นานแล้วแล้วที่โม่เหลียนไม่เคยนอนหลับได้สนิทเลยสักราตรี
น้ำตาที่มียิ่งไม่เคยเหือดแห้งไป และยิ่งหลั่งไหลออกมาจนท้วมท้นล้นใจ เมื่อสามีที่เคยสารภาพว่าผิดพลาดจนทำเด็กสาวต้องให้กำเนิดธิดาคนแรกโดยไม่ตั้งใจ กลับทำเด็กสาวคนเดิมตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชายอีกคนออกมา
เขาไม่สำนึกสักนิดว่าขณะครวญครางอย่างเสียวซ่านอยู่นั้น มีผู้หญิงอีกคนกำลังร้องไห้คร่ำครวญแทบขาดใจ
วันนั้นภายในศาลา โม่เหลียนยืนมองชายหญิงคู่หนึ่งเดินประคองกันที่ระเบียงห้องฝั่งตะวันตก
หญิงสาวยืนมองคนทั้งสองนิ่งๆ สีหน้าของนางราบเรียบยากคาดเดาห้วงคะนึง กิริยาสงบ แววตาเฉยชา
บนระเบียงทางเดิน ซ่งเสวียนชิงก้มมองสตรีข้างกาย
“เจ้าเดินระวังหน่อย เพิ่งลำบากคลอดลูกชายให้ข้า ไม่ควรออกกำลังมากจนเกินไป”
“เจ้าค่ะท่านพี่ แต่ข้าพักผ่อนครบเดือนแล้วนี่นา”
บุรุษหัวเราะในลำคอมองนางอย่างเอ็นดู
จูซิ่วเป็นสตรีที่หยาดเยิ้มอ่อนหวาน ยามจำนรรจามักหลุบตาลงอย่างเขินอาย แพขนตายาวงอนที่กะเพื่อมไหว มิอาจซ่อนดวงตากระจ่างใสไว้ได้
ทั้งสองเดินได้ครู่หนึ่งจึงรับรู้ได้ถึงสายตาของอีกคน เมื่อเงยหน้าขึ้นจึงเห็นโม่เหลียนยืนมองอยู่ อีกฝ่ายมองนิ่งๆ สีหน้าราบเรียบเฉยชา ซ่งเสวียนชิงพลันปล่อยมือจากจูซิ่ว รีบเดินไปหาโม่เหลียนทันที แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“เหลียนเอ๋อร์ เจ้าอยู่ตรงนี้นานแล้วหรือ? ข้างนอกลมแรง ข้าพาเจ้าเข้าเรือนดีกว่า”
ท่าทางห่วงใย กระตือรือร้นเอาอกเอาใจปานนั้น ทว่าน่าเสียดาย ความหวั่นไหวที่สามีเผยออกมาต่อหญิงอื่น มิอาจเรียกหัวใจดวงเดิมของโม่เหลียนให้กลับคืนมา
หญิงสาวก้มมองฝ่ามือของเขาที่จับมือของนาง พินิจวงแขนของเขาที่โอบเอวนางเพื่อประคอง
นางมองอย่างเย็นชา แววตามีความรู้สึกหลากหลาย สุดท้ายเพียงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น
“ท่านพี่ อ้อมกอดของท่านไยไม่อบอุ่นเหมือนวันวาน เมื่อไหร่กันที่หนาวเหน็บถึงเพียงนี้”
ซ่งเสวียนชิงพลันชะงัก
โม่เหลียนปัดวงแขนของเขาออกอย่างรังเกียจ กล่าวเสียงขื่น “แขนคู่นี้ของท่านข้าเคยคิดว่าปลอดภัยที่สุด แต่ท่านกลับนำมาทำร้ายข้าจนบาดเจ็บอย่างแสนสาหัส ดูเถิด ปากบอกรักข้าทุกวันแต่กลับลากมือที่สามเข้ามาแทรกกลางระหว่างกัน”
วาจาเถรตรงอันน่ากระอักกระอ่วนเช่นนั้น ทำคนฟังต้องหน้าแดงก่ำ คิดว่าอีกฝ่ายไม่สมควรพูดอย่างยิ่ง
“เหลียนเอ๋อร์ เจ้ากล่าวอะไรออกมารู้ตัวหรือไม่?”
เจ้าของนามถอนหายใจเหนื่อยแค่นยิ้มหยัน
“หากไม่มีข้าสักคน ท่านคงสมหวังดังใจ ได้ครองรักกับจู่ซิ่วอย่างสุขสม ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง ไม่ต้องทนเหน็ดเหนื่อยกับการต้องหลบซ่อนความอาทรถึงเพียงนี้ ท่านพี่วางใจเถอะ นับจากนี้ ข้าจะไม่ออกจากเรือนมาขวางทางรักระหว่างท่านกับนางอีก”
ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววตระหนก ยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยสิ่งใด กลับเห็นภรรยาเดินกลับเรือนไม่เหลียวหลังมา
นางย่อมอารมณ์ไม่ดีที่บังเอิญเห็นเขาอยู่กับจูซิ่ว
คืนนั้น ซ่งเสวียนชิงเดินมาหาโม่เหลียน หวังพูดจาอ่อนหวานหว่านล้อมให้นางสบายใจ ทว่าสาวใช้หน้าเรือนกลับบ่ายเบี่ยงมิให้เข้าไป บอกเพียงว่าฮูหยินไม่สบาย ต้องการพักผ่อน ไม่ประสงค์พบใครทั้งสิ้น
และก็เป็นเช่นนั้นอยู่หลายราตรี นานร่วมเดือน
ซ่งเสวียนชิงทำได้เพียงยืนมองประตูเรือนของภรรยาอย่างเงียบงันด้วยสีหน้าหม่นหมอง
เขารู้สึกผิดต่อภรรยาที่พลั้งเผลอไปกับจูซิ่ว
ต่อไปคงต้องระมัดระวังกิริยาให้มากกว่านี้
ชายหนุ่มไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้าเรือนตรงหน้าทำได้เพียงรอให้ภรรยาใจเย็นลง หวังว่าพรุ่งนี้อีกฝ่ายจะกลับมาพูดคุยอย่างรักใคร่มีเสน่หาดุจเดิม
ขณะหมุนตัวกลับอย่างท้อใจกลับพบจูซิ่วถือโคมไฟรออยู่ที่มุมระเบียง ใบหน้าใต้แสงโคมช่างงดงามยวนตา
“คืนนี้ข้าเตรียมสุราจากหอปาเฮ่าให้ท่าน ได้ยินว่าสุราที่นี่รสเลิศยิ่งนักเจ้าค่ะ”
ซ่งเสวียนชิงถอนหายใจพลางเดินเข้าหานาง
“ลำบากเจ้าแล้ว”
จูซิ่วแย้มยิ้มเฉิดฉาย ท่าทีเขินอาย ทั้งอ่อนหวานและยั่วยวนชวนหลงใหล
“ไม่ลำบากเจ้าค่ะ ข้ายินดีดูแลปรนนิบัติท่านพี่”
ซ่งเสวียนชิงหันมองเรือนของโม่เหลียนอย่างเงียบงัน ก่อนส่ายหน้าสะบัดแขนเสื้อเดินไปทางเรือนของจูซิ่ว
เขานั่งดื่มสุราชั้นดีร่วมกับนาง อยู่กับนางจนรุ่งสาง หากแต่หัวใจกลับกระหวัดถึงโม่เหลียนตลอดเวลา
แม้จะเป็นเช่นนั้น ทว่ายามทอดกายอยู่บนเตียงนอน ได้ครอบครองสาวงามร่างนุ่มเปลือยเปล่า ผิวพรรณเนียนลื่นละเอียดลออ ยั่วยวนทุกสัมผัส สติของซ่งเสวียนชิงไหนเลยจะยังมีอยู่ ยิ่งจูซิ่วส่งเสียงครางแว่วหวานคลอเคล้าใต้ร่าง เขายิ่งกระแทกกระทั้นสอดใส่ลึกล้ำ ส่งเสียงครางทุ้มต่ำอย่างสุขสม ซุกใบหน้าคมสันลงฝังทรวงอกหยุ่นนุ่มอวบอิ่มอย่างต้องการกลืนกินนางเข้าปากทั้งตัว
อารมณ์อันกระเจิดกระเจิงนี้ดำเนินจวบจนรุ่งสาง กระแสเสียงครวญกระเส่าซาบซ่านรัญจวนไร้การสะกดกลั้น คล้ายสายน้ำเชี่ยวกรากยากทัดทาน
แต่เมื่อพายุอารมณ์ผ่านพ้น ภาพของสตรีอีกคนก็เริ่มชัดเจนในห้วงสำนึกอีกครา
ท้ายที่สุด เขาถึงกับทนไม่ไหว เลือกพลิกกายลงจากเรือนร่างนุ่มหอมล้มเลิกกิจกรรมวาบหวามต้อนรับวันใหม่เหมือนที่ชอบทำ ลุกขึ้นจากเตียงนอนซึ่งยังคงอุ่นร้อนฉ่ำชื้น
“เจ้าพักผ่อนเถอะ ข้าจะกลับไปหาฮูหยิน ต่อไปนี้ ข้าอาจไม่มาหาเจ้าอีกแล้ว จงอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว ดูแลลูกๆ ของเราให้ดี”
คล้อยหลังบุรุษ ดวงตาคู่งามมองเขาอย่างไม่วางตา น้ำตาค่อยๆ ไหลออกมา
ซ่งเสวียนชิงตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไม่ไปหาจูซิ่วอีก ทว่าการตัดสินใจของเขาเหมือนจะช้าไป สายเกินแก้ไข เมื่อเขาได้พบว่าเรือนของโม่เหลียนว่างเปล่า
ไม่มีเงาร่างของนาง รวมถึงบุตรสาวทั้งสอง
มีเพียงป้าหลี่ยื่นจดหมายส่งให้แล้วล่าถอยไป
เสมือนฟ้าผ่ากลางใจ ชายหนุ่มรับไว้ด้วยมือสั่นเทา เขาคลี่ออกอ่านด้วยอาการเลื่อนลอยสองตาสั่นพร่า
‘จูซิ่วไม่ผิดที่ชะตาชีวิตทำให้ไร้ญาติขาดมิตรคิดยึดท่านเป็นที่พึ่งพา ทว่าคนที่ผิดคือท่านที่ไม่หนักแน่นมั่นคงดังคำสัญญา และผิดที่ข้าเลือกท่านเป็นสามี กระทั่งแค้นเคือง มิอาจอภัย ลาขาดนิรันดร์ โม่เหลียน...’
ในจดหมายมีห่อยาพิษชนิดหนึ่งรวมอยู่ด้วย
ร่างสูงของซ่งเสวียนซ่งพลันอ่อนยวบ เขาทรุดฮวบ เข่าอ่อนจนล้มทั้งยืน ไม่มีแม้เรี่ยวแรงลุกขึ้น
โม่เหลียนไม่อาจทนอยู่บนความทุกข์กับบุรุษโลเลจิตใจสั่นคลอนแบบนี้ จึงเลือกตัดขาดและลาจากตลอดกาล ด้วยวิธีทรมานสามีอย่างซ่งเสวียนชิงอย่างโหดร้าย
นางกินยาพิษที่มีฤทธิ์ดับชีพภายในเจ็ดวัน จากนั้นก็ไปหาบิดา กระอักเลือดตายต่อหน้าเขา โม่เฉิงเห็นบุตรสาวจบชีวิตลงตรงหน้าพลันคำรามราวฟ้าพิโรธ
ท่านผู้เฒ่าหอบความแค้นไปชำระความกับลูกเขย ทั้งด่าทอสตรีไร้ยางอายผู้นั้น ทว่าเมื่อเห็นซ่งเสวียนชิงคุกเข่าอ้อนวอนออกตัวปกป้องนางปานนั้น โม่เฉิงจึงยิ่งเดือดดาลเพลิงโทสะไหม้โหมอย่างชิงชังคลุ้มคลั่ง
เขาสั่งฆ่าคนวางเพลิงทำลายล้างทุกสิ่งจนเหี้ยนเตียนอย่างโหดเหี้ยม หนึ่งท่านตาสองหลานสาวประกาศกร้าวอย่างโกรธแค้น ตัดขาดจากบุรุษอย่างซ่งเสวียนชิงชั่วชีวิต
นี่คือสิ่งที่โม่เหลียนต้องการ
ตัดขาดนิจนิรันดร์ไร้หนทางอภัย...
ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วยการชดใช้บาปกรรมจนตาย
ครอบครัวเดิมมิอาจรักษา ครอบครัวใหม่ยังต้องประคองไว้อย่างลำบากเพราะต้องตรากตรำสร้างตัวใหม่
เงาร่างบุรุษที่เห็นโดดเดี่ยวปานนั้น สตรีอันเป็นที่รักหายไปตลอดกาล ข้างกายเหลือเพียงสตรีที่หลงใหลชั่วคราว หัวใจที่โลเลไม่หนักแน่นพอคือความสุขจอมปลอมไร้สิ้นสุด
ต่อให้ซ่งเสวียนชิงไม่อาจยอมรับแต่จำต้องแบกรับความผิดบาปนี้ไว้ตลอดชีวิตที่เหลือ
ครอบครัวที่เหมือนสมบูรณ์กลับให้ความรู้สึกขาดวิ่นแหว่งเว้าในทุกวัน