อีกราวยี่สิบนาทีต่อมารถครูรุ่งรัตน์ก็ขับออกไปจากบ้านหลังจากที่ไปลาคุณแม่บ้านและฝากจดหมายถึงคุณหมอดุจตะวันเรียบร้อยแล้ว
“ คุณแม่บ้านคะ ครูขอฝากหนูแก้วคนนี้ด้วยนะคะ เธอเป็นเด็กดีและตั้งใจเรียนเหลือเกิน ” คุณครูกล่าวกับคุณแม่บ้านก่อนจากด้วยห่วงใยลูกศิษย์เหลือเกิน
“ ได้ค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ เดินทางปลอดภัยค่ะ ”
คุณแม่บ้านตอบก่อนจะแยกกัน
คล้อยหลังครูรุ่งรัตน์ แก้วกานดาก็อดไม่ได้ที่จะขอบตาร้อนผ่าว รู้สึกเคว้งคว้างเดียวดายเหลือเกิน ในชีวิตเธอไม่เคยไปไหน ไม่เคยจากบ้านไกลถึงขนาดนี้ และตอนนี้ครูรุ่งรัตน์ที่เป็นดังผู้ปกครองคอยปกป้องต้องมาจากไปด้วยเหตุฉุกเฉินเช่นนี้อีก
แม้ว่าเด็กสาวจะเป็นคนมีน้ำอดน้ำทนแต่ก็อดที่จะเศร้าไม่ได้ คิดถึงครู คิดถึงยาย คิดถึงบ้าน
แต่เมื่อนึกถึงอนาคตข้างหน้าเธอก็เข้มแข็งขึ้นมาได้ อย่างที่ครูบอก อดทนอีกไม่เท่าไร ตั้งใจเรียน หางานทำมีเงินใช้ เธอก็จะสบายขึ้น มีเงินมีทอง หาที่อยู่สบาย ๆ เอายายมาอยู่ด้วยกัน
อดทนอีกนิดนะ แก้วกานดา...
เด็กสาวจัดการทำความสะอาดเรือนรับรองที่ตนพักอาศัยอยู่ทั้งที่โดนห้ามจากคุณแม่บ้าน เธอขอร้องว่าให้เธอได้ทำอะไรบ้างเพื่อเป็นการตอบแทน
“ หนูเป็นแค่คนอาศัย ยายหนูสอนเสมอว่าอยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ขอให้หนูได้ทำอะไรเพื่อเป็นการตอบแทนบ้างเถอะนะคะ ไม่อย่างนั้นก็คงเอาแต่เหงาคิดถึงยายค่ะ ”
เธอบอกกับคุณแม่บ้าน ที่ได้แต่ส่ายหน้าให้กับความดื้อรั้นปนเอ็นดู สุดท้ายก็ต้องยอมให้เธอทำ
“ ถ้าคุณแม่บ้านอยากให้หนูช่วยงานบ้านก็บอกหนูได้เลยนะคะ อยู่ที่บ้านหนูรับจ้างทำความสะอาดตามบ้าน รับรองว่าทำสะอาดแน่นอนค่ะ ” เธอบอกพลางยิ้มจนตาหยีอวดสรรพคุณการทำงาน แววตาเจ้าระเบียบของคุณแม่บ้านอ่อนแสงลง
เด็กคนนี้ต่างจากผู้หญิงคนอื่น ๆ ของท่าน...
“ งานในบ้านเป็นหน้าที่ของคนรับใช้แต่ละคนอยู่แล้ว หน้าที่ของคุณแก้วก็แค่ตั้งใจเรียน อย่าขัดใจคุณซัน เท่านั้นก็พอค่ะ ”
“ ได้ค่ะคุณแม่บ้าน หนูจะเป็นเด็กดีค่ะ ” เด็กสาวรับคำในทันที แต่ก็แอบตงิดใจกับคำคำนั้น
อย่าขัดใจคุณซัน
เธอจะไปขัดใจอะไรคุณหมอได้เล่า แปลกจริง...
คุณแม่บ้านคงหมายความว่าอย่าดื้อรั้นอย่างนั้นกระมัง ถ้าแบบนั้นก็ไม่มีปัญหาเพราะเธอเป็นเด็กดี อยู่ในกรอบในระเบียบตลอดเวลาอยู่แล้ว จะรั้นหัวแข็งก็แค่กับคนที่มาทำกับเธอก่อนเท่านั้น
“ เดี๋ยวรับประทานมื้อเย็นเรียบร้อยแล้ว คุณแก้วอาบน้ำเตรียมตัวเข้าพบคุณซันเวลาหนึ่งทุ่มนะคะ ”
“ ค่ะคุณแม่บ้าน ” เด็กสาวตอบพลางใจเต้นแรง
เธอจะได้พบคุณหมอแล้ว...
หกโมงสี่สิบ
เด็กสาวอาบน้ำและสวมชุดที่คิดว่าดีที่สุดที่มีอยู่ มันคือชุดเสื้อยืดแขนตุ๊กตาสีชมพูอ่อนและกางเกงยีนขายาวสีดำ ผมดำสลวยราวเส้นไหมถูกรวบถักเปียเดี่ยวไว้เรียบร้อย และเธอนั่งรอด้วยใจเต้นระทึก
จะได้พบกับคุณหมอเสียที...
คุณแม่บ้านเดินมารับตอนอีกห้านาทีหนึ่งทุ่ม เธอเดินตามต้อย ๆ ไม่มีบทสนทนาอะไรเลยสักคำ ยิ่งทำให้ตื่นเต้นและเคร่งเครียดหนักเข้าไปใหญ่
เธอถูกนำให้เดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ราวกับวังนั้น แสงไฟ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องเรือนต่าง ๆ นานา มันดูหรูหราน่าตื่นตาตื่นใจไปหมด แต่ก็ไม่สามารถกลบความตื่นเต้นที่เธอมีได้
“ ท่านรออยู่ในห้องฟิตเนสค่ะ ” คุณแม่บ้านบอกสั้น ๆ
ทำไมต้องห้องฟิตเนสล่ะ ?
เด็กสาวเกิดคำถามขึ้นในใจ ก่อนจะตอบเองเสร็จสรรพ ว่าเวลาของคนเป็นหมอคงเป็นเงินเป็นทอง หาเวลาว่างแทบจะไม่มี อาจจะออกกำลังกายเสร็จแล้วเลยใช้ช่วงเวลานั่งพักสนทนากับเธอ
ห้องนั้นอยู่ที่ปีกขวาของบ้านติดกับสระว่ายน้ำอันใหญ่เบ้อเริ่ม เป็นห้องกระจกที่ภายในมีอุปกรณ์ออกกำลังกายหลากชนิดราวกับฟิตเนสคลับ ที่มุมห้องมีชุดเซ็ทโต๊ะเก้าอี้สีขาวสวยเข้าชุดดูหรูหราตั้งอยู่
ที่นี่ อะไร ๆ ก็สีขาวไปซะส่วนมาก สงสัยเจ้าของบ้านจะโปรดสีขาวเป็นพิเศษ