“พี่เมฆอยากรักน้องพรีมอีกครั้ง อยากรักตลอดทั้งค่ำคืนนี้”
อชิรญาไม่มีโอกาสร้องประท้วงความต้องการของผู้กองหนุ่ม หรือถ้าหากมีโอกาส หญิงสาวก็คงไม่ร้องปฏิเสธความวาบหวานกระสั่นซ่านที่ผู้กองนภพีท์กำลังมอบให้ เพราะเธอเองก็ต้องการได้รับความสุขสมหฤหรรษ์หรรษาจากชายที่รักยิ่งเช่นเดียวกัน
อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา ผู้กองนภพีท์ถอนหายใจยาวอย่างสุขสมกับลำนำรักอันแสนหวานแทบสำลักในครั้งที่สองและสาม ที่อชิรญาได้มอบให้เขาด้วยความรัก
ผู้กองหนุ่มค่อยๆ ประคองร่างบอบบางที่หมดเรี่ยวแรงเพราะพิษเสน่หา ให้นอนราบกับเตียงหนานุ่มอย่างแผ่วเบา
มือใหญ่เอื้อมไปเกลี่ยเส้นผมยาวดำขลับออกจากใบหน้างาม ที่กำลังหลับพริ้มเพราะความเหน็ดเหนื่อยกับลำนำรักอันเร่าร้อนที่บรรเลงร่วมกัน เขากดจุมพิตลงบนแก้มเนียนใส ก่อนจะล้มตัวลงนอนเคียงข้าง กอดกระชับร่างบอบบางไว้แนบแน่น อีกไม่กี่นาทีต่อมาก็ผล็อยหลับตามยอดดวงใจไปอีกคน
ผู้กองนภพีท์พาอชิรญามาส่งที่บ้านก่อนฟ้าสางเพียงไม่กี่ชั่วโมง และกว่าจะปล่อยหญิงคนรักลงจากรถได้ ก็มอบจุมพิตแสนหวานอีกเนิ่นนานจนอชิรญาตัวอ่อนระทวยเป็นขี้ผึ้งรนไฟ จึงยอมตัดใจปล่อยให้หญิงสาวลงจากรถ
“พี่เมฆกลับบ้านก่อนนะครับน้องพรีม”
ผู้กองหนุ่มกดกระจกรถลงพร้อมกับเอ่ยลาหญิงคนรัก เมื่อหญิงสาวก้าวลงจากรถไปแล้ว
“พี่เมฆขับรถดีๆ นะคะ น้องพรีมเป็นห่วง”
อชิรญาเกาะขอบประตูรถ ขณะบอกผู้กองหนุ่มด้วยความเป็นห่วง
“ครับคนดี พี่เมฆจะขับรถระวังที่สุดครับ”
ผู้กองนภพีท์ยื่นหน้าไปกดจูบเร็วๆ บนเรียวปากอิ่มอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยบอกคนรักให้เข้าไปในบ้าน
“น้องพรีมเข้าไปในบ้านเถอะครับ ไม่ต้องรอส่งพี่หรอกครับ”
“ค่ะพี่เมฆ”
อชิรญาเข้าไปในบ้าน หลังจากรับคำของคนรักแล้ว พอจะขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเองซึ่งอยู่ชั้นสองของตัวบ้าน ก็เลือกเข้าทางด้านประตูหลังที่ห้องครัว ด้วยเกรงว่ามารดาเลี้ยงจะตื่นมาเห็นว่าเธอกลับบ้านจวนรุ่งสางแล้ว
ทว่าแม่เลี้ยงของอชิรญาไม่ได้ตื่นมาเห็นลูกเลี้ยง แต่คนที่เห็นคือน้องสาวต่างมารดาของเธอต่างหาก ที่เฝ้าจับตามองนับตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้ยินเสียงรถของผู้กอง
นภพีท์ ผู้กองหนุ่มที่เธอหมายปองต้องการครอบครองเป็นเจ้าของได้แล่นมาจอดหน้าบ้านแล้ว
“ฮึ! จูบกันดูดดื่มจริงๆ นะนังพรีม เวลาเสวยสุขของเธอใกล้หมดแล้วนังพรีม อีกไม่นาน ผู้กองเมฆจะต้องเป็นของฉันเพียงคนเดียว”
+++++++++++++++++
อชิรญาไม่ต้องการให้วันแห่งการจากลาเดินทางมาถึง แต่เธอก็ห้ามสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ ในวันที่ผู้กองนภพีท์ต้องเดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกา
หญิงสาวซึมเศร้าทั้งวัน และเมื่อเหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมง ก็ต้องเดินทางไปส่งผู้กองหนุ่มที่สนามบิน หญิงสาวก็พยายามหักห้ามความเสียใจ ฝืนลุกขึ้นแต่งตัว แต่งหน้าค่อนข้างเข้ม เพื่อปกปิดริ้วรอยขอบตาที่บวมช้ำจากการร้องไห้มานานหลายชั่วโมง
เมื่อเดินออกมาจากห้องนอน หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว อชิรญาก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความแปลกใจ เพราะมารดาเลี้ยงกับน้องสาวต่างมารดากำลังยืนรอเธออยู่หน้าห้อง
“พี่พรีมจะไปส่งผู้กองเมฆขึ้นเครื่องบินไปอเมริกาใช่ไหมคะ”
อชิรญาแปลกใจกับคำถามของ มุกริน น้องสาวต่างมารดาที่เอ่ยถามมา เพราะเธอไม่เคยบอกเรื่องให้คนในบ้านรู้ว่าผู้กองนภพีท์จะเดินทางไปฝึกร่วมกับหน่วยซีลในสหรัฐอเมริกา
“จ้ะ” หญิงสาวรับคำสั้นๆ ก่อนจะเอ่ยถามน้องสาวด้วยน้ำเสียงแข็งๆ “น้องมุกรู้ได้ยังไงคะว่าพี่เมฆจะไปอเมริกาวันนี้”
‘ฉันรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับพี่เมฆ รู้แม้กระทั่งว่าพี่เมฆพาแกไปนอนกกอยู่ที่คอนโดไหน’
มุกรินเค้นเสียงเยาะอยู่ในใจ อิจฉาริษยาพี่สาวต่างมารดาที่โชคดีได้ครอบครองผู้กองนภพีท์ ซึ่งทั้งหล่อ ทั้งร่ำรวย มีมรดกตกทอดให้ใช้ไม่มีวันหมด
“เผอิญน้องมุกกับคุณแม่แวะไปเยี่ยมผู้กองเมฆที่กรมมานะคะ ผู้กองเล่าให้ฟังว่าต้องเดินทางไปฝึกที่อเมริกานานหลายเดือน น้องมุกก็เลยทราบว่าผู้กองจะเดินทางวันนี้นะคะ”
“พี่เมฆเล่าบอกน้องมุกว่าจะไปอเมริกา?”
อชิรญาไม่อยากเชื่อสักเท่าไรว่าผู้กองนภพีท์จะบอกเรื่องนี้กับมุกริน กระนั้นก็เกิดอาการคลางแคลงใจอยู่ไม่น้อยกับคำพูดในประโยคต่อมาของน้องสาวต่างมารดา
“ค่ะ พี่เมฆบอกน้องมุกทุกอย่างค่ะ นอกจากนั้นยังฝากฝั่งให้คุณแม่กับน้องมุกช่วยดูแลพี่พรีมระหว่างที่พี่เมฆไม่อยู่เมืองไทยด้วย จริงไหมคะคุณแม่”
มุกรินปั้นน้ำเป็นตัว เธอกับมารดาไปหาผู้กองนภพีท์ที่กรมจริง และพยายามขอพบผู้กองหนุ่ม ทว่าอีกฝ่ายกลับให้ลูกน้องออกมาบอกว่าไม่ว่างให้เธอกับมารดาเข้าพบ
ซึ่งนั่นทำให้เธอโกรธ และเกลียดผู้หญิงตรงหน้าเข้ากระดูกดำ ผู้กองนภพีท์มี
เวลาให้กับอชิรญาเสมอ แต่กับเธอ แม้วินาทีเดียว ผู้กองนภพีท์ก็ไม่เคยเสียสละเวลามาเสวนาด้วย
เมื่อลูกสาวขอเสียงสนับสนุน คุณมธุดา ผู้เป็นมารดาเลี้ยงของอชิรญา ก็รีบเอ่ยสนับสนุนคำพูดของลูกสาวทันทีเช่นเดียวกัน
“เชื่อน้องมุกเถอะหนูพรีม แม่ไปเยี่ยมผู้กองเมฆมาแล้ว และผู้กองก็ฝากฝั่งให้แม่ดูแลหนูพรีมแทนผู้กองด้วย พอแม่รับปากว่าจะดูแลหนูพรีมให้ดีที่สุด ผู้กองก็บอกแม่ว่ารู้สึกสบายใจขึ้นมาก ที่มีคนดูแลหนูพรีมระหว่างผู้กองไม่อยู่เมืองไทย”
ลูกปั้นน้ำเป็นตัวเก่งมากเพียงใด คนเป็นแม่ก็ปั้นน้ำเป็นตัวได้เก่งไม่แพ้กัน และนางพร้อมสำหรับการช่วยลูกสาวฉกผู้กองนภพีท์มาจากมือของลูกเลี้ยงคนนี้
อชิรญาเริ่มเบื่อกับการทนฟังสองแม่ลูก แสร้งตีสีหน้าว่าเป็นห่วงเป็นใยในตัวเธอนักหนา ทั้งๆ ที่จริงแล้วไม่ได้รู้สึกเป็นห่วงเธอแม้แต่นิดเดียว จึงปัดความรำคาญด้วยการแสร้งก้มลงมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือ พร้อมกับเอ่ยบอกเสียงแข็งเช่นเคย
“ใกล้ถึงเวลาพี่เมฆเดินทางแล้ว พรีมขอตัวก่อนนะคะ”