“ดีน่ะสิคะ พี่เขมจะได้เพิ่มพูนความรู้”
“อยากให้พี่ไปไกลๆ เหรอครับ”
“เปล่าสักหน่อย แต่เพื่ออนาคตของพี่เขมนะคะ อีกอย่างต่อไปพี่เขมต้องเป็นผู้บริหาร สืบทอดกิจการของเรา พี่เขมได้ไปเรียนต่อ ไปหาประสบการณ์ ดอกแก้วว่าดีนะคะ”
“พี่ไม่อยากไปเลย อยากอยู่ใกล้ๆ ดอกแก้ว”
“แน้... ทำมาเป็นปากหวาน พอไปเจอสาวๆ ที่เมืองนอก อาจจะลืมดอกแก้วก็ได้”
“พี่ไม่มีวันลืมดอกแก้วหรอกครับ เพราะในหัวใจของพี่ มีเพียงดอกแก้วคนเดียวเท่านั้น” เขาพูดอย่างจริงจังและจริงใจ การะบุหนิงยิ้มหวานให้เขา เชื่อว่าเขมินทร์ไม่ใช่คนเจ้าชู้คบผู้หญิงไม่เลือกหน้า เพราะที่แล้วๆ มาเขามีเพียงแค่เธอคนเดียวจริงๆ
“ดอกแก้วเชื่อใจพี่เขมค่ะ แต่เพื่ออนาคต พี่เขมก็ได้ทำงานหาประสบการณ์แล้ว พอศึกษาต่อกลับมาก็จะได้นำกลับมาประยุกต์ใช้กับงานอีก บางทีอาจจะมีแนวคิดใหม่ๆ หรือแนวคิดด้านอื่นๆ ที่จะพัฒนาบริษัทของเราให้ดีขึ้น”
“พี่ก็คิดแบบนั้นครับ ตอนเรียนจบใหม่ๆ พี่เองก็อยากทำงานก่อน คุณพ่อคุณแม่ก็เห็นด้วย ทำงานแล้วไปเรียน เรียนแล้วกลับมาทำงาน ถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิต ที่จะทำให้เราได้เรียนรู้ พี่ว่าดีกว่าเรียนอย่างเดียว ไม่เคยทำงานจริงๆ การทำงานทำให้พี่ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง ทั้งปัญหา แนวทางแก้ไข การตัดสินใจ การวางแผน คุณพ่อของพี่กับคุณพ่อของดอกแก้วให้พี่ทำทุกอย่างและเรียนรู้ทุกอย่าง เวลามีปัญหาขึ้นมาจริงๆ ก็ให้แก้ไขกันจริงๆ ให้ลงมือทำ พี่จึงเข้าใจเรื่องงานตั้งแต่เล็กๆ จนถึงตอนนี้ พอมีปัญหาขึ้นมา ไม่ใช่เอาแต่สั่งให้คนอื่นไปแก้ แต่เราเรียนรู้ว่าควรแก้ตรงไหน ผิดพลาดอะไรขึ้นมา เราจะได้แก้ไขได้ทัน”
“พี่เขมเก่งนี่คะ”
“ชมกันเองแบบนี้ พี่คงลอยล่ะครับ พี่ไม่ได้เก่งขนาดนั้น”
“แต่สำหรับดอกแก้ว พี่เขมคือฮีโร่ในใจของดอกแก้วเสมอค่ะ”
“น่ารักแบบนี้ ต้องให้รางวัลแล้วสิครับ”
“รางวัลอะไรคะ”
“ก็...” เขมินทร์ตบมือสามครั้ง ก่อนที่เสียงไวโอลินจะดังขึ้น การะบุหนิงหันไปมองนักดนตรีที่สีไวโอลินได้เพราะจับใจ เขาเดินมาหยุดอยู่หน้าโต๊ะ ทำให้เธอหันไปสบตากับเขมินทร์ เขายิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน บรรยากาศโรแมนติกแบบนี้ หัวใจสาวพองโตคับอก ยิ่งเป็นสิ่งที่เขมินทร์ทำ ก็ยิ่งทำให้เธอมีความสุขเกินบรรยาย
นักดนตรีสีไวโอลินจบก็คำนับให้เธอกับเขา การะบุหนิงกล่าวขอบคุณเขาอย่างอ่อนหวานน่ารัก ก่อนที่เขมินทร์จะพาคู่หมั้นสาวไปดูหนังแล้วขับรถกลับบ้าน
“หนังสนุกไหมครับ”
“สนุกค่ะ”
“พี่ขอโทษนะครับ ให้ประณตจองให้ ได้รอบดึกแบบนี้ ดอกแก้วอาจจะง่วง”
“พี่เขมดูตาดอกแก้วสิคะ ง่วงเหรอแบบนี้” เธอยื่นหน้ามาหาเขา ดวงตาสดใสอ่อนหวานของเธอทำให้เขามองอย่างเผลอไผล คนที่เพิ่งรู้ตัวว่ายื่นหน้าเข้าไปใกล้เขาจนเกินไป รีบก้มงุดหน้าแดงเรื่อแล้วเดินหนี
“เดี๋ยวสิครับ” เขมินทร์ดึงมือเล็กๆ มากุมเอาไว้ ก่อนจะเดินเคียงข้างไปกับเธอ
“พี่ชอบให้ดอกแก้วทำแบบนั้น”
“แบบไหนคะ” เธอแกล้งไขสือ
“แบบเมื่อกี้ไง” เขมินทร์ดึงร่างน้อยเข้ามา กระตุกทีเดียวเธอก็มาอยู่ในอ้อมแขน แผ่นหลังบางแนบกับกำแพงอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเขาอยู่ห่างกับเธอแค่คืบ
“พะ... พี่เขม” ลมหายใจของการะบุหนิงสะดุดเมื่อเขากักเธอเอาไว้ในวงแขน ใบหน้าของเขาใกล้กับเธอจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าว ดีที่ตรงนี้เป็นมุมหนึ่งของโรงหนังที่ไม่มีใครสนใจ
“พี่อยากให้เราใกล้ชิดกันแบบนี้” น้ำเสียงของเขาทำให้เธอตัวสั่น การะบุหนิงก้มหน้างุดเมื่อรำลึกได้ว่าเธอเองก็ยื่นหน้าไปใกล้เขาแบบนี้ ทำไมตอนนี้เขมินทร์ช่างถึงเนื้อถึงตัวและรุกหนักเหลือเกิน เมื่อก่อนเขาทิ้งระยะห่างเป็นคู่หมั้น เป็นพี่ชาย และเป็นเพื่อนที่แสนดี แต่ตอนนี้เขาทำให้เธอหวาดหวั่นเหลือเกิน
“คนดี ตัวสั่นเชียว กลัวพี่เหรอครับ” เขมินทร์กระซิบถามอย่างเอ็นดู เขาไม่คิดจะลวนลามหรือทำให้เธอตื่นตกใจในที่แบบนี้ แค่อยากใกล้ชิดและแกล้งคนขี้อายเท่านั้น
“พี่เขมไม่เคยเป็นแบบนี้”
“พี่จะจีบดอกแก้วอย่างจริงจังแล้วนะ เตรียมรับเอาไว้ให้ดีล่ะ”
“พะ... พี่เขม” เธอเอ่ยชื่อเขาอย่างตกใจ
“ทำไมครับ”
“ก็... เอ่อ ก็... ก่อนหน้านี้ไม่เรียกว่าจีบเหรอคะ”
“ก่อนหน้านี้เรียกว่าทำความรู้จัก...”
“ทำความรู้จักเหรอคะ” เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างงุนงง
“ทำความรู้จักกับความรักยังไงล่ะครับ”
“พี่เขม” เธอรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงจนแทบโลดออกมาจากอก เขาทำให้เธอไม่เป็นตัวของตัวเอง
“ไปเถอะครับ” เขากระซิบบอก ก่อนจะดึงเธอออกจากกำแพงตรงนั้นและพาเธอไปที่รถ การะบุหนิงกล่าวขอบคุณเบาๆ เมื่อเขารัดเข็มขัดนิรภัยให้เช่นเดิม เขมินท์อดใจไม่ไหว เขากัดปากอิ่มสวยของเธอเบาๆ ก่อนจะประทับจุมพิตที่หน้าผากเนียน การะบุหนิงก้มหน้างุด
“พี่ไม่อยู่แล้วคงคิดถึงดอกแก้วมาก”
“เราโทรคุยกันได้นี่คะ ได้ยินเสียงด้วย ไลน์คุยกันก็ได้ เดี๋ยวนี้สะดวกดีออกค่ะ”
“พี่สัญญาว่าไปที่โน่นจะโทรหาทุกวัน”
“ไม่เอาค่ะ ไว้เวลาพี่เขมว่างดีกว่า เผื่อติดธุระหรือยุ่งไม่ได้โทรมา ดอกแก้วอาจจะผิดหวังก็ได้”
“งั้นสัญญาว่าพี่จะหาเวลาโทรหาให้บ่อยที่สุด”
“แบบนี้โอเคค่ะ เพราะดอกแก้วเองไม่แน่ใจว่าพี่ว่างตอนไหน”
“เอาไว้พี่จะบอกตอนไปถึงที่โน่น” เขมินทร์รั้งต้นแขนของเธอเอาไว้ ก่อนที่เธอจะลงจากรถ
“คะ พี่เขม”
“ราตรีสวัสดิ์นะครับ”
“ค่ะ ราตรีสวัสดิ์เช่นกันค่ะ”
“อยากไปส่งถึงหน้าห้องนอน”
“ไม่เอาหรอกค่ะ เดี๋ยวโดนรังแก” เธอย่นจมูกใส่
“อุ๊ย!” ร่างเล็กโดนดึงกลับมาหาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ริมฝีปากร้อนจะประทับลงบนแก้มนวล
“พี่เขม”
“ชื่นใจจังครับ นอนหลับฝันดีนะครับ อย่าลืมฝันถึงพี่ล่ะ”
“ไม่ฝันถึงหรอกค่ะ” เธอรีบเปิดประตูรถออกไปด้วยความอาย เขมินทร์ลดกระจกรถลง โบกมือให้เธอ
“ฝากกราบคุณลุงกับคุณป้าด้วยนะครับ”
“ค่ะ” เขมินทร์ยิ้มกว้าง มองร่างกลมกลึงที่เดินเข้าบ้านไปเรียบร้อยแล้ว จึงขับรถกลับบ้านของตัวเองที่อยู่รั้วติดกัน
มีความสุขจริงนะนังดอกแก้ว คอยดูเถอะ ฉันจะทำให้แกตกสวรรค์
บุษราที่แอบมองอยู่บ้านฝั่งตรงข้าม มองมาด้วยความริษยา
การะบุหนิงลอบมองคนข้างๆ ที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาขับรถด้วยความรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ ปกติเขมินทร์ไม่ใช่คนเงียบขรึมแบบนี้ โดยเฉพาะกับเธอ เขาจะยิ้มแย้มเอาใจอยู่เสมอ เธอกำลังคิดกังวลไปว่าเขาอาจจะเครียดเรื่องงานก็เป็นได้
“พี่เขมมีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าคะ ดอกแก้วพอจะช่วยอะไรพี่ได้บ้างหรือเปล่า” เธอถามอย่างห่วงใย
เงียบ... เขายังเงียบจนน่าใจหาย ทำเหมือนไม่ได้ยินที่เธอพูดเลยสักนิด
“พี่เขมคะ นี่ไม่ใช่ทางกลับบ้านนี่คะ” เธอหันมองหน้าเขาด้วยความสงสัย แม้วันพรุ่งนี้จะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ของเธอที่เวียนมาบรรจบอีกรอบ แต่เขาก็ไม่เคยพาเธอไปไหนไกลจากบ้าน ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ใหญ่
“พี่เขมคะ” ยิ่งเขาไม่พูด เธอก็ร้อนใจ
“พี่ขออนุญาตคุณลุงกับคุณป้าของดอกแก้วแล้ว จะพาไปเที่ยววันหยุด”
“แล้วคุณพ่อคุณแม่ก็ยอมเหรอคะ” เธอถามอย่างแปลกใจ จริงๆ แล้วการไปเที่ยวกับเขา เธอก็ไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร เพราะเขมินทร์ดูแลเธอดีมาตลอด ไปกับเขาเธอหายห่วง เพราะเขาจัดการเรื่องต่างๆ เอาไว้อย่างเรียบร้อย โดยที่เธอไม่ต้องทำอะไรเลย
“เราโตแล้วไม่ใช่เหรอ แถมยังเป็นคู่หมั้นกันด้วย ดอกแก้วลืมไปแล้วหรือไง” น้ำเสียงของเขาดูเคร่งเครียดจนการะบุหนิงนึกเกร็ง
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ ปกติคุณพ่อคุณแม่ เอ่อ...” เธออึกอัก
“ไม่อนุญาตใช่ไหม” เขาพูดเสียเอง