Chapter 5 ล่อเหยื่อ
“ถ้าเมื่อกี้ร้ายงั้นลองใหม่”
จบคำพูดนายบ่อนหน้าดุก็ฉกวูบลงมาปิดปากสาวน้อยอีกครั้ง คราวนี้ชายหนุ่มเริ่มเคล้าเคลียดูดดึงกลีบปากอิ่ม แตะไล้ด้วยลิ้นอุ่นร้อนไปมา ก่อนจะแย้มแยกแล้วสอดลิ้นเข้าไปดูดซับความหวานกันอีกครั้ง
จุมพิตดูดดื่มกำซาบซ่านทำเอาสาวน้อยสติกระเจิงจนต้องยืนสั่นอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง ปล่อยให้เขาปล้นจุมพิตเอาตามใจชอบจนหายใจหายคอไม่ทัน
“แล้วแบบนี้ล่ะ” เขาถามอย่างยั่วเย้า ดวงตาคู่คมพราวระยับ ราวกับกำลังล่อหลอก
สิตาพรเม้มปากแน่นเมื่อถูกปล้นจุมพิตเอาดื้อๆ เสียสองครั้ง ใจสาวเต้นระทึก ความวาบหวามแปลกๆ ทำให้เธอขืนตัวออกห่าง และนายบ่อนก็ยอมปล่อยแต่โดยดี นายบ่อนหนุ่มระบายยิ้มทั่วใบหน้า สายตาคมดุกวาดไปทั่วดวงหน้างามตื่นตระหนกนั้น พลางบอกตัวเองให้ใจเย็นเอาไว้ ไม่ช้าไม่นานเรือนร่างอรชรหอมกรุ่นร่างนี้ก็จะมาทอดกายใต้ร่างเขา
“ยิ่งร้าย”
สาวน้อยว่าก่อนจะรีบพาตัวเองออกไปจากห้องฟังเพลงแห่งนั้นด้วยใจที่เต้นระทึก ทิ้งให้วินเซนโซมองตามด้วยรอยยิ้มหมายมาด เขายอมปล่อยลูกแกะครั้งนี้เพราะกลัวว่าตัวเองจะรวบหัวรวบหางเธอก่อนเวลาอันควร แต่ไม่นานหรอก ในเมื่อเขาได้ลิ้มรสความหวานฉ่ำแล้ว อีกไม่นานเขาต้องได้ชิมเธอทั้งตัว...ลูกแกะน้อย
จากที่คิดว่าจะโชคดีมือขึ้นกลายเป็นดวงตกแบบสุดๆ สิตาพรเห็นหน้าเครียดๆ ของน้าสาวกับน้าเขยในห้องพักแล้วเธอเดาได้โดยไม่ยากสักนิด คงจะเสียพนันมาอีกแน่นอน สาวน้อยยกมือขึ้นแตะเรียวปากของตนเองอย่างเผลอๆ พลางนึกถึงคนที่ปล้นจุมพิตเอาดื้อๆ เธอไม่ค่อยเข้าใจนักว่า คนระดับนั้นมายุ่งกับเธอทำไม...
“มันต้องโกงพวกเราแน่ๆ” ชาติชายตะคอกเสียงดังอย่างฉุนๆ แก้วเหล้าเปล่าที่ดื่มหมดแล้วถูกกระแทกลงบนโต๊ะแรงๆ ใบหน้าบึ้งตึง
“ใจเย็นน่าคุณ” วาสิฐีรินเหล้าใส่แก้วให้ใหม่ เธอเองก็หงุดหงิดไม่น้อยไปกว่าสามี สองสามวันมานี้เธอเสียตลอด
“ใจเย็นเหรอ ตอนนี้เราเป็นหนี้พวกมันเท่าไหร่แล้ว ผมไม่เชื่อหรอกว่าเราจะดวงตกกันแบบนี้หากพวกมันไม่โกง ผมว่าพวกมันต้องโกงเราแน่ๆ”
“ถึงจะรู้แบบนั้น แล้วคุณจะทำอะไรได้” ฝ่ายผู้เป็นเมียตะคอกกลับบ้างอย่างเหลืออด เธอยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มบ้าง ตอนนี้วงเงินที่วินเซนโซเคยให้ก็ถูกงดไปแล้ว
สิตาพรเห็นบรรยากาศตรงหน้าแล้วตัดสินใจเลี่ยงออกจากห้องไปหาไตรตรึงษ์แทน งานนี้ถ้าเพื่อนรักไม่คะยั้นคะยอเธอไม่มาเด็ดขาด ดีหน่อยที่เรือลำนี้ไม่ได้เป็นแค่คาสิโนแต่ยังมีในส่วนของความบันเทิงที่จัดไว้ต้อนรับ ไม่อย่างนั้นเธอคงเบื่อน่าดู สาวน้อยหารู้ไม่ว่าสายตาคมดุคู่หนึ่งมองตามเธอไปทุกฝีก้าว มองตามด้วยสายตาโลมเลียไปทั้งเนื้อทั้งตัวอย่างที่ชอบแอบทำมาหลายวัน
เมื่อพ้นจากร่างเย้ายวน วินเซนโซส่งสัญญาณให้ธนัชย์รีบดำเนินการขั้นต่อไปทันที
ไม่กี่นาทีต่อมา นายชาติชายถูกผลักเข้ามาตรงหน้านายหนุ่มเจ้าของเรือที่กำลังจิบเครื่องดื่มอย่างอารมณ์ดี ไม่มีใครสนใจเสียงโวยวายของเขา วาสิฐีตามเข้ามาด้วยท่าทางหยิ่งๆ เธอไม่ยอมให้ใครจับเนื้อต้องตัวเธอทั้งนั้น เมื่อถูกพาตัวมาจากห้องพัก
“นี่มันอะไรกันคุณ”
ชาติชายตวาดถามนายบ่อนมาดเข้มทันที ดวงตาลุกเรืองด้วยความไม่พอใจ
“ถึงเวลาที่คุณควรจะคืนหนี้เรามาได้แล้วนะครับคุณชาติชาย พรุ่งนี้เรือของเราจะออกจากท่าที่นี่แล้ว”ธนัชย์เป็นคนตอบเสียเอง
“ฉันไม่ได้ถามแก”
ธนัชย์ยิ้มเย็นกลับการตะคอกนั้น ขณะที่ฝ่ายลูกหนี้สาวนั่งนิ่งส่งสายตาเจิดจ้าไปวินเซนโซ เธอกำลังคิดหาวิธีให้ตัวเองและสามีรอดพ้นจากเรือลำนี้ กิตติศัพท์ด้านความโหดเหี้ยมของวินเซนโซมาพร้อมกับคำกล่าวขวัญถึงเรือของเขา
“ผมตอบก็เหมือนเจ้านายตอบนั่นแหละครับ เอาล่ะพวกคุณเซ็นเช็คให้เราก่อนดีไหม” ธนัชย์บอกด้วยรอยยิ้มกวนๆ ตามแบบของเขา ขณะที่วินเซนโซยังนั่งนิ่ง
“ยี่สิบล้านเอง”
“ฉันมีเงินสดไม่มากขนาดนั้นหรอก คุณให้เวลาเราหน่อยได้ไหม”
“คุณจ่ายเท่าที่มีมา ส่วนที่เหลือผมมีข้อเสนอ” นายบ่อนพูดขึ้นเป็นครั้งแรก ตาคมกริบจ้องไปที่วาสิฐี ชายหนุ่มเลื่อนกระดาษใบเล็กไปตรงหน้าหญิงสาว
“อย่าไปจ่ายมันคุณ ไอ้พวกนี้มันโกงเราเห็นๆ”
เมื่อเงินก้อนโตกำลังจะหลุดลอยไป นายชาติชายถึงกับตวาดก้องด้วยความเสียดาย ธนัชย์พยักหน้าให้ลูกน้องเข้ามาลากตัวเขาถอยห่างการเจรจานี้
หมัดหนักๆ กระแทกเข้าหน้าท้องเรียกเสียงร้องเสียงหลงจากชาติชาย วาสิฐีเองถึงกับสะดุ้ง
“นี่หรือเปล่าสิ่งที่คุณต้องการ” สาวสวยปรายตาไปยังกระดาษใบนั้น มันเป็นรูปของสาวน้อยน่ารักคนหนึ่ง วาสิฐีเข้าใจจุดประสงค์เขาแจ่มแจ้งก็ครั้งนี้
“คุณลองเอาไปคิดดู แต่ถ้าคำตอบคือไม่ สามีคุณหรือไม่ก็คุณอาจจะต้องไปเป็นอาหารฉลามกลางทะเลที่ไหนสักแห่ง”
“รับรองครับว่า เจ้านายผมพูดจริง” ธนัชย์ย้ำยืนยัน
วาสิฐีแทบกลืนน้ำลายไม่ลง ไม่เคยมีครั้งไหนที่เธอจะรู้สึกจนแต้มเหมือนวันนี้ ผู้ชายตรงหน้ามีรังสีอำมหิตที่เธอสัมผัสได้ การที่ต้องผ่านวงการธุรกิจมานักต่อนักทำให้หญิงสาวคิดคำนวณผลได้เสียทันที ไม่ได้สนใจสามีที่ถูกซ้อมเสียด้วยซ้ำ
วาสิฐีวางแก้วน้ำส้มด้วยมืออันสั่นเทา เธอมองหลานสาวคนงาม ความรู้สึกเสียใจแวบเข้ามาอย่างช่วยไม่ได้ นี่คือสิ่งที่ว่าสิฐีไม่อยากทำสักนิด ถึงเธอจะไม่ได้รักใคร่ใยดีอะไรในตัวหลานสาวคนนี้นัก แต่ก็ไม่ได้เกลียดจนอยากจะกำจัดทิ้ง
แต่ชาติชายพูดก็ถูก เธอไม่ยอมเอาฐานะอันมีเกียรติทางสังคมมาแลกกับเรื่องน่าอับอายนี่ได้ และหากว่าไม่มีสิตาพร ทรัพย์สินทุกอย่างก็ต้องเป็นของเธอแต่เพียงผู้เดียว
วาสิฐีสูดหายใจลึกเมื่อตัดสินใจได้
“น้ำหวานน้าเอาน้ำส้มมาให้จ้ะ” เธอส่งเสียงเรียกมาก่อนจะโผล่มาในห้องเล็กที่หลานสาวนั่งอ่านหนังสืออยู่
สิตาพรยิ้มหวานให้ผู้เป็นน้า
“ขอบคุณค่ะ”
“อืม ดื่มเสียสิ แล้วน้าจะพาไปดูเขาเปิดแสดงละครเวที”
ละครเวที...สิตาพรชะงักมองผู้เป็นน้าด้วยความแปลกใจ
“ใช่จ้ะ น้ามีตั๋วแล้ว เราชอบไม่ใช่หรือ” วาสิฐีล่อหลอก
สิตาพรตาเบิกกว้าง เธอชอบดูมาก แต่ไม่คิดว่าบนเรือลำนี้จะมีการแสดงเวทีด้วย