมไม่ยอมตื่นขึ้นมา อีกทั้งตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมากลัว จะร้องไห้ ยิ่งเธอร้องไห้คร่ำครวญ ยิ่งแสดงความอ่อนแอ ขลาดกลัวไป จะยิ่งทำให้คนตรงหน้าสาแก่ใจและหันปลายมีดมาทิ่มแทงห้ำหั่นเธอหนักขึ้น “ฉันจะทำอย่างที่คุณบอก แต่ช่วยคลายเชือกที่รัดมือให้ก่อนได้ไหม มันเจ็บ เขียนไม่ถนัด” เพราะเธอเอาผ้าเช็ดหน้าเหม็นๆ ออกจากปากได้แล้ว จึงเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะไม่ให้แข็งกระด้างจนเกินไป ถ้าอีกฝ่ายยอมปล่อย การจะหนีก็ทำได้ง่ายขึ้น เธอยื่นมือไปให้ชายหนุ่มช่วยแกะเชือกจะได้เขียนถนัดๆ ใบหน้างามเบ้เล็กน้อย เมื่อถูกอีกฝ่ายส่ายศีรษะปฏิเสธ ‘พูดยากจัง ทำไงดีละเรา’ “เสียใจด้วย ผู้หญิงใจร้ายคิดฆ่าคนได้อย่างเธอ ไว้ใจไม่ได้” เขาบอกเหยียดยิ้มที่มุมปากด้านหนึ่งก่อนที่มันจะจางหายไปเหลือไว้เพียงแค่ความดุร้ายและแข็งกร้าว เขาตบใบหน้านวลไม่เบามากแต่ก็ไม่แรงมาก หากคนที่ถูกตบก็ร้าวไปทั้งหน้าได้เหมือนกัน มณีมณฑ์ได้แต่มองมือที่ยื่นกระดาษและปากกามาให้อย่างกระแทกกระทั้น เธอเชิดขึ้นสูงอย่างไม่สนใจ เรื่องอะไรจะทำตามคำสั่งบ้าๆ ของคนเอาแต่ใจนี่ง่ายๆ กันละ แต่ก็ไม่วายปรายสายตาไปมองด้วยความอยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะทำยังไงกับเธอต่อไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม