เนิ่นนานที่ผิวน้ำหยุดกระเพื่อม ไร้เกลียวคลื่น ปราศจากการขยับไหว
สตรีริมตลิ่งนามซิวอิ๋งยืนนิ่งเพ่งมองอย่างแปลกใจ ครู่ใหญ่ผ่านไป รอยยิ้มพลันแสยะบนดวงหน้า
นางปีศาจจอมยั่วยวนซิงเยว่ตายแล้ว ข้าจะได้รับใช้ใกล้ชิดนายน้อยหลิวแต่เพียงผู้เดียว หึ!
ซิวอิ๋งรีบมองซ้ายมองขวา มองฝ่าความืดมัว พบว่ารอบด้านไม่มีใครเดินผ่านไปมาทั้งนั้น
หึหึ! เช่นนี้ ต่อให้เกิดสิ่งใดย่อมไม่มีใครรู้ทั้งสิ้น
ซิวอิ๋งฉลาดพอที่จะไม่ให้สถานที่แห่งนี้เหลือหลักฐาน นางรีบรุดไปที่ตำแหน่งตรงรอยเท้าของซิงเยว่ลื่นไถลเมื่อครู่
ตรงนี้มีร่องรอยที่ทำให้เกิดความสงสัย หญิงสาวรีบจัดการเกลี่ยผิวดินทันที ไม่นานผิวดินที่เป็นหลักฐานชั้นดีพลันเรียบสนิท ไม่มีอันใดน่าสงสัยเลยสักนิด กว่าจะมีใครคิดว่าซิงเยว่หายไปทางใด ยิ่งไม่มีใครสงสัยเกี่ยวกับสระบัว กว่าผู้คนจะรู้ตัว ซิงเยว่ย่อมกลายเป็นศพลอยขึ้นอืดโน่นแล้ว
สระบัวแห่งนี้ค่อนข้างกว้างใหญ่มาก หากศพลอยขึ้นผิวน้ำในอีกสองสามวันข้างหน้า คงลอยไปอีกฝั่ง ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุอันเป็นด้านหลังเรือนพักแห่งนี้แน่นอน
นางที่กำลังหลับใหลอยู่ในห้องมิได้ออกไปทางใดย่อมไม่ถูกสงสัยอยู่แล้ว หึหึ!
ลมราตรีโชยหวิว รอยยิ้มซิวอิ๋งยิ่งนานยิ่งเยือกเย็น
ทว่าหารู้ไม่ ว่าใครบางคนมีรอยยิ้มที่เลือดเย็นยิ่งกว่า
ในม่านน้ำไร้ผิวคลื่น ซิงเยว่อำพรางกายเงียบเชียบ นางค่อยๆ โผล่ขึ้นมาช้า ๆ เห็นเพียงแววตาอำมหิตวาบผ่าน
ยามนี้หญิงสาวมิต่างจากปีศาจภูตพรายใต้ม่านวารี
นางมิรู้เช่นกันว่าเหตุใดตนเองถึงดำน้ำได้นานนัก หากแต่ความสงสัยนั้นพลันถูกปัดให้ตกไป เพราะนางกำลังสนใจทำสิ่งอื่นมากกว่า
ฝ่ามือน้อยๆ ค่อยๆ ยื่นขึ้นมาจากใต้น้ำ ดุดันฉับไว แต่เงียบงันไร้สุ้มเสียง ดุจดั่งอสรพิษชนิดร้ายกาจตัวหนึ่ง
พริบตานั้น ซิงเยว่ก็กำข้อเท้าของซิวอิ๋งไว้แน่น เล็บแหลมคมมิต่างจากเล็บเหยี่ยวเหนี่ยวรั้งแล้วฉุดกระชาก ลากร่างของซิวอิ๋งให้ล้มทั้งยืนลื่นไถลลงน้ำทันที
“อ๊ะ! อึก”
เสียงร่างบางตกกระแทกพื้นดินดังเพียงอึดใจก็เงียบหายไป มิต่างจากลมราตรีโชยวูบผ่าน
ใต้ม่านน้ำ ซิวอิ๋งเบิกตาตะลึงลาน ร่างทั้งร่างชะงักงัน
ฝ่ายซิงเยว่นั้น มือหนึ่งรวบลำคอของซิวอิ๋งกำแน่น อีกมือหนึ่งจับศีรษะของซิวอิ๋งแล้วกดลงน้ำให้ลึกลงเรื่อยๆ ทั้งยังลากอีกฝ่ายให้ลอยจากริมตลิ่ง ไกลออกไป
หญิงสาวประดุจมัจฉาตัวเขื่องน่าขยาดที่ต้องการลากเหยื่อลงมาขย้ำแล้วกลืนกินมิให้เหลือซากภายใต้ม่านน้ำ
ไม่นาน เหยื่อโชคร้ายพลันกลายเป็นอาหารอันโอชา ถูกนางปีศาจวารีสูบวิญญาณจนแน่นิ่งจมดิ่ง...
สองวันต่อมา ศพของซิวอิ๋งก็ลอยอืดขึ้นมาให้เห็นตรงข้างใบบัวในสระฝั่งบูรพา
ไม่มีใครรู้ สาวใช้นางนี้ตายได้อย่างไร...
เมื่อซิงเยว่ผู้นอนร่วมห้องถูกพ่อบ้านเรียกไปไต่ถาม นางก็ทำหน้าซื่อตาใส ปฏิเสธเสียงเบาหวิวว่า
“บ่าวไม่รู้เจ้าค่ะ คืนก่อนหลังจากปรนนิบัตินายน้อยเสร็จแล้วกลับมาก็ไม่เห็นซิวอิ๋งแล้ว บ่าวนึกว่าอีกฝ่ายคงไปคุยเล่นกับสาวใช้อีกห้องหนึ่ง เห็นพวกนางสนิทสนมกันดี ผิดกับท่าทีที่มีต่อบ่าว พวกนางคงนอนด้วยกัน มิคิดว่า...”
ขณะเอ่ยยังทำไหล่สั่น เค้นน้ำตาออกมาสองหยด ท่าทางของซิงเยว่ไม่ต่างจากลูกกวางน้อยตื่นกลัวเลยสักนิด
นัยน์ตาที่สะท้อนแสงเทียนสีนวลมีน้ำปริ่มเอ่อคลอ ท่าทางอ่อนแอบอบบางเสียจนบุรุษใดมาเห็นก็นึกอยากปกป้องถนอมไว้
สาวใช้อีกคนที่อยู่ร่วมห้องเดียวกันกลัวจนลนลานจึงรีบเออออ “ใช่ๆ บ่าวก็คิดเช่นเดียวกับซิงเยว่เจ้าค่ะ”
ซิงเยว่จึงหันมองคนร่วมห้องอย่างเห็นอกเห็นใจกันและกัน ก่อนหันมองพ่อบ้านเหิงด้วยสายตาตัดพ้อน่าสงสาร
เนตรงามฉ่ำชื้นดุจบุปผาบอบช้ำนั้นทำคนรู้สึกอยากโอบอุ้มยิ่งนัก พ่อบ้านเหิงให้รู้สึกเวทนาขึ้นมาครามครัน พลันคิดว่าไม่ใช่ฝีมือของซิงเยว่แน่นอน ต่อให้ก่อนหน้านั้นอีกฝ่ายเคยตีม่านเหนียงก็ตาม
สตรีแน่งน้อยอ่อนแอบอบบางทั้งน่าสงสารนางนี้ แม้แต่แรงเชือดไก่คงยังไม่มีกระมัง จะถึงขั้นฆ่าคนได้อย่างไร คงแค่มีนิสัยโมโหร้ายเท่านั้น ไม่มีทางทำร้ายใครถึงตายแน่ๆ
พ่อบ้านเหิงครุ่นคิดจนได้ข้อสรุป เขาจึงถอนหายใจ “เอาล่ะ! หยุดร้องไห้เสีย เจ้าออกไปเถิด ให้คนอื่นเข้ามา”
“ขอบคุณท่านพ่อบ้านผู้เปี่ยมเมตตา ทรงคุณธรรม” ซิงเยว่ยกมือปาดน้ำตาเบาๆ ค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วเดินจากไปด้วยท่าทางบอบบาง สายตาโศกเศร้าชวนปวดใจ
หลิวไท่หยางที่นั่งนิ่งรับฟังและรับรู้ทุกการสอบสวนในตำแหน่งประธานโถงถึงกับมุมปากกระตุก
ยิ่งเห็นมารยาสาไถยอันกลิ้งกลอกไม่ต่างจากจิ้งจอกก็ยิ่งมั่นใจในความคิดตน
แม้มิรู้ว่าสาวใช้ผู้นั้นทำสิ่งใดให้ซิงเยว่โกรธเคือง หากแต่เขารู้จักซิงเยว่ดีกว่าใคร
ไม่เสียชื่อที่เป็นถึงนายหญิงแห่งค่ายโจรจันทราแดง โหด โฉด เถื่อน เลือดเย็น นิยมการเข่นฆ่าอำมหิตอำพราง
อาวุธประจำกายของนางหาใช่ดาบกระบี่หอกธนู แต่กลับถนัดที่สุดคือฆ่าคนด้วยมือเปล่า
แน่นอนว่าซิงเยว่ไม่นิยมทำร้ายใครก่อน ยิ่งไม่ฆ่าคนโดยไร้เหตุผล ต่อให้ความจำเสื่อม สูญสิ้นวรยุทธ มิรู้ตัวตน
แต่สตรีที่ร้ายที่สุดล้วนเป็นนางนั่นล่ะ!
ชายหนุ่มตัดสินใจลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางเกียจคร้าน โบกมือเบาๆ กล่าวเสียงเนือยว่า “ไม่ต้องสอบสวนแล้ว จัดการฝังศพให้ดี แจ้งไปทางครอบครัวของสาวใช้นางนี้ แล้วมอบเงินให้มากหน่อย ดูแลครอบครัวอย่าให้ตกหล่น”
พ่อบ้านเหิงได้ยินพลันให้รู้สึกเหมือนยกภูเขาลูกใหญ่ออกจากอก อันที่จริงแค่ทาสคนหนึ่งตายไปไม่นับเป็นอันใด มิใช่ว่าไม่เคยมีใครถูกโบยตายเสียหน่อย
เพียงแต่ยามนี้มีนายน้อยมาพำนักพักผ่อน จะมิให้เขาตื่นตระหนกลนลานจนต้องลุกขึ้นมาจัดการไต่สวนอย่างเป็นขั้นเป็นตอนได้อย่างไร
หากเป็นยามปกติ แค่สาวใช้ต่ำต้อยพลัดตกน้ำตาย เขาแค่สั่งให้คนห่อศพเอาไปทิ้งที่สุสานร้างก็สิ้นเรื่องแล้ว ไหนเลยจะต้องเรียกคนมาสอบถามเช่นนี้ ยิ่งไม่มีทางสนใจหรือดูแลครอบครัวให้ เสียเวลาจริงๆ