บ้านที่อึมครึมอยู่แล้วยิ่งมืดมนลงกว่าเดิมหลายร้อยหลายพันเท่า
ของขวัญอึดอัดจนอยากจะบ้าตาย แม้ภามพูดชัดเจนว่าเขาไม่หย่า ทว่าหญิงสาวก็ไม่ละความพยายาม
แต่คำพูดที่ว่าความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น ก็ใช่ว่าจะเป็นจริงเสมอไป
ไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้ภามเป็นเช่นนี้ ทั้งที่เขาควรเป็นฝ่ายเร่งคืนเร่งวันให้ถึงวันเซ็นใบหย่าด้วยซ้ำ นี่อะไร แต่ละคืนจัดหนักจัดเต็มเธอราวกับตายอดตายอยากมาจากไหน ทั้งที่ตลอดมาเธอก็ไม่เคยปล่อยให้เขาต้องหิว
หรือว่า.. ภามตั้งใจจะเสกเด็กเข้าท้องเธอจริงๆ
ไม่ได้! เธอจะปล่อยให้เป็นอย่างนั้นไม่ได้เด็ดขาด ภามอยากมีทายาทพอเข้าใจ แต่ต้องไปมีกับผู้หญิงที่เขาอยากให้เป็นทั้งแม่และเมีย ไม่ใช่แค่คนที่อุ้มท้องให้อย่างเธอ
“จะไปไหน”
น้ำเสียงนุ่มทุ้มทว่าก้องกังวานที่ดังมาจากด้านหลัง ทำให้สองขาที่กำลังจะก้าวพ้นประตูหน้าบ้านพลันชะงัก
ของขวัญหันกลับไปเผชิญหน้ากับผู้ชายที่ใกล้จะได้ชื่อว่าเป็นอดีตสามีแล้วส่งยิ้มแฉ่งให้ภาม ทว่าใบหน้าคมคร้ามของนายแพทย์รูปหล่อกลับยิ่งบึ้งตึงมากขึ้นไปอีก
“หงุดหงิดแต่เช้าไม่ดีเลยนะคะพี่ภาม เดี๋ยวหน้าก็เหี่ยวเร็วหรอก” ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร ถ้าวันไหนภามอารมณ์ดีสิถึงน่ากลัวว่าฝนจะเทลงมาห่าใหญ่
“นี่ขวัญจะไปไหน แล้วนั่นกระเป๋าอะไร”
“กระเป๋าเสื้อผ้าค่ะ ขวัญสั่งเครื่องใช้ไฟฟ้ามา เขาพึ่งมาส่งที่คอนโดฯ ขวัญจะเข้าไปดูหน่อย เลยขนเสื้อผ้าบางส่วนไปด้วยเลย เผื่อถึงวันที่ย้ายออกจากบ้านพี่ภามจริงๆ จะได้ไม่ต้องขนเยอะ” อันที่จริงสมบัติเธอก็ไม่มีอะไรมาก มีแค่เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า แล้วก็ของใช้อีกนิดหน่อยเท่านั้น
นายแพทย์ภามมองภรรยาที่เด็กกว่าเขาหลายปี ชายหนุ่มขบกรามแน่น โมโหจนอยากจับคนตัวเล็กมาฟาดก้นซะให้รู้แล้วรู้รอด “เราตกลงกันแล้วนะขวัญ”
“ใช่ค่ะ เราตกลงกันแล้ว ขวัญเลยเก็บของออกจากบ้านไงคะ ค่อยๆ เก็บไปทีละอย่าง พอถึงวันย้ายออกจะได้ไม่พะรุงพะรัง”
ดื้อตาใส!
คำจำกัดความเป็นตัวตนของขวัญที่นายแพทย์ภามมอบให้ภรรยา
“ย้ายออกอย่างนั้นเหรอ เฮอะ!” ภามแค่นหัวเราะ “จะรีบย้ายออกไปทำไมล่ะขวัญ สัญญาแต่งงานเรายังเหลืออีกตั้งสองปี ที่สำคัญขวัญยังไม่มีลูกให้พี่เลย”
เรียวคิ้วโก่งขมวดมุ่นเข้าหากัน จริงอยู่ที่สัญญานั่นเธอเป็นคนเซ็นเองกับมือ แต่ภามไม่ได้ต้องการใช้ชีวิตคู่กับเธอ และเธอเชื่อเหลือเกินว่าเขาไม่ใช่คนยึดมั่นกับข้อตกลงที่เขียนไว้บนกระดาษแผ่นเดียวขนาดนั้น “อย่ามาตลกน่าพี่ภาม ขวัญไม่มีทางมีลูกกับพี่ทั้งที่เราจะหย่ากันหรอกนะ”
“ก็ไม่ต้องหย่า”
“ฮะ! พี่ว่าอะไรนะ ไม่ต้องหย่าอย่างนั้นเหรอ ขอเหตุผลค่ะว่าทำไมเราถึงจะไม่หย่ากัน หรือว่าพี่รักขวัญ?”
“ไม่มีทาง”
คำตอบที่ออกจากปากสามีทำของขวัญเจ็บจุกไปทั้งใจ ไม่มีทางที่ภามจะรักเธอ ภามพูดชัด และชัดเจนในการกระทำมาตลอดว่าคำพูดที่เขาพูดออกมาเป็นจริงดังนั้น
ที่ยังรั้งกันไว้เพราะต้องการให้เธออุ้มท้องลูกของเขาอย่างนั้นสินะ
“ถ้าอยากได้แค่แม่อุ้มบุญ หย่ากับขวัญแล้วหาผู้หญิงคนใหม่เถอะค่ะ ขวัญเชื่อว่ามีผู้หญิงอีกหลายคนที่อยากทำหน้าที่แม่ของลูกให้พี่ภาม ไม่จำเป็นต้องเป็นขวัญ” เธอสูดลมหายใจเข้าลึกสุดปอด ซ่อนความเสียใจเอาภายใต้ใบหน้าแย้มยิ้ม แสร้งว่าไหว ทั้งที่ความรู้สึกแตกสลายพังยับเยิน เจ็บที่เขาไม่รักยังไม่พอ ภามยังบังคับให้เธอมีลูกให้ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าปลายทางสุดท้ายของเราทั้งคู่คือใบหย่า
“แล้วทำไมพี่ต้องเสียเวลาหาคนอื่น ในเมื่อพี่มีขวัญอยู่ทั้งคน”
“แต่เรากำลังจะหย่ากันนะคะ”
“พี่บอกแล้วเหรอว่าจะหย่า”
“ในเมื่อไม่ได้รัก ไม่ได้ต้องการกันก็หย่าให้ขวัญเถอะค่ะ ถึงพี่ภามไม่หย่า ขวัญก็ไม่มีลูกให้พี่อยู่ดี” ลูกไม่มีสิทธิ์เลือกเกิด แต่แม่อย่างเธอเลือกได้ว่าจะให้เลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองต้องเกิดมาเพื่อแค่สืบทอดธุรกิจและตระกูลของใครหรือไม่ “สำหรับขวัญ ขวัญจะมีลูกก็ต่อเมื่อถ้าลูกเกิดมาแล้วขวัญคิดว่าขวัญจะทำให้ลูกมีความสุขได้เท่านั้นค่ะ ถ้าพี่ภามต้องการแค่ทายาท เชิญพี่ไปหาคนอื่นเถอะ”
ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้ของขวัญลากกระเป๋าออกจากบ้านหลังนี้สมใจอยาก เขาเดินเข้าไปหยุดยืนตรงหน้าของขวัญแล้วแย่งกระเป๋าเดินทางจากหญิงสาวมาไว้ในมือ “พี่เองก็จะไม่ยอมหย่าง่ายๆ เหมือนกัน”
“ขอกระเป๋าขวัญคืนด้วยค่ะ ขวัญไม่มีเวลามาทะเลาะกับพี่เหมือนเด็กๆ นะ”
“พี่จะให้แม่บ้านเอาเข้าไปเก็บ”
“ขวัญถามพี่อีกครั้ง ที่ไม่อยากหย่าเพราะพี่รักขวัญใช่ไหม” คราวนี้นายแพทย์ภามนิ่งไปประมาณหนึ่งนาที ทว่าสุดท้ายชายหนุ่มก็ส่ายหน้า คำตอบของเขายังคงเหมือนเดิมคือไม่ได้รักเธอ “งั้นเดี๋ยวขวัญช่วยหาแม่อุ้มบุญให้พี่แล้วกัน ได้เมื่อไหร่พี่ค่อยไปหย่าให้ขวัญ ถือว่าช่วยกันในฐานะสามีภรรยาเป็นครั้งสุดท้าย”