บทที่2

2291 คำ
บทที่2 สายลมของปลายฤดูหนาวแผ่วพลิ้วยามราตรีกาลยังแคว้นเหอ หนึ่งในหกแคว้นใหญ่ของอาณาจักรเป่ยจิ้ง ยามนี้ท้องถนนเส้นหลักกลางเมืองนับได้ว่าเป็นทำเลทองแห่งสถานเริงรมย์ยามค่ำคืน แสงจากโคมไฟซึ่งถูกกรุด้วยกระดาษสีแดงแลดูละลานตาไปทั่วซึ่งหนึ่งในสถานเริงรมย์ที่โดดเด่นที่สุดของถนนสายนี้นั้น คงมิอาจปฏิเสธได้ว่าบุรุษส่วนใหญ่จะมิรู้จัก และมักจะชมชอบมาท่องเที่ยวผ่อนคลายในยามราตรีเช่นนี้อยู่บ่อยครั้ง นั่นก็คือ… ...หอชุนฮวา... หอนางโลมที่นับได้ว่าเป็นหนึ่งในด้านสาวงามจนแม้แต่คนจากเมืองหลวงยังมหานครเจิ้งหยาง เมืองหลวงของอาณาจักรเป่ยจิ้งยังอยากมาท่องเที่ยวสักคราในช่วงชีวิตหนึ่งของบุรุษ “โครม!” ร่างที่ถูกโยนเหมือนเศษขยะลงไปกองยังพื้นที่เต็มไปด้วยฝุ่นหนาเกรอะกรังด้วยห้องนี้เป็นเพียงสถานที่ซึ่งมีเอาไว้สำหรับเก็บข้าวของ และนอกจากนั้นยังมีเอาไว้กักขังเหล่าสตรีที่ถูกบิดามารดา หรือบางทีอาจเป็นโจรป่าจับมาขายให้กับเถ้าแก่ ‘เสิ่น’ และยามนี้ที่นอนนิ่งสนิท คงมิต้องอธิบายก็ย่อมมองออกว่าเจ้าของร่างดังกล่าวที่สิ้นสติอยู่ คงมิพ้นเป็น ‘เหยื่อ’ รายใหม่ที่นับแต่นี้ต่อไปจะต้องเป็นสมบัติยังหอนางโลมเลื่องชื่อแห่งนี้อย่างแน่แท้… “ข้าออกคำสั่งให้พวกเจ้าไปเก็บหนี้ยังบ้านของสองผัวเมียแซ่เฉินมิใช่หรอกหรือ แล้วนี่มันอันใดกันจึงติดมือกลับมาส่งมอบให้ข้าแต่เพียงหนึ่งสตรีร่างกายผอมแห้ง พวกเจ้าคิดว่าตัวข้าค้าขายมิคิดเอากำไรเช่นนั้นหรืออาเข่อ!” ชายสูงวัยอายุราวห้าสิบหนาวตอนปลาย หัวเถิก พุงใหญ่เหมือนพวกตาแก่หื่นกามทั่วไป แต่ดวงตานั้นกลับยิบหยีจนแทบปิดเหมือนดวงตาของปลาดุกมิมีผิด ดูจากโหงวเฮ้งก็รู้ว่าเป็นคนชั่วอย่างมิต้องสงสัย! “นางเด็กนี่คือลูกสาวของสองผัวเมียขอรับเถ้าแก่เสิ่น ส่วนเจ้าคนแซ่เฉินนามเซินกับเมียของมันพวกข้าหาเท่าใดก็หามิพบ คาดว่าพวกมันสองผัวเมียคงหลบหนีไปจากแคว้นเหอเสียแล้วเป็นแน่ ทว่ายามที่พวกข้าน้อยกำลังจะกลับ มิคาดคิดเจอลูกสาวของมันกับหญิงชราอีกผู้หนึ่งจึงคิดจับกลับมาให้แก่นายท่านขอรับ ส่วนยายแก่ผู้นั้นข้าน้อยเห็นว่ามิมีประโยชน์จึงสังหารทิ้ง และจัดการเก็บกวาดหมดจดตามที่นายท่านเสิ่นเคยกำชับเสมอขอรับ” ชายหน้าตาดุซึ่งเป็นนักเลงคุมหอนางโลมแห่งนี้เร่งรีบรายงานเอาหน้าทันที ถึงจะหาลูกหนี้ของบ่อนยังห้องลับของหอชุนฮวาแห่งนี้มิได้ แต่เด็กสาวผู้นี้ก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว ต่อให้ร่างกายผ่ายผอมไปสักหน่อย ทว่านำมาเลี้ยงดูขัดถูให้ดีสักหนึ่งเดือน ย่อมกลายเป็นสาวงามนางหนึ่งได้แน่นอน “เฮอะ! เจ้าช่างโง่เง่ายิ่งนักอาเข่อ ต่อให้เป็นคนแก่แต่ขายเป็นทาสยังพอได้เบี้ย แต่ลงมือฆ่าทิ้งนอกจากต้องเหนื่อยแรงขนศพไปเผาทิ้งยังได้อันใดอีก เจ้าคนโง่สมควรตาย!” ‘เสิ่นหม่า’ เถ้าแก่ใหญ่ยังหอนางโลมแห่งนี้เตรียมง้างเท้าเข้าใส่ร่างของลูกน้องที่ทำเกินหน้าที่ทันที นอกจากการเปิดหอนางโลมและบ่อนเถื่อน การค้าทาสเขาก็มิได้เว้น ขอเพียงได้เงินทอง ขนาดขายชิ้นส่วนของศพเขาล้วนทำมาแล้วทั้งสิ้น เมื่อจินเข่อแลเห็นนายตนโกรธเช่นนั้นก็เร่งทรุดลงคุกเข่าเอาศีรษะแนบยังพื้นห้องซึ่งเปรอะเปื้อนโดยมิกลัวความสกปรกโสโครกเลยแม้แต่น้อย “เสียงดังอันใดกันเถ้าแก่เสิ่น จะโมโหอันใดกันนักกันหนาเล่า เสียงดังออกปานนี้เกรงว่าคงดังออกไปถึงข้างนอกแล้วรู้บ้างหรือไม่เดี๋ยวเจ้าพวกมือปราบไร้ค่าน่าชังยังศาลในเมืองเหอพวกนั้นก็มาถล่มหอชุนฮวาของบิดาข้าให้ได้เสียชื่อเสียงกันพอดี และหากเป็นเช่นนั้น...ไม่รู้ว่าท่านพ่อของข้าจะรู้สึกโมโหกว่าเถ้าแก่เสิ่นยามนี้หรือไม่…” น้ำเสียงเอ่ยคำคล้ายล้อเล่นในตอนต้น ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังสุดช่วงท้ายประโยคของชายหนุ่ม บุตรชายคนรองแห่งจวนฟ่าน ผู้ซึ่งทั่วทั้งแคว้นเหอต่างแจ้งใจถึงทั้งอำนาจที่มากล้นและบารมีก็ล้วนท่วมหัว เพราะเขาผู้นี้มีน้าสาวเป็นถึงกุ้ยเฟยขององค์จักรพรรดิฉางตี้ และก็ย่อมมิต้องสงสัยให้มากความว่านิสัยคงร้ายกาจมากมิต่างจากผู้บิดา ฟ่านเย่คือชายหนุ่มวัยยี่สิบเก้าหนาว บุตรชายคนที่สองของฟ่านเยียน ที่เป็นเจ้าของพื้นดินกว่าหกส่วนของแคว้นเหอแห่งนี้ ซึ่งมากกว่าเจิ่งอ๋องที่ครองแคว้น แล้วยังมีกิจการหอนางโลมชุนฮวา และบ่อนซึ่งถูกซุกซ่อนเอาไว้เป็นสถานที่ลึกลับแห่งนี้ก็ล้วนมีเขาเป็นเจ้าของที่แท้จริง หาใช่เสิ่นหม่าดังที่ทุกผู้เข้าใจ แต่เพียงว่าอันกิจการหอนางโลมและบ่อนเถื่อนแห่งนี้ เป็นหนึ่งในกิจการหลักของสกุลฟ่าน ทว่ากลับถูกปกปิดโดยมีเถ้าแก่แซ่เสิ่นผู้นี้คอยเป็นผู้ดูแลกิจการทั้งหมดให้แก่ตระกูลฟ่าน ถ้าหากเกิดปัญหาทุกสิ่งชายสูงวัยผู้นี้จะรับเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียวไม่เกี่ยวกับตระกูลของเขาแต่อย่างใด ซึ่งนี่ถือว่าเป็นเรื่องปกติของผู้มีทั้งเงินและอำนาจอยู่ในมือทั้งหลายในยุคนี้ที่ต่างก็กระทำกัน ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินของแคว้นใดในอาณาจักรเป่ยจิ้ง ยามนี้องค์จักรพรรดิก็มากวัยสามวันเจ็บเจ็ดวันป่วย ต่อให้ยังมีองค์ไท่จื่อก็กลับไร้ซึ่งความสามารถ เอาแต่รักความสุขส่วนตน ลุ่มหลงแต่เพียงสุรานารีกับก่อปัญหาเช่นนี้ เหล่าขุนนางชั่วจำนวนมากจึงมีอำนาจอยู่เหนือขุนนางที่ดี ต่างเอาแต่คดโกงฉ้อฉลกันตามสะดวก และที่เดือดร้อนอย่างที่สุดคงมิอาจพ้นไปจากชาวประชาตาดำ ๆ “อ้าว..คุณชายฟ่าน วันนี้เหตุใดท่านจึงแวะมาที่นี่ได้เล่าขอรับ หรือหากคิดจะมา คุณชายก็น่าจะส่งคนมาแจ้งเช่นทุกคราว ข้าน้อยจะได้จัดเตรียมทุกสิ่งที่คุณชายฟ่านชมชอบเอาไว้รอ” เสิ่นหม่าผู้นี้นั้นกลับเปลี่ยนทั้งน้ำเสียง และท่าทางในทันที จากที่ดุดันกลายเป็นมือเท้าอ่อนไปเลยทีเดียวยามพบเจอกับบุตรชายของผู้เป็นนายใหญ่ของตนเอง…นี่แหละหนอถึงกล่าวว่าเพียงอำนาจย่อมทำคนเกรงใจได้มากกว่าความดีในยุคที่คนชั่วเรืองอำนาจโดยแท้ “ก็...ท่านพ่อของข้าให้นำพาแขกคนสำคัญของสกุลฟ่านมาเยี่ยมชมเมืองยามราตรีเล็กน้อย เถ้าแก่เสิ่นท่านก็มาทำความรู้จักไว้สักหน่อยเถิด… ท่านนี้คือคุณชายสามแห่งตระกูลหยางจากแคว้นซานซี นายท่านหยางส่งคุณชายสามมาดูการค้ายังแคว้นเรา เผื่อว่าในการข้างหน้าทั้งสองตระกูลอาจจะมาร่วมเป็นหุ้นส่วนกันก็เป็นไปได้” ฟ่านเย่แนะนำผู้ที่มากับตนเองด้วยกิริยาภาคภูมิใจที่ยามนี้บิดาวางใจให้ตนเองกระทำการแทนเขาเสียที “คุณชายสาม” เถ้าแก่ศีรษะเถิกเร่งก้มลงทำความเคารพคนรุ่นลูกทันทีอย่างมิคิดลังเลสักน้อยว่าคนตรงหน้านั้นจะมีอายุที่น้อยกว่ามากเพียงใด เพียงเพราะเงินและอำนาจบารมีช่างลดคุณค่าในตัวตนกันได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ สายตาที่เย็นชาตวัดผ่านเพียงวูบเดียวคล้ายลมพัดผ่านก็เมินมองไปทางอื่นทันทีคล้ายกับว่าเขานั้นรังเกียจตาเฒ่าชั่วช้าผู้นี้ยิ่งนัก ‘แค่มีเงินมีอำนาจก็ยินดีจะโขกศีรษะนับถือกันโดยง่ายมิต้องคิดมากทั้งสิ้นสินะ’ ซึ่งภายในใจของเขานั้นกำลังคิดว่าช่างน่าสมเพชจริงแท้ คนที่แสนหยิ่งคิดพร้อมสายตาเหยียดหยามดูแคลนอย่างยิ่ง ชายหนุ่มผิวขาวจัดกว่าชาวเป่ยจิ้งทั่วไปอยู่ถึงสามส่วน ใบหน้าคมเข้มนั้นยามนี้ก็นิ่งสนิท นัยน์ตาคู่นั้นดูดุดัน เพียงสายตาคุมดุตวัดมองผ่านไปโดยที่ไม่ต้องเอื้อนเอ่ยคำพูดใดออกไป ก็ทำเอาเถ้าแก่แซ่เสิ่นผู้พบเจอคนมามิใช่น้อยทั้งดีและชั่วถึงกับเย็นสันหลังวูบวาบเสียแล้ว …เจ้าเด็กหนุ่มผู้นี้ช่างดูมิธรรมดาโดยแท้ กลิ่นอายผู้นำช่างเข้มข้นยิ่งนัก… “คุณชายสาม ท่านนี้คือผู้ดูแลยังหอชุนฮวาของสกุลฟ่านของข้าแห่งนี้” …สถานที่รีดเลือดเชือดหนังเอาเปรียบเพื่อนมนุษย์ถึงปานนี้ ชายผู้นี้ยังกล้าจะโอ้อวดอย่างภาคภูมิใจ… ฟ่านเย่ที่หันกายไปเอ่ยกับชายหนุ่มที่ดูจะอ่อนวัยกว่าตนเองอยู่พอสมควร แต่เพราะกายของคุณชายสามแซ่หยางผู้นี้นั้นค่อนข้างสูงกว่าตนเองอยู่มิใช่น้อย ยามที่หันกายไปเอ่ยคำต่อเขา ฟ่านเย่จึงคล้ายจะปวดต้นคอเป็นอย่างมาก แต่คนถูกเรียกว่าคุณชายสามกลับทำเพียงแค่มองผ่านอีกคราว หาได้สนใจที่จะทักทายชายแก่เจ้าเล่ห์แต่อย่างใด ชายหนุ่มบุตรชายของพ่อค้าใหญ่แห่งแคว้นเหอแห่งนี้ก็มิได้คิดจะสนใจมากมาย ด้วยเพียงแค่บิดาของเขาออกคำสั่งฟ่านเย่ก็เพียงทำตามเท่านั้น อย่างอื่นคุณชายรองเช่นเขาก็มิใคร่ใส่ใจอีกทั้งสิ้น “มีคนใหม่มาบ้างหรือไม่เล่าเถ้าแก่เสิ่นเร่งจัดไปยังห้องประจำของข้าให้หน่อยเถิด อ้อ...ของข้าขอสักหลายคนเหมือนเดิมนะ แต่ขอแบบสะอาด ใสซื่อบริสุทธิ์สักหน่อย ยิ่งเด็กมากเท่าใดก็ยิ่งดีข้านั้นชมชอบนัก” ชายหนุ่มบอกความต้องการออกไป ก็เขารู้ดีว่าที่นี่เป็นมากกว่าหอนางโลมธรรมดา อย่างไรถ้าอยากสนุกกับสาวงามเขาก็ต้องมาหาเสิ่นหม่าผู้นี้ที่ชุนฮวา เพราะที่นี่ล้วนมีบุปผางดงามมากมาย อาจมากกว่าวังหลวงขององค์จักรพรรดิเสียด้วยซ้ำกระมัง “แค่ก ๆ ๆ “ ร่างเล็กที่ถูกทุบหนักมือไปหน่อย ยามแรกนางจึงหาได้เพียงสลบไปหากแต่ถึงการสิ้นชีพเลยทีเดียว ทว่ายามนี้ที่รู้สึกตัวกลับเป็นใครอีกคนที่มิใช่เฉินอิงลั่ว บุตรสาวหนึ่งเดียวของเฉินเซินและนางตู้ชิงในวัยสิบหกหนาว หากแต่เป็น... ...กิรณา... หญิงสาวผู้ถึงคราวสิ้นอายุขัยตายตกมาจากอีกยุคและอีกภพนั่นเอง และยามนี้หญิงสาวหนึ่งเดียวในห้องก็เริ่มรู้สึกตัวแล้ว กายซึ่งยังผอมแห้งเพราะฐานะนั้นยากจน แถมบิดามารดายังติดการพนันเข้าสายเลือด อาหารจึงอย่าได้หวังคิดกินจนอิ่มท้อง มีเพียงหัวเผือกหัวมันไว้กินกันตายก็นับว่ามากแล้ว เพียงเวลาสั้น ๆ ภาพของชีวิตแสนทุกข์ยากของเฉินอิงลั่วเริ่มจู่โจมเข้าหาความทรงจำที่ยามแรกยังว่างเปล่าของสตรีผู้พลัดหลงยุคพลัดหลงมิติเช่นกิรณา หรือก็คือหนูกี้นั่นเอง ...บิดาห่านมันเถิด... ว่าตายแล้วนั้นน่าตกใจ กลับหลุดมาอยู่ในร่างเด็กสาววัยสิบหกหนาวแสนยากจนข้นแค้น สวรรค์เรามีแค้นกันมากมายเท่าใดกันเล่า ท่านจึงมากมีเมตตาต่อสาวน้อยผู้อาภัพเช่นนี้ เธอ...นางสาวกิรณา นับอนันต์ ผู้ตายตกอย่างแสนอนาถเพราะข้ามถนนจนถูกรถชนจนตายเพียงอายุแค่ 21 ปี กลับมาโผล่ยังร่างของเด็กสาววัยสิบหกหนาวนามเฉินอิงลั่ว ที่ถูกพวกเจ้าหนี้ของบิดามารดาจับมาขายยังหอนางโลม เดี๋ยวนะ! ถูกขายเข้าหอนางโลม เจริญแท้นางกี้ เจริญกว่านี้คงไม่มีอีกแล้วสินะ ตั้งแต่เฉินอิงลั่วผู้นี้นางเกิดมาก็มีแต่ผู้เป็นยายที่เป็นแม่ค้าขายน้ำเต้าหู้อยู่ในตลาด และอาศัยที่ดินของสำนักศึกษาโอสถสร้างกระท่อมพอได้อยู่พักพิงกันแดดลมและต้านฝนในแต่ละวัน ส่วนบิดาและมารดาแท้ ๆ นั้น หญิงสาวแทบไม่เคยได้เห็นหน้ากันนัก ด้วยทั้งสองติดการพนันมาก ยามถูกเจ้าหนี้ไล่ตามก็จะหนีหายไปทีละนาน ๆ แต่เมื่อเดือนที่แล้วทั้งสองก็ย้อนคืนกลับมา เดือดร้อนให้ท่านยายของเฉินอิงลั่วที่เป็นที่พึ่งพิงเดียวของนางกลับต้องลำบากเพิ่มขึ้นถึงสามเท่า ด้วยว่าต้องหาเลี้ยงคนไร้ค่าเพิ่มมาอีกสองชีวิต และสุดท้ายก็กลับมาลงรอยเดิม ยามที่เป็นหนี้บ่อนเถื่อนจนไร้เงินจ่าย สองคนต่างก็หอบข้าวของหนีหาย ทิ้งให้เด็กสาวกับผู้เป็นยายเผชิญต่อเจ้าหนี้โหดกันเพียงลำพัง จุดจบสุดท้ายจึงลงเอยที่ทั้งยายทั้งหลานหมดเวรหมดกรรม หากแต่... ที่รับช่วงต่อความอับโชคอย่างถึงที่สุดก็คือ... …กิรณานั่นเอง… สลัดเป็ด! …ท่านเสียงลึกลับ คุณหลอกดาวมากมาย…
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม