ร่างเพรียวระหงของสาวสวยนางหนึ่งปรี่เข้ามาหาคู่ขาของหล่อนด้วยอาการดีอกดีใจอย่างเปิดเผย พร้อมกับมือไม้เหมือนหนวดปลาหมึกที่เกาะหมับเข้าที่ต้นแขนแกร่งกำยำของนักธุรกิจหนุ่มหล่อไฟแรงที่สาวๆ ครึ่งค่อนประเทศอยากเป็นเจ้าของหัวใจ ด้วยอาการจริตมารยาดวงตาแพรวพราว แต่ก็แอบโปรยยิ้มหวานไปให้ร่างสูงที่นั่งข้างๆ เขาด้วยเหมือนกัน
“กฤษณ์ ไอขอตัวเข้าห้องน้ำแป๊บนะ” ภาพของผู้หญิงที่ทำตัวเป็นเหมือนตุ๊กแกตรงหน้าทำให้เฮ็นริคนึกไปถึงเกวลิน เขาจึงไม่อยากอยู่นั่งมองให้เสียอารมณ์ไปมากกว่านี้
“โอเค ถ้าเดินหลงทางก็โทรหาฉันก็แล้วกันนะ” กฤษณะมองเพื่อนชาวต่างชาติที่เพิ่งมาเมืองไทยครั้งแรกและมาเที่ยวผับนี่เป็นครั้งแรกก็รู้สึกเป็นห่วงเล็กน้อย
“ไม่ต้องเป็นห่วงน่า ไอเอาตัวรอดได้ ถ้ายูจะไปต่อก็ตามสบายนะ” จบประโยคร่างสูงโดดเด่นที่สาวๆ หลายคนต่างมองด้วยนัยน์ตาเคลิ้มฝัน ก็เดินไปทางห้องน้ำอย่างไม่รีบร้อนนัก
ขณะที่เดินฝ่าฝูงผีเสื้อราตรีที่แออัดยัดเยียด เดินชนคนนั้นทีคนนี้ทีจนต้องกล่าวคำขอโทษไปตลอดทาง พลันสายตาคมกริบก็ไปสะดุดเข้ากับร่างอรชรเซ็กซี่ในชุดเดรสแนบเนื้อรัดรูปสีชมพูสด ชายหนุ่มเผลอมองเรียวหน้าสวยซึ้งและผิวพรรณขาวผ่องที่โผล่พ้นอาภรณ์ตัวสวยอย่างชื่นชมหลงใหล เธอกำลังนั่งจิบเครื่องดื่มสีแดงทับทิมเพียงลำพังคนเดียว เขาจำเธอได้
‘เธอคือผู้หญิงที่เดินชนกับเขาที่สนามบินเมื่อสองสามวันก่อน’
แต่ภาพคืนนี้ช่างดูคุ้นตานัก เหมือนเขาเคยเห็นเธอที่ไหนสักแห่งมาก่อน และคืนนี้ เธอก็ดูสวย เซ็กซี่มากเลยทีเดียว สวยจนเขาแทบลืมหายใจ
ขณะที่คิด สองเท้าก็ก้าวไปเรื่อยๆ จนถึงข้างหลังของร่างอรชร เขาอยู่ใกล้ชิดเธอจนเขาสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ บริเวณต้นคอระหง กลิ่นหอมจางๆ ของเจ้าของร่างเย้ายวนใจตรงหน้าช่างท้าทายความรู้สึกเขานัก เธอดูเหม่อลอยจึงยังไม่รู้สึกตัวว่าเขามายืนอยู่ข้างกายทางด้านหลังหลายวินาทีแล้ว
“มาคนเดียวหรือครับ”
เสียงทุ้มมีเสน่ห์ที่ทักทายแข่งกับเสียงเพลง ฉุดดึงหญิงสาวให้ออกจากภวังค์ที่ตึงเครียดของตนเองอย่างฉับพลัน ร่างบางจึงหันขวับพลางหมุนร่างมาทางต้นเสียงอย่างรวดเร็วจนเสียหลักแล้วปะทะเข้ากับร่างสูงจนเซถลา โชคดีที่วงแขนแข็งแรงสอดรัดรอบเอวคอดกิ่วของร่างนุ่มเอาไว้ได้ทัน เธอจึงยังไม่ล้มลงไป แต่สายตาสองคู่ก็สบประสานกันเข้าอย่างจัง
มนต์นรีรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าหลายร้อยหลายพันโวลต์แล่นไปทั่วร่าง มันแปลบปลาบลั่นเปรี๊ยะไปตามผิวกาย แล้วใบหน้าก็ร้อนซู่จนเธอคิดว่า หากเป็นตอนกลางวัน เขาคงสังเกตเห็นความประหม่าเขินอายบนใบหน้าของเธอแล้ว
“คุณ...”
มนต์นรีไม่กล้าเอ่ยชื่อของชายหนุ่มออกมา แม้ว่าเธอจะเคยรู้จักเขาแล้วก็ตาม เพราะกลัวว่าหากเอ่ยชื่อของเขาออกไปแล้วถ้าเขาจำเธอไม่ได้ จะหน้าแตกเสียเปล่าๆ สู้ทำเป็นไม่รู้จักกันจะดีกว่า ดวงตาคู่สวยกะพริบปริบๆ แล้วพอได้สติก็ค่อยๆ ผละร่างของตนเองออกห่างอย่างนุ่มนวล เฮ็นริคเองก็จำยอมต้องปล่อยร่างนุ่มหอมกรุ่นออกอย่างแสนเสียดาย
“บังเอิญจังเลยนะครับ เราเจอกันอีกครั้งแล้ว”
มนต์นรีตาโตทอประกายด้วยความตกใจ ก่อนจะถามว่า “คะ...คุณ จำฉันได้เหรอคะ”
เจ้าของใบหน้าหล่อเข้มทรงเสน่ห์ยิ้มมุมปาก ก่อนจะตอบว่า “ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะครับ ก็ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันเราเคยเจอกันที่สนามบินนี่ครับ หรือว่าคุณจำผมไม่ได้แล้ว”
“อ๋อ จำได้แล้วค่ะ” หญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก นึกว่าเขาจะจำเธอได้ตั้งแต่ตอนที่เจอกันที่เยอรมันเสียอีก
“ผมรู้สึกคุ้นๆ กับคุณนะครับคนสวย เราเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า คือผมรู้สึกว่า ผมคุ้นกับ เอ่อ...” จะบอกว่าเขาคุ้นกับกลิ่นกายของเธออย่างนั้นหรือ
‘บ้าไปแล้ว จะตอบออกไปแบบนั้นได้ยังไงวะ เจ้าหล่อนจะได้คิดว่าเขาเป็นสุนัขที่มักจำกลิ่นของเจ้าของได้น่ะสิ’
“ใบหน้าสวยๆ ของคุณน่ะครับ” ชายหนุ่มจึงเลี่ยงตอบไปอีกทาง
มนต์นรีกลั้นใจฟังที่เฮ็นริคพูดจนจบด้วยใจระทึก แล้วพอถูกดวงตาคมกล้ามองนานๆ ก็รู้สึกเก้อเขินจนต้องยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นมาจิบเพื่อกลบเกลื่อนรอยประหม่า ก่อนจะเมินมองไปทางอื่นเพื่อควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจตนเอง ผู้ชายคนนี้สามารถทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงผิดจังหวะได้ทุกครั้งจริงๆ และคืนนี้ก็ช่างบังเอิญนักที่ได้มาเจอชายหนุ่มที่นี่
“มาคนเดียวหรือครับ”
“เอ่อ...ค่ะ ฉันมาคนเดียว” ที่เธอกล้ามาเที่ยวที่ไนต์คลับแห่งนี้คนเดียวก็เพราะเพื่อนรักของเธอชวนแล้วชวนอีกนั่นแหละ แต่เพราะดารยามีลูกค้าที่ต้องต้อนรับจึงไม่ได้มาเทคแคร์เธอตลอดเวลา นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะเธอสามารถนั่งดื่มคนเดียวได้
“ผมก็มาคนเดียว” ชายหนุ่มโกหกเพื่อที่จะหาเรื่องนั่งดื่มกับสาวสวยที่โดนใจเขาตั้งแต่แรกที่สบตากัน
มนต์นรีคลี่ยิ้มให้เพียงเล็กน้อย ดวงตาเป็นประกายแพรวพราวหวานเยิ้มเมื่อสบกับดวงตามันวับของเขา เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปทำให้เลือดในกายสาวเริ่มร้อนฉ่า ความเขินอายในตัวก็เริ่มลดลงทีละน้อย
“ถ้าคุณไม่รังเกียจ ให้ผมนั่งดื่มเป็นเพื่อนนะครับ”
หญิงสาวทำท่าคิดนิดหนึ่งก่อนตอบรับ “ได้สิคะ”
“ผมเฮ็นริค รอยเออร์แล้วคุณ...”
“มนต์นรีค่ะ หรือจะเรียกฉันสั้นๆ ว่ามินนี่ก็ได้ค่ะ”
เฮ็นริคยิ้มหวานโปรยเสน่ห์ให้ “ถ้าอย่างนั้นก็เรียกผมว่าเฮ็นริคสั้นๆ ก็ได้ครับคุณมินนี่” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงนุ่ม ขณะที่มองริมฝีปากอิ่มเล็กสีชมพูสดไม่กะพริบตาพลางลอบกลืนน้ำลายด้วยความกระหาย บางอย่างในตัวผู้หญิงคนนี้กำลังเรียกร้องความเป็นชายของเขาให้ตื่นขึ้นมาอย่างง่ายดาย จนแทบจะทนรอไม่ไหว
“ค่ะคุณเฮ็นริค”
เสียงเพลงเบาๆ เคล้ากับบรรยากาศแห่งมนต์มายาในค่ำคืนนี้ ได้ปลุกเร้าความรู้สึกปรารถนาบางอย่างขึ้นในหัวใจของหนุ่มสาวทั้งคู่ให้ลุกฮือขึ้นมาราวกับแม่เหล็กต่างขั้วที่อยู่ใกล้กัน ดึงดูดกันด้วยสายตาเป็นประกายระยับไหว เฮ็นริคกระตุกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ เขาไม่รู้หรอกว่าเธอเป็นใคร แต่ถ้าหากคืนนี้เขาไม่ได้แอ้มสาวน้อยคนนี้ ก็ไม่ต้องมาเรียกเขาว่า ‘เจ้าพ่อคาสโนวาแห่งฮัมบูร์ก’ อีกต่อไป