นี่ก็ผ่านไปราวสองอาทิตย์แล้ว ที่เธอกลายเป็นซูเจิน...นี่คือปีหนึ่งแปดหนึ่งศูนย์
โทนของบ้านเมืองนั้นดูสวยงามและแปลกตามากทีเดียว หรืออาจจะเป็นเพราะว่านี่คือโลกในนิยายกันนะ มันถึงได้สวยงามขนาดนี้
นิยาย...อีโรติกดราม่า ร้อนแรงที่อ่านไปเช็ดเลือดกำเดาไป
เธอย้อนเวลามาก่อนที่ซูเจินจะได้แต่งงานกับคุณลู่ที่รักของเธอ
ในนิยายเรื่องนี้...แน่นอนว่าเธอไม่ได้กรี๊ดพระเอกเลย พระรองก็ไม่ใช่ เพื่อนนางเอกก็ไม่สนใจ
คนที่สามารถเรียกได้ว่าเขานั้นคือแดดดี๊ไม่ได้แปลว่าพ่อ นั่นคือคุณลู่...ที่ดันไปหลงรักซูเจินจนหมดหัวใจ
ซูเจินยกมือขึ้นมาเพื่อปิดปากที่กำลังจะกรีดร้องออกมา
อาทิตย์เดียว อาทิตย์หน้าเท่านั้นเราจะไปตัดชุดแต่งงานด้วยกัน และคราวนี้แหละ...เธอจะได้เห็นหน้าตาของคุณลู่สักที
"เรียวคิ้วขมวดปม จ้องมองไปยังใบหน้าที่งดงามจนแทบลืมหายใจของซูเจิน จมูกโด่งเป็นสันของเขาคลอเคลียอยู่กับพวงแก้มของเธอด้วยความหลงใหล ริมฝีปากบางกระซิบที่ข้างใบหูอย่างแผ่วเบา ว่าเขาต้องการที่จะครอบครองเธอสักครั้ง แน่นอนว่านี่ไม่ใช่การบังคับแต่ทว่ามันคือการร้องขอ"
อ๊ากกกก!!!
เมื่อไหร่จะถึงวันนั้นกันนะ นี่เธอตั้งตารอคอยไม่ไหวแล้ว!!
ไม่เป็นไรแล้วนะคะคุณลู่ ครั้งนี้ฉันจะไม่มีทางทำให้คุณต้องเจ็บปวดอีกแล้ว ความรู้สึกที่มากมายของคุณที่มีต่อซูเจิน ฉันคนนี้จะเป็นคนตอบรับเอาไว้เอง
ฉันคอยเป็นแสงตะวันที่คอยให้ความอบอุ่นให้แก่คุณ ขอให้คุณมีความสุขมากๆนะคะ
เรามาจับมือเพื่อเดินข้ามผ่านความเจ็บปวดไปด้วยกันนะ
"ได้เวลารับประทานอาหารแล้วค่ะคุณหนู นายหญิงรออยู่ด้านล่างแล้วค่ะ"
ปัญหาเรื่องที่นี่ มันคือปัญหาที่ไร้หนทางแก้ไขจริงๆ
ซูเจินทำได้เพียงถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
ที่นี่คือนรกโดยแท้... ถ้าเลือกได้คนที่เธอไม่อยากพบเจอมากที่สุดน่าจะเป็นเยว่ซิน แม่ของซูเจินนี่แหละ
แม่ทุกคนคือโลกทั้งใบของลูก สำหรับซูเจินแม่ไม่ใช่แค่โลกทั้งใบแต่แม่คือทั้งชีวิต แม่ที่เป็นทั้งชีวิตกำลัง...หลอกใช้ความรักของลูกสาวเพื่อทำร้ายคนที่เธอต้องการ
นั่นสามารถเรียกว่าแม่ได้ด้วยอย่างนั้นหรือ?
"อาเจิน รีบมานั่งข้างแม่เร็ว วันนี้ที่ตลาดมีกุ้งแดงตัวใหญ่มาก แม่ให้พ่อครัวนำไปนิ่งในแบบที่ลูกชอบ รีบมาทานตอนที่ยังร้อนๆเถอะนะ"
เธอเลือกที่จะส่งยิ้มให้เย่วซิน
ไม่สามารถทอดทิ้งผู้หญิงคนนี้ได้ในตอนนี้เพราะงานแต่งระหว่างเธอและคุณลู่ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากคุณแม่ก่อน
รอให้เรื่องราวมันเข้าที่เข้าทางก่อนเถอะ เธอจะต้องคุยกับสตรีตรงหน้าให้ได้เลย ว่าทำไมถึงได้แสดงละครได้อย่างแนบเนียนซะเหลือเกิน
"ทางร้านจะส่งผ้ามาให้ลูกเลือกก่อน ลูกอยากจะได้ชุดแบบไหนเป็นพิเศษรึเปล่าซูเจิน?"
เธอคีบข้าวใส่ปากพร้อมกับส่งยิ้มให้มารดาอีกครั้ง
"ไม่ค่ะ ไม่มีแบบไหนที่ลูกต้องการเป็นพิเศษเลย"
ขอแค่ได้ออกไปจากที่นี่ แบบไหนก็ได้ทั้งนั้น
"เพล้ง!!!"
"งานแต่งอย่างนั้นหรือ? ใครอนุญาตกัน อยากเป็นนักไม่ใช่รึไงผู้นำตระกูลน่ะ แล้วจะมาให้ซูเจินแต่งออกไปได้ยังไงกัน"
ขวดวิสกี้ราคาแพงถูกเควี้ยงมายังโต๊ะทานข้าวที่ซูเจินกำลังนั่งอยู่
มีหญิงสาวที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอสองคนกำลังประคองพ่อของเธอเดินมานั่งที่โต๊ะ แน่นอนว่าเขาดึงหนึ่งในหญิงสาวสองคนนั่นขึ้นมาตระกองกอดเอาไว้
"ซูเจินลูกขึ้นไปทานบนห้อง..."
"จะไปไหน พ่ออยู่ตรงนี้ งานการก็ไม่เคยทำวันๆทำแต่เรื่องเดือดร้อนให้ต้องตามแก้ แกยังคิดว่าจะหวังให้คนดีๆอย่างคุณลู่รับเป็นภรรยาอย่างนั้นเรอะ!!"
ซูเจินถอนหายใจ
"ทำไม..กันคะ"
ตอนนี้สายตาของคนทั้งห้องล้วนแล้วแต่หันมามองซูเจินเป็นตาเดียว อาจจะเป็นเพราะในยามปกติ ซูเจินไม่เคยกล่าวคำใดออกมาแม้แต่คำเดียวยามที่พ่อของเธอด่า
วันนี้มันก็เลยดูแปลกมากทีเดียวเมื่อเธอกล่าวเถียงออกมา
"พ่อน่ะ ทำไมไม่หย่ากับแม่ไปซะล่ะคะ พ่อพาผู้หญิงอื่นเข้ามาทุกวัน พาเข้ามาเพื่อให้หนูกับแม่เจ็บปวด!!! แล้วพอหนูจะออกไปจากที่นี่พ่อยังมีหน้ามาห้ามอีกอย่างนั้นหรือคะ?"
"เพล้ง!!"
ไม่ต่างจากที่คิดสักเท่าไหร่ เพราะตอนนี้ถ้วยจานบนโต๊ะถูกทุบและทำลายลงโดยฝีมือของท่านพ่อที่กำลังโมโห
"นี่แกกล้า!!"
"ใช่..หนูกล้า มีเหตุผลอะไรที่หนูจะต้องกลัว....คนขี้แพ้แบบพ่อด้วย"
ซูเจินเลือกที่จะพาตัวเองเดินออกมาจากตรงนั้น เธอหยิบกระเป๋าถือพร้อมกับเดินออกไปข้างนอกโดยมีถิงถิงคอยวิ่งตาม
"คืนนี้ฉันสามารถ นอนข้างนอกได้ไหม?"
"แน่นอนค่ะคุณหนู อยากพักที่ไหนดีคะ"
อีกเรื่องที่เรียกได้ว่าเป็นความชินชา นั่นก็คือในบ้านตระกลูซู ไม่มีใครพูดกับเธอเลย หรือจะเรียกให้ถูก ไม่มีใครกล้ามองหน้าเธอด้วยซ้ำ นอกจากถิงถิงคนเดียว
อยู่ที่นั่นก็ไม่มีใครคุยด้วย ออกมาอยู่ข้างนอกสักสามสี่วันให้ใจเย็นลงหน่อยแล้วค่อยกลับไปสู้ต่อ นั่นน่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดในตอนนี้...
สายลมแรกของฤดูหนาวได้พัดผ่านเธอไป แน่นอนว่าความหนาวเย็นนั้นทำให้เธอรู้สึกแสบผิวไปหมด
สิ่งที่คาดคิดเอาไว้แล้ว...ยังไม่ได้ครึ่งกับสิ่งที่ต้องเจอเลย
เพราะเมื่อเธอเดินเข้ามาในโรงแรม สายตาทุกคู่ก็มองมาด้วยแววตาที่แสนรังเกียจ ใช่แล้วนี่ล่ะเรื่องปกติเลย
ถึงกับมีข่าวลือว่าซูเจินเป็นคนโรคจิตที่ใช้ชีวิตคนในการหาความสุข...
มัน...ไม่ใช่ข่าวลือ แต่ทว่านั่นคือเรื่องจริงเลยล่ะนะ
ซูเจินฆ่าคนจริงๆ เธอคือคนสารเลวที่ไม่สมควรได้รับการให้อภัย แต่เธอก็ดูน่าสงสารไม่น้อยที่มีชีวิตเช่นนั้น
ถึงแม้ว่าซูเจินจะมีจิตใจโหดเหี้ยม แต่ตัวเธอก็รู้ดีว่าในใจของซูเจินนั้นยังเป็นเด็ก นางโหยหาความรักจากทั้งพ่อแล้วแม่ โหยหาการที่จะได้รักใครสักคน
อยากให้มีใครสักคน...ยื่นมือมาหาเพื่อนำพานางออกไปจากนรกที่เรียกว่าตระกูลซู....
"จะทานอะไรสักหน่อยไหมคะ เมื่อครู่คุณหนูยังมิได้ทานอะไรเลย"
การเป็นซูเจินไม่ได้ง่ายเลย เพราะต้องรับมือจากสายตาแห่งความเกลียดชังพวกนั้น เธอไม่ได้ทำแล้วยังไงล่ะ ในเมื่อตอนนี้เธอคือซูเจิน
เธอย่อมต้องแบกรับผลของการกระทำในอดีต ของเจ้าของร่างคนเก่าอยู่แล้ว...
ฉันน่ะ...จะไม่เป็นไรหรอกนะ ต่อให้คนพวกนั้นจะด่าทอฉันมากแค่ไหน
ฉันก็ทนได้...
ขอเพียงให้ฉันได้อยู่กับคุณก็พอค่ะคุณลู่
ฉันมาที่นี่ก็เพื่อรักคุณ