มันเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ ที่เมื่อเย็นเธอแอบได้ยินพี่ชายต่างมารดาของเธอกำลังนัดแนะเฮ็นริคไปเที่ยวผับประจำของเขา เธอจึงได้โอกาสคิดแผนการดีๆ ที่จะจับผู้ชายในสเปคของเธอให้อยู่หมัดอีกครั้ง คราวที่แล้วเธอพลาดเองที่ใจร้อนวู่วามเอาใจตนเอง แต่คราวนี้เธอรู้แล้วว่าควรจะจัดการกับผู้ชายคนนี้อย่างไร
“เกว คุณมาที่นี่ได้ยังไง” ถามเหมือนไม่ใส่ใจนักเพราะกำลังรอคอยใครบางคนอยู่ ไม่รู้ว่าทำไมมนต์นรีถึงได้ไปนานจัง
“แหม เกวมาเที่ยวที่นี่ออกจะบ่อยค่ะ คืนนี้เกวก็มากับเพื่อน ว่าแต่คุณริคมาเที่ยวกับใครคะ มาคนเดียวหรือเปล่า”
ปากก็ถามไปอย่างใสซื่อ ทว่าแววตายั่วยวนเจ้าเล่ห์กลับทอประกายระยับทอดสะพานให้เขาอย่างเต็มที่
‘ให้ตายสิ...เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหล่อนจะไม่รู้เรื่องที่เขามาเที่ยวที่นี่คืนนี้จริงๆ’
เฮ็นริคคิดอย่างเซ็งๆ สายตาก็ยังกวาดมองหาคู่เดทคนไทยคนแรกของเขาด้วยใจที่ร้อนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อไหร่สาวน้อยแสนสวยมนต์นรีนั่นจะมาสักทีก็ไม่รู้
“ผมมากับพี่ชายของคุณ” ชายหนุ่มตอบกลับไปแบบส่งๆ
“แต่ไม่เห็นพี่กฤษณ์นี่คะ สงสัยออกไปกับสาวๆ แล้วทิ้งคุณเอาไว้คนเดียวล่ะสิ”
นางแบบสาวหูตาแพรวพราว ทำเป็นมองซ้ายมองขวา พอไม่เห็นก้างขวางคอชิ้นโตก็ยิ้มกริ่มได้ใจ หันมาจิบเครื่องดื่มสีอำพันนิดหนึ่งก่อนจะช้อนสายตามองใบหน้าคมเข้มเร้าใจของร่างสูงตรงหน้าอย่างหลงใหล
คืนนี้เฮ็นริคดูโดดเด่นกว่าผู้ชายทุกคนในผับ สาวๆ หลายคนจ้องมองเขานัยน์ตาเป็นมันเธอสังเกตเห็นได้ แต่พวกผู้หญิงเหล่านั้นก็ได้แค่ชะม้ายชายตามองเขาเท่านั้นแหละ และแม่พวกนั้นก็คงไม่มีโอกาสได้แอ้มผู้ชายคนนี้แน่นอน เพราะเธอจะประกาศให้ทุกคนรู้ว่า เฮ็นริคคือผู้ชายของเธอคนเดียว
“เปล่า พี่ชายของคุณไม่ได้ทิ้งผม ผมก็แค่อยากนั่งดื่ม ฟังเพลงเพราะๆ คนเดียวบ้าง”
“แหม ดื่มคนเดียว ฟังเพลงคนเดียวจะสนุกที่ไหนคะ ให้เกวดื่มเป็นเพื่อนนะคะ”
ดวงตาคู่สวยมองร่างสูงตรงหน้าด้วยแววตามาดหมาย รอยยิ้มร้ายแต้มอยู่ที่มุมปากบางเพียงแวบเดียวก็หายไปก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มหวานเมื่อเงยหน้าขึ้นสบตากับนักธุรกิจหนุ่มเจ้าเสน่ห์ด้วยหัวใจที่เต้นระทึก ผู้ชายคนนี้ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ดูดีไปเสียหมด หากเธอได้เขามาครอบครอง รับรองว่าผู้หญิงทั้งโลกจะต้องอิจฉาเธอแน่
‘คืนนี้เธอจะเผด็จศึกเขาอีกครั้ง’
“คือผม...”
“นะคะ ให้เกวดื่มเป็นเพื่อน หรือว่าคุณรังเกียจเกวคะ”
นางแบบสาวจอมมารยาแกล้งส่งสายตาตัดพ้อไปให้ ทว่าเฮ็นริคไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรด้วยสักนิด ติดจะรำคาญเสียด้วยซ้ำ ทำไมมนต์นรีถึงไปหาเพื่อนรักของเธอนานจังก็ไม่รู้ ปล่อยให้เขารอตั้งนานหลายนาทีแล้วยังไม่โผล่มาอีก เฮ็นริคบ่นในใจตามประสาผู้ชายที่ไม่เคยรอใครนานๆ ทว่าใบหน้าหล่อเหลาบาดใจก็ยังเรียบสนิทไม่ได้แสดงความรู้สึกหงุดหงิดอะไรออกมาให้เห็น
“คือไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ คือว่าผม...” เขาจะบอกไปเลยดีไหมว่าเขารอมนต์นรีอยู่ แต่ถ้าเจ้าหล่อนไม่กลับมาล่ะ เขาจะไม่หน้าแตกหรอกหรือ
“ถ้าไม่รังเกียจ คืนนี้ก็ให้เกวนั่งดื่มเป็นเพื่อนคุณสักคืนนะคะ หรือว่าคุณริคอยากจะกลับที่พักแล้ว ให้เกวไปส่งคุณที่คอนโดก็ได้นะคะ เผื่อว่าเราจะได้รำลึกความหลังกัน”
เกวลินวางแก้วเครื่องดื่มลงแล้วยกลำแขนกลมกลึงขึ้นโอบรอบลำคอแข็งแรงโน้มลงมาใกล้ แต่ร่างสูงก็ฝืนเอาไว้ พยายามที่จะแกะมือเหมือนหนวดปลาหมึกของหญิงสาวออก เพราะกลัวว่ามนต์นรีจะมาเห็นแล้วเปลี่ยนใจไม่ออกไปกับเขา
“คุณก็รู้ว่าเรื่องของเรามันจบลงแล้วนะเกวลิน”
ชายหนุ่มเรียกชื่อเต็มของหญิงสาวเพื่อให้เธอรู้ว่าเขาไม่ได้พูดเล่น ทุกอย่างมันจบลงแล้วจริงๆ เพราะผู้หญิงอย่างเกวลินยังห่างไกลมากสำหรับผู้หญิงของเฮ็นริค อย่างมากเจ้าหล่อนก็เป็นได้แค่ผู้หญิงชั่วคราวของเขาเท่านั้น และมันก็จบลงแล้วโดยที่เขาไม่หลงเหลือความรู้สึกใดๆ กับนางแบบสาวอีกเลย สักนิดก็ไม่มี
“แต่เกวยังไม่อยากจบนี่ เกวยังคิดถึงคุณ” เกวลินเริ่มมีอารมณ์ขึ้นมาบ้าง แต่หญิงสาวก็พยายามอย่างที่สุดที่ไม่แสดงกิริยาเอาแต่ใจตนเองออกมาจนดูไม่งาม
“กรุณาเอามือออกไปจากตัวผม คุณหนูเกวลิน ผมไม่อยากเสียมารยาทกับลูกสาวของท่านประธานแห่งอัครพิบูล กรุ๊ป นะครับ” ชายหนุ่มพยายามบอกอย่างนุ่มนวลและสุภาพที่สุด
“แต่เกวไม่อยากให้คุณรักษามารยาทนี่คะ เราออกไปคุยต่อกันข้างนอกนะคะ ข้างในมันเสียงดัง เกวไม่ค่อยได้ยินเสียงคุณพูดเลยค่ะ”
ใบหน้าสวยคมพยายามยิ้มเอาใจ ส่งสายตาออดอ้อนไปให้ชายหนุ่ม แต่ดูเหมือนตอนนี้สายตาของเขาเหมือนกำลังมองหาอะไรบางอย่างที่น่าสนใจอยู่
‘เขามองหาใคร’
“เขาจะไปกับเธอได้ยังไงล่ะ ในเมื่อผู้ชายคนนี้เขามากับฉัน!”
เกวลินหันขวับไปมองทางต้นเสียงคุ้นๆ นั่นทันที
“มินนี่!”
“ใช่ ฉันเอง คุณริคขา บอกผู้หญิงคนนี้ไปสิคะว่าเรามาด้วยกัน และกำลังจะออกไปด้วยกัน”