ตอนที่ 4 เถ้าแก่เนี้ยกับหนูทดลองยา

2365 คำ
ส่วนแม่นางคนงามที่คนพวกนั้นพูดถึงก็ได้รับแจ้งจากระบบเรียบร้อยแล้ว กำหนดการที่คิดจะไปเดินเล่นตลาดกลางคืนในเมืองที่อยู่ใกล้กับวังหลวงที่ห่างไป 5 กิโลเมตรจึงต้องพับเก็บ เพราะเธอไม่มีทั้งพลังปราณและวิชาการต่อสู้ ระบบรักษาความปลอดภัยก็อยู่แค่ภายในรัศมี 2 กิโลเมตรจากร้านเท่านั้น เธอจึงได้แต่ก้มหน้าอยู่ภายในร้านต่อไป 'ถ้าโฮสต์สามารถเลื่อนระดับร้านค้าขึ้นได้ ระยะความปลอดภัยก็จะเพิ่มขึ้นหนึ่งกิโลเมตรต่อหนึ่งระดับร้านค้า ขอให้โฮสต์จงมุ่งมั่นในการเป็นเถ้าแก่เนี้ยที่ดีต่อไป' '.....' จินหลันได้แต่ปลดปลงกับความมุ่งมั่นที่จะล้างสมองเธอของระบบ จึงก้มหน้าลงกินอาหารเช้าของตนเองต่อไป และเมื่อกินเสร็จก็เข้าไปในห้องเก็บของเพื่อกดสุ่มเครื่องจำหน่ายอาหารที่เพิ่งได้มาใหม่ แต่พอคิดถึงสินค้าในร้านจินหลันจึงอดที่จะเอ่ยถามระบบไม่ได้ "ระบบสินค้าพวกนี้ต้องรอได้มาจากการทำภารกิจอย่างเดียวเท่านั้นหรือ ไม่มีวิธีอื่นหรือสามารถซื้อเพิ่มเองได้เลยหรือ" จินหลันเอ่ยขึ้น 'ระดับร้านค้าของโฮสต์ตอนนี้ยังต่ำเกินไป ถ้าโฮสต์สามารถอัพเกรดระดับร้านค้าให้อยู่ในระดับมืออาชีพ โฮสต์จะสามารถใช้เหรียญจ่ายเพื่อสุ่มสินค้าเพิ่มได้' "....." จินหลันหมดกำลังใจที่จะพูดคุยกับระบบอีกครั้ง เพราะตอนนี้ทั้งร้านเธอมีสินค้าแค่ 3 อย่างจะให้ไปเพิ่มระดับร้านค้าจากที่ไหน ตอนนี้สักเหรียญหยกเดียวเธอก็ยังหามาไม่ได้เลย แต่ห่อเหี่ยวไปก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นจินหลันเก็บอาหารเช้าเอาเข้าไปเก็บไว้ด้านใน พร้อมกับเดินเข้าไปในห้องเก็บของเพื่อสุ่มของรางวัลที่ได้มาใหม่ ตู้สุ่มอาหารก็เหมือนกับสองตู้ก่อนหน้าแค่คนละสีกัน แต่ดูเหมือนสีของไข่ในตู้แต่ละใบก็จะมีสีที่แตกต่างกันออกไป ครั้งนี้ไข่จะมีสีขาวแต่จะมีสีอื่นเป็นลวดลาย จินหลันกดคีบไข่ขึ้นมาหนึ่งใบแล้วหยิบขึ้นมาเปิดดูก็ต้องรู้สึกแปลกใจ [สินค้า : อาหารระดับทั่วไป ชื่ออาหาร : คัตสึดง (ข้าวหน้าหมูทอด) ประเภท : ข้าวกล่อง สรรพคุณ : เมื่อกินแล้วจะได้รับความอิ่มและเพิ่มพลังกายขึ้น 10% เป็นระยะเวลา 3 ชั่วโมง ราคาขาย : 10 เหรียญหยก สินค้าจำกัดจำนวน : 1 คนต่อ 1 กล่อง ต่อ 1 วัน] "ว้าว! ข้าวกล่องคัตสึดงของโปรดเลย แถมยังช่วยเพิ่มพลังกายให้ตั้งสิบเปอร์เซ็นต์อีกด้วย สินค้าดีมาก ช่างเหมาะสมกับราคาจริงๆ" จินหลันหลังจากอ่านรายละเอียดแล้วก็ร้องขึ้นมาเสียงดังด้วยความดีใจ 'โฮสต์ได้โปรดแสดงความคิดเห็นด้วยความจริงใจ ระบบตรวจสอบได้ถึงระดับเสียงที่สูงเกินจริง' หลังจากถูกระบบหักหน้าจินหลันก็พาตัวเองออกมาที่ด้านนอกก็มองเห็นตู้ขายอาหารที่คล้ายกับตู้ขายเครื่องดื่มเพียงแต่มีสีแดงและมีช่องว่างอยู่ถึง 10 ช่องที่ช่องแรกมีรูปอาหารที่อยู่ในกล่องไม้ดูน่ากิน มีการเขียนบรรยายทุกอย่างเอาไว้ ความจริงเธอก็อยากลองกินข้าวกล่องนี้เช่นกัน เพียงแต่เธอเพิ่งจะกินอาหารเช้าไป จึงคิดว่าจะเอาไว้รอกินในมื้อเที่ยงแทน ตอนนี้เป็นเวลาเปิดร้านแล้ว แต่จินหลันก็ยังคงนั่งอยู่ที่โซฟาตัวประจำเช่นเคย ก็ในเมื่อตอนนี้ไม่มีอะไรให้เธอทำแล้วลูกค้าก็ไม่มี แต่พอคิดได้ไม่นานเสียงกระดิ่งหน้าร้านก็ดังขึ้น มีหญิงสาวอายุน่าจะประมาณ 15-16 ปี สองคนเปิดประตูเข้ามาในร้าน จินหลันจำได้ว่าคนหนึ่งคือหญิงสาวที่เป็นลูกค้าคนแรกของเธอกับอีกคนน่าจะเป็นเพื่อนเพราะอายุของทั้งสองดูใกล้เคียงกัน "ยินดีต้อนรับ" จินหลันเอ่ยต้อนรับทั้งสองคนพร้อมรอยยิ้มเล็กๆ ตามที่ระบบบังคับเอาไว้ ไม่อย่างนั้นเธออาจจะยิ้มให้ทั้งสองสาวจนปากฉีกไปถึงใบหูเลยก็ได้ อันนี้ระบบเป็นคนพูด "สะ..สวัสดีค่ะเถ้าแก่เนี้ย วันนี้ก็สวยเหมือนเดิมเลยนะคะ" หญิงสาวที่มาเมื่อวานเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางเขินอายปนประหม่า ที่ทำให้จินหลันถึงกับอดรู้สึกเอ็นดูอีกฝ่ายไม่ได้ "วันนี้มีสินค้ามาแล้วนะ แม่นางทั้งสองลองดูก่อนได้" จินหลันเอ่ยตอบกลับไปแทนสิ่งที่ตั้งใจจะพูด เพราะระบบขึ้นคำเตือนมาตรงหน้าของเธอให้พูดและวางตัวให้เหมาะสม ความจริงสิ่งที่ระบบให้เธอทำก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรเพียงแต่นิสัยตอนที่ทำงานในชีวิตก่อนมันติดตัวมา ร้านค้าปลีกที่มีอยู่นับหมื่นสาขาทั่วประเทศ สิ่งที่พนักงานทุกคนได้รับการอบรมมาก็คือต้องยิ้มแย้มแจ่มใส ต้องใส่ใจในการบริการ และยังมีอื่นๆ อีกหลายอย่างถึงแม้เธอจะไม่ชอบแต่ก็ต้องทำให้ได้ เพราะรายได้ในการใช้ชีวิตของเธอมันขึ้นอยู่กับสิ่งที่ต้องทำพวกนั้น ในช่วงที่จินหลันกำลังเหม่อลอยเศร้าสร้อยน้ำตาตกในคิดถึงเรื่องราวในอดีต แต่ใบหน้าและท่าทางของเธอที่แสดงออกมาให้สองสาวได้เห็น กลับเป็นใบหน้าที่งดงามมีรอยยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากไม่ได้ดูเย็นชาแต่ให้ความรู้สึกที่นิ่งสงบ และไม่สามารถหยั่งถึงความคิดของอีกฝ่ายได้ ยิ่งทำให้สองสาวรู้สึกชื่นชมและนับถือในตัวของเถ้าแก่เนี้ยมากยิ่งขึ้น จินหลันที่รู้สึกเหมือนถูกจ้องมองก็หลุดออกมาจากภวังค์ความคิดของตน หันไปเห็นสองสาวที่ยืนอยู่กลางร้านกำลังมองมาที่เธอด้วยท่าทางสนใจ เธอจึงยิ้มเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยตามแบบฉบับเถ้าแก่เนี้ยที่ระบบต้องการ แล้วลุกขึ้นเดินไปหาทั้งสองคนด้วยท่าทางที่คิดว่าสง่างามที่สุด และแน่นอนท่าทางและรอยยิ้มของจินหลันดูงดงามและมีความสง่างามตามแบบที่ระบบต้องการไม่มีผิดเพี้ยน ยิ่งเพิ่มความชื่นชมจากสองสาวมากขึ้นไปอีก จนเมื่อจินหลันมาหยุดยืนที่ด้านข้างของหญิงสาวทั้งสองก็เริ่มเอ่ยแนะนำสินค้าให้ทั้งคู่ได้ฟัง เพราะระบบเพิ่งแจ้งภารกิจใหม่มาให้เธอเมื่อครู่นี่เอง [ภารกิจหลัก : เมื่อมีสินค้าในร้าน เถ้าแก่เนี้ยที่ดีก็ต้องขายมันออกไปสิ เงื่อนไข : ขายสินค้าให้ได้ 0/100 เหรียญหยก ของรางวัล : สุ่มสินค้าจากตู้สุ่มได้ 1 ครั้ง ระยะเวลา : 1 เดือน บทลงโทษ : ไม่มี] "มีอะไรที่แม่นางทั้งสองสนใจบ้างไหม" จินหลันเอ่ยถามทั้งสองสาว "คือว่าราคายารักษาบาดแผลขวดละหนึ่งเหรียญหยกเลยหรือคะ ปกติยารักษาบาดแผลระดับสูงขวดละหนึ่งเหรียญทองเท่านั้นเอง แล้วยังเครื่องดื่มกับอาหารนี่อีกราคาสูงถึงสิบเหรียญหยกเลย" หญิงสาวอีกคนเอ่ยถามเธอด้วยท่าทางกล้าๆ กลัวๆ "สินค้าทุกอย่างในร้านมีราคาเหมาะสมตามคุณภาพ ถ้าไม่เชื่อก็ลองซื้อไปดูสิ ถ้าไม่เป็นจริงอย่างที่บอก แม่นางมาเอาเงินคืนที่ฉันได้เลย" จินหลันพูดเพียงแค่นั้นแล้วเดินเข้าไปนั่งที่หลังเคาน์เตอร์ ซึ่งมีเครื่องคิดเงินตั้งอยู่ที่มุมด้านใน เครื่องคิดเงินนี้มีกล่องเก็บเงินและหน้าจอขนาด 14 นิ้ว ซึ่งแสดงรายการของสินค้าที่วางจำหน่ายอยู่ในร้าน เหมือนกับเครื่องคิดเงินที่เธอเคยใช้ในร้านสะดวกซื้อ เพียงแต่รายการสินค้าบนหน้าจอตอนนี้มีแค่ 3 อย่างเท่านั้น และบนเคาน์เตอร์ตรงหน้าเธอยังมีถาดสีเงินขนาดเท่าสองฝ่ามือผู้ใหญ่วางไว้สำหรับให้ลูกค้าจ่ายเงินค่าสินค้าด้วย จินหลันมองดูทั้งสองสาวพูดคุยกระซิบกระซาบกันจนในที่สุดทั้งสองก็ตัดสินใจหยิบยารักษาบาดแผลคนละ 1 ขวด แล้วเดินมาจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์คิดเงินที่เธอนั่งอยู่ ทั้งสองหยิบเหรียญหยกวางไว้บนถาดเงินคนละ 1 เหรียญ แล้วก็เตรียมเดินออกจากร้าน แต่ก่อนออกไปทั้งสองยังหันมามองเธอที่ยังคงนั่งอยู่ที่เก้าอี้หลังเคาน์เตอร์ "ขอบคุณไว้กลับมาอุดหนุนอีกนะ" จินหลันเอ่ยกับทั้งสองสาวพร้อมกับส่งรอยยิ้มไปให้ "ถ้าใช้แล้วได้ผลอย่างที่เขียนไว้ พวกเราจะกลับมาอีกค่ะ" สองสาวหันมาตอบกลับเธอด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีแดงเล็กน้อย ซึ่งจินหลันคิดว่าพวกเธออาจจะร้อนเลยบอกให้ระบบปรับอุณหภูมิในร้าน แต่ความจริงที่ระบบตอบกลับมาก็คือทั้งสองรู้สึกเขินอายเธอมากกว่า 'ร้านค้าไร้เทียมทานได้มีการปรับอุณหภูมิไว้ที่ยี่สิบห้าองศา เพื่อให้เหมาะสมกับลูกค้าทุกคนที่เข้ามาในร้าน ขอโฮสต์โปรดวางใจ' ในเมื่อระบบบอกว่าเหมาะสมถ้าอย่างนั้นเธอก็ไม่มีอะไรจะพูด จึงคิดจะหยิบเหรียญหยกที่ได้มาใส่ในกล่องเก็บเงิน แต่กลายเป็นว่าตอนนี้เหรียญหยกที่เคยอยู่บนถาดเงินได้หายไปแล้ว จินหลันจึงไปเปิดดูกล่องเก็บเงินเห็นเงินจำนวน 1 เหรียญทองกับอีก 9 เหรียญเงินอยู่ในนั้น ระบบจึงบอกว่าถาดเงินจะเก็บเงินค่าสินค้าอัตโนมัติ และจะหักในส่วนของรายได้สำหรับเถ้าแก่เนี้ยไว้ให้เธอในกล่องเก็บเงิน และระบบยังได้ทำการหักเงินค่าทำความสะอาดร้านไปแล้วด้วย จินหลันชอบระบบเก็บเงินนี้เพราะสะดวกกับเธอมาก พอได้ขายของชิ้นแรกไปแล้ว เธอก็อยากจะขายของให้ได้มากกว่านี้ แต่ระบบไม่อนุญาตให้เธอออกไปเรียกลูกค้าที่ด้านนอก จึงได้แต่นั่งรอให้ถึงเวลาปิดร้านเหมือนทุกวัน แต่ดูเหมือนวันนี้เธอจะโชคดีเสียงกระดิ่งร้านดังขึ้นอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เป็นคนกลุ่มหนึ่งเป็นชายและหญิงจำนวน 5 คนเดินเข้ามา แต่พอคนเหล่านั้นเห็นเธอก็พากันตกตะลึงและยืนนิ่งกันไปหมด 'ระบบ ฉันสามารถใส่ผ้าคลุมปิดหน้าเอาไว้ได้ไหม ถ้าลูกค้าทุกคนเข้ามาแล้วจะต้องตกตะลึงเมื่อเห็นหน้าฉันกันหมดแบบนี้' 'เถ้าแก่เนี้ยมืออาชีพจะต้องปกปิดใบหน้าของตนเองไปทำไม ถ้าอย่างนั้นลูกค้าจะมีความเชื่อมั่นในร้านค้าได้อย่างไร และโฮสต์โปรดวางใจเพียงแค่ครั้งแรกเท่านั้นที่ลูกค้าจะมีท่าทางเช่นนี้ พอเห็นโฮสต์บ่อยเข้าลูกค้าก็จะชินและเลิกตกตะลึงไปเอง' จินหลันหลังจากได้ฟังที่ระบบตอบกลับมาก็อยากจะกลอกตาขึ้นฟ้าสัก 38 รอบ แต่ติดตรงที่ว่าตอนนี้ยังมีลูกค้าอยู่ในร้านเธอจึงไม่สามารถทำได้ "ยินดีต้อนรับ ลองเลือกชมสินค้าดูก่อน รับประกันได้ว่าสินค้าทุกอย่างมีราคาที่เหมาะสมกับคุณภาพอย่างแน่นอน" จินหลันเอ่ยเรียกสติให้กลุ่มลูกค้าใหม่ตรงหน้า "อ่ะ..เอ่อ..เถ้าแก่เนี้ยมียารักษาอาการบาดเจ็บไหม พอดีพวกเราเพิ่งลงมาจากหมายซานแต่ยารักษาที่เตรียมไว้หมด" ชายหนุ่มหนึ่งในกลุ่มเอ่ยขึ้น และอีกฝ่ายยังกุมแขนของตนเอาไว้ เธอเห็นว่ามีเลือดไหลซึมออกมาอีกด้วย และมีอีกคนที่ถูกพยุงเอาไว้ดูแล้วอาการน่าจะหนักหนาเอาการ "แน่นอนที่ร้านของเรามียารักษาอาการบาดเจ็บ อยู่ที่ชั้นวางของคุณสามารถดูได้" จินหลันเอ่ยตอบอีกฝ่ายกลับไปด้วยท่าทางนิ่งสงบเช่นเคย แม้ว่าตอนนี้เธอจะกำลังรู้สึกตื่นตระหนกอยู่เล็กน้อย เพราะเพิ่งเคยเห็นคนได้รับบาดเจ็บเป็นครั้งแรกตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ "หนึ่งเหรียญหยก!! ทำไมถึงราคาแพงขนาดนี้ และยังเป็นเพียงยาระดับทั่วไปอีกด้วย" หญิงสาวหนึ่งในกลุ่มเอ่ยขึ้นเสียงดัง พร้อมส่งสายตาไม่พอใจมาทางเธอ "สินค้าทุกอย่างในร้านมีราคาเหมาะสมกับคุณภาพแล้ว ถ้าแม่นางไม่พอใจก็เดินออกจากร้านไปได้เลย" จินหลันหลังจากได้ยินเสียงดังที่แสนจะแสบแก้วหูของหญิงสาวคนนั้นก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที แต่ได้รับคำเตือนจากระบบจึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ เช่นเดิมเพียงเท่านั้น "พอเถอะอาเหมย ตอนนี้หลิงหลางได้รับบาดเจ็บรุนแรงมากถึงแม้ยาจะมีราคาแพงไปสักหน่อยก็คงช่วยพยุงอาการให้พวกเราพาเขากลับไปหาหมอในเมืองได้ทัน ตงฟางเจ้าไปจ่ายเงินแล้วหยิบขวดยามา" ชายคนหนึ่งในกลุ่มดูแล้วน่าจะเป็นหัวหน้าเอ่ยขัดแม่นางเสียงแปดหลอดคนนั้นเอาไว้ พร้อมกับสั่งให้ชายในกลุ่มที่บาดเจ็บที่แขนมาจัดการซื้อยา เมื่อได้รับขวดยาไปแล้วชายคนนั้นก็เปิดขวดแล้วส่งเม็ดยาเข้าปากคนเจ็บไป เมื่อเห็นว่าคนเจ็บกลืนยาลงไปแล้วและคนทั้งกลุ่มยังไม่ทันได้ทำสิ่งใด สีหน้าซีดเซียวของคนเจ็บก็เริ่มดีขึ้น บาดแผลที่มีเลือดไหลตรงหน้าอกก็เริ่มสมานกันด้วยความเร็วระดับที่ตาเห็น จากนั้นไม่เกิน 10 ลมหายใจบาดแผลก็ปิดสนิทผิวหนังเรียบเนียน แม้แต่รอยแผลเป็นก็ไม่มีเหลือให้เห็น ถ้าไม่ใช่เพราะรอยเสื้อขาดและคราบเลือดที่ติดอยู่ คงไม่มีใครเชื่อว่าคนผู้นี้เคยได้รับบาดเจ็บหนักมาก่อนเป็นแน่ ********
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม