หลายวันต่อมา
ฉันยังคงทำงานปกติไม่ค่อยได้ลงพื้นหรอกบางศพเท่านั้นที่จะได้ออกไปข้างนอก เห้อ~ การอุดอู้อยู่แต่กับศพและห้องสี่เหลี่ยมที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์การแพทย์
“วันนี้เลิกเร็วหมอตาวไปไหนมั้ยครับ?” ผู้ช่วยฉันถาม
ฉันเคยบอกชื่อผู้ช่วยฉันไปหรือยัง?
ถ้ายังจะบอกให้ชื่อ ‘ดิว’ ถือว่าเป็นบุคคลที่ทำงานกับฉันมานานที่สุดแล้วเพราะที่ผ่านมาบางคนก็กลัวศพ กลัวผี และกลัวฉัน บางคนก็คิดว่าฉันบ้าเลยไม่อยากร่วมงานด้วย
“...”
“เอ่อ อ่อ! วันนี้มีการพิจรณาคดีสาวที่ถูดข่มขืนด้วยนะครับ คนนั้นที่เราเจอสร้อยในคอน่ะ”
“...” อ่า คงจับได้แล้วสินะแต่ฉันว่าคงไม่ติดคุกหรอกเพราะอะไรทุกคนรู้ดี อำนาจของเงินมันน่ากลัว
“เห็นว่า...ไม่สามารถจับเพราะว่าหลักฐานไม่เพียงพอแต่สร้อยที่เราเจอนั่นเป็นหลักฐานชั้นดีเลยนะ หรือว่า...” ผู้ช่วยดิวมองฉันเลิ่กลัก
“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อย”
“แบบนี้ไม่ดีเลยนะครับ”
“ไปนะ”
“คะครับ เดินทางปลอดภัยครับ”
“อืม”
ฉันคว้ากระเป๋าก่อนเดินออกมาจากห้องทำงานวันนี้ฉันเลิกงานเที่ยงไปไหนดีนะ ฉันมองนาฬิกาข้อมือตามความเคยชินก่อนจะเดินไปที่ลานจอดรถ
“ช่วยด้วย...”
กึก!! เสียงที่ถูกส่งมาทำให้ฉันชะงักเท้าการเดินก่อนมองไปรอบ
“ช่วยฉันด้วย ฮืออออ~”
“...ใคร?”
“ฉันเอง...ฮึกๆ คนชั่วมันกำลังจะลอยนวล ช่วยด้วยย~” วิญญาณที่ถูกข่มขืนและทำร้ายร่างกายปราฏขึ้นตรงหน้าฉัน
เพราะเป็นทายาทคนสำคัญและมีอำนาจทางการเงินเลยจะรอดคดีสินะประเทศนี้... มันห่วยแบบนี้ไง เหอะ!
วันนี้วันพิจรณาคดีสินะ...
“เห้อ~” ฉันเดินไปที่รถก่อนสตาร์รถออกเพื่อไปสถานที่นึง
“ฉันบอกให้ช่วยไง!!!”
“หุบปาก...กำลังไปนี่ไง” พวกผีถึงตายไปแล้วแต่ก็ยังต้องการความยุติธรรมให้ตัวเอง ผีคนตัวก็รู้ว่าใครฆ่าและมาบอกฉัน แต่ฉันก็ต้องหาหลักฐานที่อ้างอิงได้อยู่ดีจะเดินไปชี้ตัวเลยมันก็ไม่ใช่ไง จริงมั้ย?
ศาลพิจรณาคดี
เห้อ~ ฉันไม่ได้ชอบวุ่นวายกับเรื่องแบบนี้เท่าไหร่แต่เธอเอาจะร้องไห้แถมยังเป็นผู้หญิงด้วยกันอีก และฉันรับรู้ได้ว่าถ้าก้าวเข้าไปแล้วเรื่องซวยๆมันต้องพุ่งเข้ามาหาฉันแน่ๆ
ฉันเดินเข้าไปนั่งในห้องพิจรณาคดีที่มีไอ้ไฮโซนั่งลอยหน้าลอยตาอยู่ เหอะ! พวกมันไม่สำนึกเลยหรือไงนะ?
“เอ่อ หมอตาว” จ่าสินมองฉันเลิกลั่กเมื่อเห็นฉันนั่ง หึ
“...” ฉันไม่ได้สนใจนั่งกอดอกและไขว้ห้างสบายๆ มองดูการพิจรณาที่ใกล้จบลงและเหมือนว่าแก๊งไฮโซจะรอดไปได้
“ช่วยด้วย...”
“พ่อแม่...ช่วยหนูด้วย ฮือออออ” ฉันมองไปที่พ่อแม่ของผู้หญิงคนนั้นที่กำลังนั่งร้องไห้แทบขาดใจเพราะลูกสาวเพียงคนเดียวต้องจากไปด้วยมักง่าย มักมากและไร้ความรับผิดชอบจากพวกคนรวย
“ทนายฝ่ายจำเลยมีอะไรเพิ่มเติมไหม?” ผู้พิพากษาถาม
“ไม่มีครับ”
“แล้วทางอัยการล่ะ?”
“เอ่อ..”
“คุณอัยการช่วยลูกฉันด้วย ฮือออออ ฉันไหว้ ฉันกราบก็ได้ ฮืออออ” แม่ของผู้หญิงก้มอัยการให้เขาช่วยเหลืออย่างสุดชีวิต
“คุณบอกว่าจะชนะไง!!ไหนคุณรับปากไปแล้วนิ” คนเป็นสามีโวยวาย
“เงียบๆ นี่มันศาลที่มีเกียรติอย่ามาเสียงดังโวยวาย”ผู้พิพากษาพูดเตือน
“ทะท่านค่ะ...”
“อัยการว่าไง”
“เอ่อ...มะ” อึกอักอยู่ได้แต่นั่นเพราะไม่มีหลักเพิ่มเติมสินะก่อนหลักฐานจะมาถึงมืออัยการมันผ่านตำรวจมาก่อนแต่จะรู้ว่าพวกอัยการนี่แหละตัวดีเลย
“ฝ่ายอัยการของยื่นหลักฐานและพยานเพิ่มเติม” ฉันเองก็สงสัยหลายครั้งที่พวกอัยการมาหาฉันเพื่อให้มาเป็นพยานแต่ครั้งนี้เงียบมาก...เงียบเกินไป
“คุณเป็นใคร?”ผู้พิพากษาเอ่ยถามฉัน
“เป็นนิติเวชที่ทำการชันสูตรพลิกศพนางสาวมาลาลัย” นั่นคือชื่อเธอคนนั้น
ฮืออฮา~ฮืออฮา~
“เอ่อ...อัยการทางคุณต้องการส่งหลักฐานและพยานใช่หรือไม่?” ถ้าอัยการปฏิเสธก็ดูจะมีพิรุธไปหน่อยนะ ฉันคิดว่าเขาคงไม่กล้าหรอก
“คะครับ”
“เชิญเข้ามาที่คอกพยานและกล่าวคำสาบาน”
“ดิฉัน พญ.โมราห์ เกียรติ์วรกุลจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ขอสาบานว่าสิ่งที่ข้าพเจ้าพูดไปเป็นความจริงทั้งหมด และถ้ามันไม่ใช่ความข้าพเจ้ายินยอมรับโทษแต่โดยดี” ทั้งๆที่รู้ว่าปัญหาจะมาเยือนแต่ฉันก็เลือกที่จะทำมัน ยังไงฉันก็ไม่มีครอบครับให้ปกป้องอยู่แล้ว...
ถ้าจะมีคนเดือดร้อนก็ฉันนี่แหละ...