Saw a ghost :: 02

826 คำ
หลายวันต่อมา          ฉันยังคงทำงานปกติไม่ค่อยได้ลงพื้นหรอกบางศพเท่านั้นที่จะได้ออกไปข้างนอก เห้อ~ การอุดอู้อยู่แต่กับศพและห้องสี่เหลี่ยมที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์การแพทย์          “วันนี้เลิกเร็วหมอตาวไปไหนมั้ยครับ?” ผู้ช่วยฉันถาม          ฉันเคยบอกชื่อผู้ช่วยฉันไปหรือยัง?          ถ้ายังจะบอกให้ชื่อ ‘ดิว’ ถือว่าเป็นบุคคลที่ทำงานกับฉันมานานที่สุดแล้วเพราะที่ผ่านมาบางคนก็กลัวศพ กลัวผี และกลัวฉัน บางคนก็คิดว่าฉันบ้าเลยไม่อยากร่วมงานด้วย          “...”          “เอ่อ อ่อ! วันนี้มีการพิจรณาคดีสาวที่ถูดข่มขืนด้วยนะครับ คนนั้นที่เราเจอสร้อยในคอน่ะ”          “...” อ่า คงจับได้แล้วสินะแต่ฉันว่าคงไม่ติดคุกหรอกเพราะอะไรทุกคนรู้ดี อำนาจของเงินมันน่ากลัว          “เห็นว่า...ไม่สามารถจับเพราะว่าหลักฐานไม่เพียงพอแต่สร้อยที่เราเจอนั่นเป็นหลักฐานชั้นดีเลยนะ หรือว่า...” ผู้ช่วยดิวมองฉันเลิ่กลัก          “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อย”          “แบบนี้ไม่ดีเลยนะครับ”          “ไปนะ”          “คะครับ เดินทางปลอดภัยครับ”          “อืม”          ฉันคว้ากระเป๋าก่อนเดินออกมาจากห้องทำงานวันนี้ฉันเลิกงานเที่ยงไปไหนดีนะ ฉันมองนาฬิกาข้อมือตามความเคยชินก่อนจะเดินไปที่ลานจอดรถ          “ช่วยด้วย...”          กึก!! เสียงที่ถูกส่งมาทำให้ฉันชะงักเท้าการเดินก่อนมองไปรอบ          “ช่วยฉันด้วย ฮืออออ~”          “...ใคร?”          “ฉันเอง...ฮึกๆ คนชั่วมันกำลังจะลอยนวล ช่วยด้วยย~” วิญญาณที่ถูกข่มขืนและทำร้ายร่างกายปราฏขึ้นตรงหน้าฉัน          เพราะเป็นทายาทคนสำคัญและมีอำนาจทางการเงินเลยจะรอดคดีสินะประเทศนี้... มันห่วยแบบนี้ไง เหอะ!          วันนี้วันพิจรณาคดีสินะ...          “เห้อ~” ฉันเดินไปที่รถก่อนสตาร์รถออกเพื่อไปสถานที่นึง          “ฉันบอกให้ช่วยไง!!!”          “หุบปาก...กำลังไปนี่ไง” พวกผีถึงตายไปแล้วแต่ก็ยังต้องการความยุติธรรมให้ตัวเอง ผีคนตัวก็รู้ว่าใครฆ่าและมาบอกฉัน แต่ฉันก็ต้องหาหลักฐานที่อ้างอิงได้อยู่ดีจะเดินไปชี้ตัวเลยมันก็ไม่ใช่ไง จริงมั้ย?   ศาลพิจรณาคดี          เห้อ~ ฉันไม่ได้ชอบวุ่นวายกับเรื่องแบบนี้เท่าไหร่แต่เธอเอาจะร้องไห้แถมยังเป็นผู้หญิงด้วยกันอีก และฉันรับรู้ได้ว่าถ้าก้าวเข้าไปแล้วเรื่องซวยๆมันต้องพุ่งเข้ามาหาฉันแน่ๆ          ฉันเดินเข้าไปนั่งในห้องพิจรณาคดีที่มีไอ้ไฮโซนั่งลอยหน้าลอยตาอยู่ เหอะ! พวกมันไม่สำนึกเลยหรือไงนะ?          “เอ่อ หมอตาว” จ่าสินมองฉันเลิกลั่กเมื่อเห็นฉันนั่ง หึ          “...” ฉันไม่ได้สนใจนั่งกอดอกและไขว้ห้างสบายๆ มองดูการพิจรณาที่ใกล้จบลงและเหมือนว่าแก๊งไฮโซจะรอดไปได้          “ช่วยด้วย...”          “พ่อแม่...ช่วยหนูด้วย ฮือออออ” ฉันมองไปที่พ่อแม่ของผู้หญิงคนนั้นที่กำลังนั่งร้องไห้แทบขาดใจเพราะลูกสาวเพียงคนเดียวต้องจากไปด้วยมักง่าย มักมากและไร้ความรับผิดชอบจากพวกคนรวย          “ทนายฝ่ายจำเลยมีอะไรเพิ่มเติมไหม?” ผู้พิพากษาถาม          “ไม่มีครับ”          “แล้วทางอัยการล่ะ?”          “เอ่อ..”          “คุณอัยการช่วยลูกฉันด้วย ฮือออออ ฉันไหว้ ฉันกราบก็ได้ ฮืออออ” แม่ของผู้หญิงก้มอัยการให้เขาช่วยเหลืออย่างสุดชีวิต          “คุณบอกว่าจะชนะไง!!ไหนคุณรับปากไปแล้วนิ” คนเป็นสามีโวยวาย          “เงียบๆ นี่มันศาลที่มีเกียรติอย่ามาเสียงดังโวยวาย”ผู้พิพากษาพูดเตือน          “ทะท่านค่ะ...”          “อัยการว่าไง”          “เอ่อ...มะ” อึกอักอยู่ได้แต่นั่นเพราะไม่มีหลักเพิ่มเติมสินะก่อนหลักฐานจะมาถึงมืออัยการมันผ่านตำรวจมาก่อนแต่จะรู้ว่าพวกอัยการนี่แหละตัวดีเลย          “ฝ่ายอัยการของยื่นหลักฐานและพยานเพิ่มเติม” ฉันเองก็สงสัยหลายครั้งที่พวกอัยการมาหาฉันเพื่อให้มาเป็นพยานแต่ครั้งนี้เงียบมาก...เงียบเกินไป          “คุณเป็นใคร?”ผู้พิพากษาเอ่ยถามฉัน          “เป็นนิติเวชที่ทำการชันสูตรพลิกศพนางสาวมาลาลัย” นั่นคือชื่อเธอคนนั้น          ฮืออฮา~ฮืออฮา~          “เอ่อ...อัยการทางคุณต้องการส่งหลักฐานและพยานใช่หรือไม่?” ถ้าอัยการปฏิเสธก็ดูจะมีพิรุธไปหน่อยนะ ฉันคิดว่าเขาคงไม่กล้าหรอก          “คะครับ”          “เชิญเข้ามาที่คอกพยานและกล่าวคำสาบาน”          “ดิฉัน พญ.โมราห์ เกียรติ์วรกุลจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ขอสาบานว่าสิ่งที่ข้าพเจ้าพูดไปเป็นความจริงทั้งหมด และถ้ามันไม่ใช่ความข้าพเจ้ายินยอมรับโทษแต่โดยดี” ทั้งๆที่รู้ว่าปัญหาจะมาเยือนแต่ฉันก็เลือกที่จะทำมัน ยังไงฉันก็ไม่มีครอบครับให้ปกป้องอยู่แล้ว...          ถ้าจะมีคนเดือดร้อนก็ฉันนี่แหละ...             
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม