คนปัจจุบัน 2

1426 คำ
เสียงรถที่กำลังเคลื่อนเข้าสู่ตัวบ้าน ฉุดให้สองแม่ลูกที่กำลังนั่งเล่นระบายสีอยู่หน้าบ้านพร้อมใจกันหันไปมอง หลังจากเครื่องยนต์ดับสนิท ประตูรถก็เปิดออกพร้อมกับร่างสูงที่ก้าวลงจากรถ สองมือของกวินทร์เต็มไปด้วยของใช้และอาหาร รวมทั้งขนมเค้กหลายชิ้น เก็ตถวาอดอมยิ้มให้กับนิสัยที่ไม่เคยเปลี่ยนของชายหนุ่มไม่ได้ “พี่ภีมจะซื้อมาทำไมเยอะแยะคะ แก้มเกรงใจ นี่คงจะไม่ได้ตั้งใจขุนแก้มกับเกี่ยวก้อยไปเชือดใช่ไหมคะ” กวินทร์วันนี้ยังคงเหมือนกวินทร์เมื่อสามปีก่อน นิสัยกลัวหญิงสาวตรงหน้าอดอยาก มันยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่จะเพิ่มเติมหน่อยคือมีคนให้ห่วงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน หนูน้อยแก้มใสกำชายกางเกงแม่แน่น ดวงตาแป๋วแหววจ้องเขม็งไปที่ผู้ชายแปลกหน้าด้วยแววฉงน ‘เอ๋? ใครกันน่ะ’ แววตาของหนูน้อยเหมือนกำลังตั้งคำถามนี้ กวินทร์วางของไว้บนม้านั่งแล้วนั่งยองๆ ลงตรงหน้าเด็กหญิงกานต์พิชญา ก่อนจะอ้าแขนสวมกอดแม่หนู กว่านาทีเศษชายหนุ่มถึงจะยอมคลายอ้อมกอด “น่ารักจริงนะเรา” คนเป็นพ่อบีบจมูกลูกเล่นเบาๆ อย่างระมัดระวัง “พ่อ” เก็ตถวานั่งลงข้างๆ แล้วบอกลูกน้อยด้วยคำพูดสั้นๆ ว่าผู้ชายคนนี้คือพ่อ เธอไม่รู้ว่ายัยตัวเล็กจะเข้าใจแค่ไหน เด็กหญิงกานต์พิชญาฉีกยิ้มกว้าง ตามประสาเด็กอารมณ์ดี ก่อนที่ริมฝีปากน้อยๆ จะเปล่งเสียงพูด “แมะ หิว” มือน้อยชี้ไปที่ถุงขนมหลายถุง ทั้งพ่อและแม่มองตาม ก่อนเสียงหัวเราะของทั้งคู่จะตามมา “รู้ดีจริงนะเรา ว่าอะไรอยู่ในถุง” เก็ตถวาเอ่ยแซวลูก ใบหน้าของหญิงสาวเวลานี้เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม กวินทร์มองสองแม่ลูกสลับกันไปมา ก่อนจะเอ่ยปากชวนสาวๆ เข้าบ้าน “เข้าบ้านกันไหม แล้วนี่สองคนกินข้าวเย็นกันหรือยังครับ” “แม่ยังค่ะ แต่ลูกกินเรียบร้อยแล้ว” “งั้นดีเลย พ่อก็ยังเหมือนกัน ว่าแต่คุณแม่หิวยังครับ” แหม! พ่อแม่ลูกก็มา หัวใจดวงน้อยๆ ของคนห่างรักมานานหวั่นไหวสิคะ แต่ก็นั่นแหละค่ะ หวั่นไหวได้แต่ห้ามเทใจให้เขาเด็ดขาด ท่องเอาไว้เก็ตถวา ชายหนุ่มตรงหน้าเป็นแค่อดีต ปัจจุบันเขากำลังจะมีแฟนใหม่ เธอมีสถานะแค่แม่ของลูก และ.. น้องสาวเท่านั้น เท่านั้นจริงๆ .. “แก้มยังไม่หิวเท่าไหร่ค่ะ ว่าแต่พี่ภีมหิวหรือยังคะ” “พี่ยังไงก็ได้ แล้วต่อไปเราต้องทำยังไงต่ออ่ะ” คนที่ไม่เคยเลี้ยงเด็ก จึงเอ่ยถามออกมา ด้วยว่าไม่รู้ต้องทำยังไง “ทำยังไง อะไรเหรอคะ?” “เล่นกับลูก พาลูกไปอาบน้ำ ส่งเข้านอน หรือพาไปทำอะไร พี่ไม่เคยมีลูก ไม่เคยเลี้ยงเด็ก” เจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มที่ถอดเค้าเกี่ยวก้อยมาเป๊ะๆ เอ๊ย! ไม่ใช่สิ ต้องหนูน้อยต่างหากที่ถอดแบบเจ้าหล่อนมา ฉีกยิ้มพลางกลั้วหัวเราะ “เดี๋ยวแก้มสอน เลี้ยงลูกไม่ยากหรอก ง่ายกว่าที่พี่ภีมผ่าตัดให้คนไข้เยอะ” เก็ตถวาขยิบตาส่งให้เขา ก่อนจะจูงมือเจ้าตัวเล็กเข้าบ้าน ลูกบอลหลากสีที่ไม่รู้ว่าคนเป็นแม่ไปซื้อมาตอนไหน เพราะเขาจำได้ว่าตอนที่เจ้าหล่อนมา มีเพียงแค่กระเป๋าเป้ใบเดียว และก็มั่นใจมากๆ ว่าเธอคงไม่บ้ายัดลูกบอลมาเต็มกระเป๋าหรอก แล้วอีกอย่างลูกบอลกล่องเบ้อเร่อขนาดนี้ ยัดใส่กระเป๋าใบเล็กๆ ไม่หมดแน่นอน “เฮ้ย! เกี่ยวก้อยเล่นดีๆ สิครับ” แม่หนูหยิบลูกบอลขึ้นมา ก่อนจะโยนไปทั่วห้องนั่งเล่น นั่น! ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เด็กหญิงกานต์พิชญาหัวเราะคิกคัก แล้วยิ่งคึก โยนลูกบอลแบบถี่ๆ โดยไม่ฟังคำห้ามปรามของผู้เป็นพ่อ “ไหนว่าเลี้ยงลูกมันง่ายไงวะ” นายแพทย์หนุ่มที่ชีวิตนี้เคยแต่จัดการกับคนไข้และบรรดาสาวๆ เมื่อต้องมาจัดการกับสาวตัวน้อยๆ ที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตน ชายหนุ่มถึงกับคลึงขมับไปมาด้วยความปวดหัว เขาพึ่งรู้วันนี้นี่เองว่าการเลี้ยงเด็กมันไม่ใช่ง่ายๆ “ฮ่าๆ” แม้จะหัวเสียบ้าง แต่คนเป็นพ่อก็คลายหงุดหงิดลงได้ เมื่อเห็นลูกน้อยอารมณ์ดี๊ดี หัวเราะคิกคัก ทำตัวดี๊ด๊าเหมือนกินก***ามาทั้งสวน “เอาไงเอากัน จะโยนใช่ไหม ได้! งั้นใส่พลังให้เต็มที่เลยเกี่ยวก้อย ถ้าห้องเละเดี๋ยวให้แม่เขาเก็บ” คนที่ถือจานใส่เค้กเดินเข้ามาถึงกับชะงัก เจ้าของดวงตากลมโตหันขวับไปมองชายหนุ่มที่นั่งด้วยท่าทางสบายอารมณ์ “อะไรกันพี่ภีม ไหนบอกจะช่วยเลี้ยงไง” “ก็ช่วยเลี้ยงไง แต่ขี้เกียจเก็บอะ ฝากแก้มเก็บได้ไหม” ดู๊ดู! พาลูกเล่นซนแล้วยังจะมาโยนภาระให้คนอื่นเขาเก็บกวาดอีก “โว๊ะ! ไม่ได้ค่ะไม่ได้ นี่แก้มอุตส่าห์เอาของว่างมาเสิร์ฟเลยนะ พี่ภีมต้องช่วยแก้มเก็บสิ” คนสวยออกคำสั่ง พลางเท้าสะเอวจ้องเขาเขม็ง แหม.. ข้าน้อยต้องยอมทำตามคำสั่งของนายหญิงท่านใช่ไหมเนี่ย “คร้าบบบ ผมเก็บเองครับ” หญิงสาวคลี่รอยยิ้มสรวลออกมาอย่างพออกพอใจ เก็ตถวานั่งลงข้างๆ สองพ่อลูก ก่อนจะวางจานเค้กไว้บนโต๊ะใกล้ๆ “พี่ภีมขา แก้มฝากเกี่ยวก้อยแป๊บหนึ่งได้ไหม” “ได้สิ แล้วแก้มจะไปไหน” “แก้มจะทำขนม พอดีวันนี้พาเกี่ยวก้อยไปชอปปิงของใช้แล้วก็ซื้ออุปกรณ์ทำขนม แก้มมีรุ่นพี่ที่สนิทเปิดร้านกาแฟพอดี เลยว่าจะทำเค้กกับเบเกอรี่ส่งร้านเขาน่ะค่ะ” “อ๋อ งั้นพวกลูกบอลนี่ คงซื้อมาวันนี้สินะ” หญิงสาวมองลูกบอลหลากสีที่กระจายเกลื่อนเต็มห้อง แล้วพยักหน้าหงึกๆ เป็นคำตอบ “ว่าแต่ แก้มกับลูกไปยังไง” “แท็กซี่ค่ะ” แม้ว่าเก็ตถวาจะเคยใช้ชีวิตในเมืองกรุงหลายปี คงจะเดินทางได้ไม่ลำบากนัก แต่นั่นหมายถึงเธอคนเดียว แต่ตอนนี้มีลูก ถ้ามีรถส่วนตัวคงจะสะดวกกว่า “แก้มขับรถเป็นไหม” “เป็นค่ะ” “แล้วขับเก่งไหม” เหมือนกวินทร์จะถามผิดคน เธอนี่เรียกว่าเซียน เพราะใช้รถยนต์มาตั้งแต่ได้ใบขับขี่ แถมยังชอบล่องเหนือล่องใต้เกือบจะทุกครั้งที่เป็นวันหยุดยาวๆ หรือมีโอกาส “ก็.. พอตัวนะ” แหม! ถ่อมตัวนิดหน่อย จะได้ดูน่าเอ็นดู “งั้นเอารถพี่ไปใช้” “คะ?” เหมือนจะได้ยินไม่ถนัด แต่ก็ชัดเต็มสองรูหู “แก้มเอารถพี่ไปใช้ เวลาไปไหนมาไหนกับลูกจะได้สะดวกไง” “แล้วพี่ภีมล่ะ ไม่เอาหรอก แก้มเกรงใจ” “ไม่ต้องห่วงพี่หรอก พี่มีอีกคัน” “รวย?” ชายหนุ่มไหวไหล่ พลางตบกระเป๋ากางเกงแปะๆ ทำท่าป๋าโชว์เธอ เก็ตถวากลอกตาไปมาประมาณล้านรอบ เพราะรู้สึกหมั่นไส้พ่อคนรวยซะเหลือเกิน “เหมาทั้งโชว์รูม เงินพี่ก็ยังเหลือน้อง” “โอ๊ยเบื่อ! วางยานอนหลับแล้วปล้นเงินซะเลยดีไหมเนี่ย” “ไม่ต้องวางยา ยินยอมให้ปล้นหมดทั้งตัวครับ” รอยยิ้มและสายตาที่ชายหนุ่มมองมายังเธอ ทำให้คนที่โดนจ้องรู้สึกเขินอย่างไรก็ไม่รู้ บ้าจริง! แกห้ามหวั่นไหวกับอีตากวินทร์เด็ดขาดนะยัยแก้ม “ไม่เอาอะ เกิดพี่ภีมแจ้งความจับแก้ม แก้มก็ได้ไปกินข้าวแดงในคุกขี้ไก่สิ” ดูแม่คุณพูดเข้า ใครจะไปใจไม้ไส้ระกำแจ้งความจับคนสวยเข้าคุกได้กันเล่า ปัดโธ่! “พี่เป็นเสี่ยใจดี ไม่แจ้งความจับสาวสวยเข้าคุกหรอกน่า” “เสี่ยคะ งั้นฝากเสี่ยเลี้ยงลูกให้แก้มก่อนนะคะ เพราะตอนนี้เค้กที่อบไว้ น่าจะไหม้หมดแล้ว” คนที่นึกได้ว่าทำขนมทิ้งไว้ รีบวิ่งกลับไปที่ห้องครัว เหลือทิ้งไว้เพียงความน่ารักที่ไปกระตุกหัวใจพ่อของลูกอย่างจัง กวินทร์มองตามแผ่นของหลังหญิงสาว ใบหน้าเรียบเฉยในคราแรก ค่อยๆฉีกยิ้มกว้างออกมา “บ้าฉิบ! เป็นอะไรของแกวะไอ้ภีม”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม