ตอนที่5 รู้ได้อย่างไร?

1106 คำ
เรือนพักส่วนพระองค์ของรุ่ยอ๋องตั้งตระหง่านอยู่ทางทิศเหนือของค่ายทหาร แม่นางน้อยลี่เซียนถูกผู้ดูแลพาเรือนร่างอรชรในอาภรณ์บางพลิ้วสีชมพูอ่อนหวานมายืนเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าประตูเรือนของท่านอ๋องผู้ยิ่งใหญ่ โดยมีเย่เสียตามห่วงใยไม่ห่าง ก่อนจะถูกผู้ดูแลฉุดกระชากลากตัวออกไปอีกทาง ก่อนจากกันเย่เสียยังพินิจลี่เซียนโดยละเอียดหัวจรดเท้า ดวงตาทอประกายวาววับแล้วเอ่ยคำด้วยสีหน้าจริงจังอีกว่า “เจ้างดงามถึงเพียงนี้ ท่านอ๋องต้องพึงใจมากเป็นแน่ หากเป็นไปได้จงทำให้พระองค์ลุ่มหลง ต่อไปย่อมมีชีวิตสงบสุข สมปรารถนาทุกประการ” กล่าวจบก็ยื่นน้ำมันหอมชนิดหนึ่งใส่มือให้ลี่เซียนทั้งยังกระซิบคำเสียงเครียดว่ามันคือยาวิเศษใช้เพื่อการณ์นี้ หวังว่าจะใช้ได้ผลกับอ๋องปีศาจเช่นเขาผู้นั้น ลี่เซียนเพ่งพิศน้ำมันหอมในมืออย่างละเอียด นางเอียงหน้าน้อยๆ ทำความเข้าใจถึงจุดประสงค์ของเย่เสีย ดวงเนตรกลมโตดำขลับทอประกายพร่างพราวทันใด เมื่อเข้าใจได้กระจ่าง แท้จริงมันคือสิ่งที่ใช้สะกดจิตวิญญาณของชายผู้นั้น ให้โปรดปรานนางนั่นเอง หากนางทำให้เขาโปรดปรานได้สำเร็จ อาจมีหนทางกลับหุบเขาศักดิ์สิทธิ์ดั่งใจปรารถนา เมื่อใคร่ครวญเสร็จสรรพ มือขาวอ่อนนุ่มก็ยัดน้ำมันหอมใส่อกเสื้อไว้ เพื่อเก็บเป็นที่ระลึกควบคู่กับตำราวสันต์ครวญ แม่นางน้อยลี่เซียนเป็นคนที่มีจิตใจละเอียดอ่อนมาก ทุกสิ่งที่ผู้อื่นให้มาช่างมีค่าหาใดเปรียบ แต่เนื่องจากชุดถูกเปลี่ยนเป็นบางพลิ้วกว่าเดิมจึงไม่อาจใส่แขนเสื้อได้อีก จำต้องยัดตรงอกเสื้อแล้ว ยามนี้เนินเนื้อหยุ่นนุ่มจึงดูอวบอูมขึ้นมากทีเดียว ลี่เซียนจัดระเบียบเสื้อผ้าของตนครู่หนึ่งจนเรียบร้อย ก่อนเดินไปทางหน้าประตูเรือนด้วยกิริยาเนิบช้าตามจริตที่ได้ฝึกมาถึงสามวัน ซุกซ่อนความซุกซนเอาไว้ได้แนบเนียน ดวงเนตรกลมโตกระจ่างใสเพ่งพิศรอบทิศอย่างต้องการเรียนรู้ทุกสรรพสิ่ง นางเห็นทหารยามตัวใหญ่ยืนอยู่เต็มสองฝั่งทั้งด้านซ้ายและด้านขวาตลอดทั้งด้านหน้าประตูเรือน มือหนึ่งของพวกเขาถือด้ามหอกตั้งชันกับพื้นดิน มืออีกข้างไขว้หลัง ท่าทางแข็งขันถมึงทึงมาก ถัดไปยังมีทหารยามยืนเรียงรายมากมาย ในท่วงท่าดุจเดียวกัน มองไปคล้ายรูปปั้นของเทพเฮยอู่ฉาง[1]ก็ไม่ปาน แม่นางน้อยมองด้วยความสนใจ บรรยากาศของที่นี่ แตกต่างจากอารามผิงอันในหุบเขาศักดิ์สิทธิ์อย่างสิ้นเชิง เพราะที่นั่นมีแต่นักพรตอาภรณ์ขาว สีหน้าแย้มยิ้มแช่มช้อยเปี่ยมไมตรี ที่นี่น่าสนใจจริงๆ ชั่วจังหวะครุ่นคิดอย่างอารมณ์ดี พลันมีทหารนายหนึ่งเดินมาขวางหน้า ส่งสายตาเหี้ยมเกรียมเพ่งมอง “เจ้าเป็นใคร?” เสียงห้วนต่ำเอ่ยถามอย่างดุดัน หอกในมือของคนผู้นั้นยื่นออกมาขวางเบื้องหน้าลี่เซียนอย่างหยาบคาย แน่นอนว่าคนผู้หนึ่งซึ่งเป็นถึงเหรินเซียนในแดนมนุษย์ย่อมมิอาจเผยออกไปได้ว่าตนเป็นถึงเซียนมิใช่มนุษย์ธรรมดา หญิงสาวจึงหยุดฝีเท้าไม่ก้าวเดินต่อ พลางเอียงคอมองทหารตัวใหญ่ด้วยดวงตากลมใส มิได้พรั่นพรึง ก่อนตอบเสียงนุ่มตามความจริงแค่บางส่วนว่า “ข้ามีนามว่าลี่เซียน มาทำหน้าที่ปรนนิบัติท่านอ๋องตามคำสั่งหัวหน้าทหารเจ้าค่ะ” ทหารอีกคน เดินขึ้นหน้ามาเมื่อได้ยินวาจาเช่นนั้น สีหน้าของเขาฉายแววเข้มงวด หัวคิ้วขมวดมุ่นอย่างไม่เชื่อคำเท่าใด “ท่านอ๋องมีรับสั่งให้หัวหน้าทหารไปเรียกใช้คณิกาหรือ?” “เจ้าค่ะ” ลี่เซียนตอบตามสัตย์ “มีหัวหน้าทหารคนหนึ่งไปแจ้งกับท่านแม่ตั้งแต่ยามอิ่วสี่เค่อ และข้าคือผู้ถูกเลือก” นางกล่าวพร้อมแย้มยิ้มเฉิดฉายวาดไปถึงดวงตา ทั้งพิลาสล้ำและกระจ่างใสดุจดวงดารารัตติกาลเหมันต์ แลดูพราวระยับจับจิตจับใจ งดงามอย่างมาก แม่นางน้อยไม่รู้ตัวเลยว่า ตนเองเป็นสาวงามเหนือใคร สามารถละลายหัวใจผู้คนที่พบเห็นได้ปานใด ทหารนายนั้นที่ไม่เชื่อถือกันในคราแรกพลันสติเหม่อลอย สองตาเริ่มเหม่อมอง พลางปลดความระแวดระวังลงหลายส่วน ด้วยเข้าใจว่าคณิกาที่สะคราญโฉมถึงเพียงนี้ ท่านอ๋องคงต้องการปลดปล่อยจริงๆ เป็นแน่ บุรุษด้วยกันย่อมเข้าใจ ทว่าเขายังไม่ทันเอ่ยปากอนุญาตให้สาวงามเดินเข้าไป จังหวะนั้น ...ทหารคนแรกที่บังเกิดรักแรกพบเพราะรอยยิ้มดุจฟ้าประทานของลี่เซียน เริ่มแปรเปลี่ยนสายตาข่มขวัญเป็นสายตากรุ่มกริ่ม เขาเบี่ยงหอกออกจากด้านหน้าของสาวงามมาถือแนบที่ลำตัว เดินประชิดเข้ามา หรี่ตาเล็กน้อย ยกยิ้มยียวน อึดใจชายผู้นี้พลันยื่นปลายนิ้วเชยคางมน ก้มหน้าลง แล้วกระซิบด้วยน้ำเสียงดุดันที่แปรผันเป็นแหบต่ำทุ้มพร่า “ข้าคิดว่า นางคณิกาเช่นเจ้าคงไม่แคล้วใช้เล่ห์กลมารยาขั้นเซียนเพื่อเข้าหาท่านอ๋องของพวกเรา มิเช่นนั้นบุรุษสูงศักดิ์ที่ถือเนื้อถือตัวเช่นรุ่ยอ๋องจะเรียกหาได้อย่างไร? มิสู้ให้พวกข้าได้พิสูจน์เจ้าเสียก่อนโดยการเชยชม...อ่ะ” วาจาบุรุษยังไม่ทันจบ สติพลันดิ่งวูบ หมดสติสลบไป ทั้งทหารคนที่ทำเจ้าชู้กรุ่มกริ่ม ทหารอีกคนที่เดินเข้ามาถามไถ่คาดคั้น รวมถึงทหารที่ยืนยามทั้งหมด ต่างพากันล้มตึง ไม่ทราบสาเหตุ ลี่เซียนเห็นเช่นนั้นพลันตกใจ นางรีบสะกดอาการแตกตื่นของตนเอาไว้ เก็บพลังเร้นลับกลับคืนรวดเร็ว ที่เป็นเช่นนี้เพราะประโยคที่ว่า ใช้เล่ห์กลมารยา ‘ขั้นเซียน’ เพื่อเข้าหาท่านอ๋อง “โอว...เขารู้ได้อย่างไรว่าข้าใช้เป็นถึงขั้นนั้น!” สาวน้อยพึมพำเสียงสั่น ยกมือกุมหน้าอก หัวใจเต้นแรง นางตระหนกอย่างมากกับวาจานั้น จึงเผลอส่งพลังปรานสายหนึ่งออกมา ทำทหารสลบเหมือด ทุกคนเลย… ด้วยจิตใต้สำนึกยังเป็นเพียงเด็กน้อยไม่ประสา ปฏิกิริยาแรกเมื่อพลั้งเผลอทำผิด ลี่เซียนจึงวิ่งหนีพี่ๆ ทหารแบบไม่คิดชีวิต นางเร่งฝีเท้าก้าวปราดเข้าเรือนตรงหน้า หายตัวแวบไปทันใด [1] เทพเฮยอู่ฉาง (***) สวมชุดสีดำและหมวกทรงกรวยสูงสีดำมีหน้าตาดุดัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม