ตอนที่ 3
“ใจเย็นๆ นะคะคุณผึ้งใจเย็นๆ ” แน่งน้อยปลอบประโลมนายสาวสุดรักด้วยความเป็นห่วง “เดี๋ยวน้อยไปสืบเรื่องผู้หญิงผมทองคนนั้นให้นะคะ” มือเล็กดำหยาบกระด้างยื่นไปลูบแขนนายสาวเบาๆ
“จะให้ฉันใจเย็นได้ยังไงน้อย ดูยายบ้านั่นทำสิ” มณีมณฑ์กัดฟันพูดกับสาวใช้คู่ใจ ในอกเหมือนมีฟองอากาศที่อยู่ในขวดน้ำส้มซึ่งถูกเขย่าแรงๆ จนระเบิดแตกกระจายออก เมื่อเห็นสองหนุ่มสาวที่ยืนเคียงข้างกันอยู่เปลี่ยนสถานะจากการยืนแนบชิดเป็นสวมกอดกัน แล้วผู้หญิงก็เขย่งเท้าขึ้นเล็กน้อย ส่วนศรวัณก็โน้มใบหน้าลงมาแล้วประกบจุมพิต
เขา...จูบกัน!
เขากำลังจูบกัน!
เจ็บแปลบ! ใจเธอเหมือนจะขาด ด้วยคมมีดที่กรีดลงไปบนหัวใจที่กำลังจะหยุดเต้น ในอกเต็มไปด้วยเปลวไฟที่แผดเผาหัวใจให้แหลกสลายกลายเป็นเถ้าธุลี ทำไมถึงได้เจ็บแบบนี้ น้ำตาเอ่อล้นคลอเบ้าและไหลออกมาอย่างไม่ทันรู้ตัว
“คุณผึ้ง คุณไม่เป็นอะไรนะคะ” น้อยถามนายสาวที่ตอนนี้เซไปยืนอิงประตูรั้วที่สร้างด้วยอิฐสีสวยและเหล็กแหลมซึ่งถูกแดดช่วงกลางวันเผาจนร้อนระอุ ผิวกายสีขาวอมชมพูกลายเป็นสีแดงเหมือนถูกเผาไปในทันควัน แต่สิ่งเหล่านั้นก็ยังเจ็บสู้ที่หัวใจไม่ได้
“ไม่...ไม่เป็นอะไรน้อย ฉันไม่เป็นไร” มณีมณฑ์รีบตอบกลับ พลางยกมือขึ้นโบกเบาๆ ก่อนจะซับเหงื่อบนใบหน้าที่แดงปลั่ง ลมหายใจก็หอบแรง ขาเรียวยาวสั่นจนแทบจะยืนทรงตัวไม่อยู่ แต่สาวน้อยร่างบางเหมือนจะปลิดปลิวไปตามกระแสลมแรงก็ไม่ยอมแพ้ เลือกที่จะก้าวไปยืนกางมือดักหน้ารถปอร์เช่สีบรอนด์เงินซึ่งวิ่งฉิวออกมาอย่างเร็วรี่จนเกือบที่จะเบรกไม่ทัน
“เป็นบ้าอะไร ไม่เคยตายหรือไง ถึงได้มายืนขวางรถแบบนี้” เมื่อลงจากรถได้ศรวัณสบถเสียงเขียวใส่หน้าสาวน้อยร่างบอบบางเหมือนกับเด็กนักเรียนมัธยม เพราะเขาจำไม่ได้ว่าหญิงสาวคนนี้เป็นใคร กล้าดียังไงถึงเกือบจะทำให้เขาเป็นฆาตกรตั้งแต่เพิ่งเหยียบย่างกลับเข้าบ้านมา
“ใจเย็นๆ ค่ะสอง น้องคงไม่ตั้งใจ”
นิศามณีที่ก้าวลงมายืนเคียงข้างคนรักบอกเสียงนุ่มนวลและอ่อนโยน เธอลูบแขนแข็งแกร่งอย่างต้องการให้ระงับโทสะเอาไว้ ก่อนจะส่งรอยยิ้มหวานไปให้กับสาวน้อยร่างเล็กบางที่ยืนหน้าตาแดงก่ำเต็มไปด้วยความโกรธเกลียด เคียดแค้น
นิศามณีขบเม้มปากเข้าหากันด้วยความแปลกใจ ด้วยจำได้ว่าไม่เคยเจอกับสาวน้อยคนนี้มาก่อน เพราะตั้งแต่เล็กจวบจนอายุยี่สิบกว่าปีมานี้ใช้ชีวิตอยู่ต่างแดนเป็นส่วนใหญ่ น้อยครั้งที่จะได้กลับมาเยี่ยมเยียนญาติพี่น้องยังประเทศไทย จึงสงสัยว่าทำไมสาวน้อยตรงหน้าถึงแสดงออกว่าเกลียดชัง อิจฉาริษยาและโกรธแค้นเธอนัก
เป็นเพราะอะไรกัน?
นัยน์ตาที่มองเธอเปรียบเสมือนคมมีดที่จะคอยทิ่มแทงไปทั่วทั้งร่างกายให้เละไปทั้งตัว แต่เมื่อมองไปยังศรวัณกลับเต็มไปด้วยประกายแห่งความรักใคร่ เว้าวอนและตัดพ้อต่อว่า ใจสาวสะดุดเล็กน้อยกับความหมายจากดวงตากลมโตเหมือนกับตากวางที่สื่อให้เห็น
เพราะเหตุนี้เองใช่ไหม เด็กคนนี้ถึงได้มองเหมือนกับว่าเธอเป็นศัตรู...เพราะศรวัณนี่เอง
ความหวงแหนเลยพุ่งจู่โจมใจนิศามณีอย่างรวดเร็ว เพราะแม้สาวน้อยตรงหน้าจะเพียงแค่น่ารัก ไม่ได้สวยจนเตะตาศรวัณ แต่เพราะรู้นิสัยของชายหนุ่มดี ถึงจะตกลงปลงใจจะหมั้นหมายกันแล้ว แต่ศรวัณก็ยังเป็นคนเจ้าเสน่ห์ที่พร้อมจะโปรยเสน่ห์ให้กับใครก็ได้ที่ต้องการหรือคนที่สนใจสานสัมพันธ์ด้วย บางครั้งเธอก็ท้อแท้จนเกือบจะปล่อยมือจากชายหนุ่มไป แต่พอคิดถึงวันที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน มันเหมือนรอบกายว่างเปล่า หัวใจมันปวดร้าวจนสุดจะทนได้
“จะให้ผมใจเย็นได้ยังไงกันละมุก เด็กบ้าอะไรก็ไม่รู้ อยู่ดีไม่ว่าดีวิ่งทะเล่อทะล่าออกมาขวางทางรถ แล้วดูสิ ขนาดว่าแล้วยังจะมาทำหน้าเป็นใส่ผมเสียอีก เด็กบ้าอะไรนี่ไม่เคยพบเคยเจอจริงๆ ”
ศรวัณหันไปพูดกับแฟนสาวอย่างหงุดหงิด เขายกมือขึ้นปาดเหงื่อบนใบหน้า อากาศเมืองไทยร้อนจริง ร้อนจนเขาแทบไม่อยากจะออกจากบ้านเลย แต่เพราะจำเป็นจะต้องไปส่งคนรักที่ต้องไปอาศัยบ้านญาติ ทั้งที่เขาไม่ชอบใจเลย
เพราะเขาทั้งหวงและห่วงไม่อยากให้คนรักไปนอนอ้างค้างแรมที่อื่น เขาไม่ไว้วางใจคนที่หญิงสาวต้องไปอยู่ร่วมด้วยไม่สบายใจเมื่อคนรักคลาดสายตา นิศามณีเป็นสาวสวยร่างอวบที่ยั่วความปรารถนาชายหนุ่มทุกคนเพียงแค่เดินผ่าน
ตัวเขาก็ตกหลุมชอบหญิงสาวตั้งแต่แรกได้เห็นร่างกายที่แม้จะยังมีเสื้อผ้าอยู่ครบ แต่กลับปลุกความต้องการในกายให้พุ่งขึ้นสูง ต้องการจนปวดร้าวไปหมด จนต้องตามจีบเป็นหลายเดือนกว่าที่หญิงสาวจะตกลงปรงใจยอมคบหาเป็นแฟนดูใจกันอีกเป็นปีหญิงสาวถึงยอมตกลงหมั้นด้วย
“พี่สอง!” มณีมณฑ์ร้องเรียกคนที่เธอมอบใจให้ตั้งแต่เริ่มแตกเนื้อสาวอย่างเสียใจจนเหมือนกับหัวใจจะแหลกสลายไปในพริบตา ร่างเล็กเซไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง น้ำตาที่พยายามสะกดกลั้นเอาไว้เมื่อแรกได้เห็นคนที่รักกอดคนอื่นไหลอาบสองแก้ม
“คุณผึ้งเป็นยังไงบ้างคะ กลับบ้านก่อนดีไหม” แน่งน้อยถามนายสาวด้วยกังวล เพราะกลัวว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะทำให้มณีมณฑ์ต้องย้ายตัวเองเข้าไปนอนโรงพยาบาลอีก
“ไม่เป็นไรพี่น้อย ผึ้งไม่เป็นไร” มณีมณฑ์บอกแน่งน้อยเสียงเบาจนแทบจะไม่มีน้ำเสียงหลุดรอดออกจากปาก เธอยื่นมือไปจับแขนแน่งน้อยไว้ พยายามพาตัวเองให้ยืนทรงตัวอย่างสง่างามเหมือนกับผู้หญิงที่ยืนเคียงข้างศรวัณอย่างอิจฉาริษยา
ตอนที่เห็นไกลๆ หน้าตายังไม่ชัดเจน เธอก็อิจฉาเป็นล้นพ้นที่หญิงสาวได้ยืนเคียงข้างคนในดวงใจของเธอ เมื่อได้เห็นอย่างใกล้ชิดและชัดเจน ความอิจฉาก็ทำให้หัวใจมณีมณฑ์รวดร้าวไปหมด
ใบหน้านวลเนียนรูปไข่ ดวงตากลมโตล้อมกรอบด้วยขนตายาวงอน จมูกโด่งได้รูปและริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อรับกับผิวขาวอมชมพู รูปกายสูงโปร่งแต่กลับมีอก เอวและสะโพกที่เหมาะเจาะรับกันทุกสัดส่วน ขนาดเธอเป็นผู้หญิง ยังอดมองอย่างตกตะลึงและชื่นชมไม่ได้ แล้วผู้ชายมีหรือที่จะปล่อยมือไปง่ายๆ
“พี่สองจำผึ้งไม่ได้หรือคะ” มณีมณฑ์ถามเสียงเบา ขณะมองหน้าชายหนุ่มด้วยความผิดหวัง อุตส่าห์แต่งกายด้วยชุดใหม่ที่คิดว่าจะน่ารัก จะได้เรียกความสนใจจากชายหนุ่มตั้งแต่แรกเห็น แต่กลับไม่ใช่เลย เพราะเขาไม่แม้แต่จะปรายสายตามามองด้วยซ้ำไป เจ็บใจจนแทบกระอัก
“ใครหรือคะสอง” นิศามณีเพ่งพิศมองสาวร่างเล็กอย่างไม่ชอบใจเป็นเท่าทวีคูณ รูปลักษณ์ภายนอกที่เห็น ใบหน้านวลเนียนเกลี้ยงเกลา ปากนิดจมูกหน่อยที่รับกันอย่างเหมาะเจาะ รูปร่างเล็กบอบบางน่าทะนุถนอมน่าให้ความปกป้องคุ้มครองดูแล ผิดกับเธอที่ถึงแม้จะมีรูปร่างสะโอดสะองค์ แต่ก็แข็งแกร่งและเข้มแข็ง สามารถก้าวไปข้างหน้าได้โดยไม่ต้องพึ่งพาผู้ชาย
“ไม่รู้สิ ไม่แน่ใจ จำไม่ได้เหมือนกัน” ศรวัณตอบอย่างไม่คิดจะสนใจหาคำตอบ สำหรับเขาในตอนนี้มีเพียงนิสามณีคนเดียวเท่านั้น
คำตอบของศรวัณยิ่งเป็นเหมือนกับน้ำกรดที่ค่อยๆ ซึมเข้าไปกัดกร่อนหัวใจที่กำลังเต้นอยู่อย่างอ่อนล้าจนแทบจะสิ้นลมอยู่ตรงนั้น ใบหน้านวลซีดเผือด เหงื่อผุดไหลจนเต็มที่เย็นจัดเหมือนกับมีน้ำแข็งโอบคลุมอยู่
“เรารีบไปกันเถอะมุก ร้อนจะตายชัก เดี๋ยวผิวคุณจะเสีย ดำคล้ำไม่สวย” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงหวานกับคนรัก “ไม่นุ่มมือยามที่เรากำลัง...”