สองสัปดาห์แล้วที่แขกประจำของกัญญดาหายไป พอเขาไม่มาตอแย ไม่มาให้เห็น ใจมันก็ว้าวุ่นแปลกๆ
“คิดถึงคนที่หายไปเหรอ”
แม้แต่เพื่อนร่วมงานก็ยังรู้
“เปล่า...หายไปก็ดี...”
“จะว่าไปคุณภามแกสไตล์ป๋านะ อาจจะไปติดสาวที่ร้านอื่นแล้วก็ได้”
เพื่อนคนเดิมหัวเราะคิกคัก เพื่อนอาจจะแซว แต่ใจเธอมันดันคิดตาม
จริงแหละ เขาป๋าจะตาย แด๊ดดี้อีกต่างหาก
‘คนหล่อแบบนี้ หลุดมือสาวน้อยแบบเราแน่ๆ’
เขาหลุดไปอยู่ในมือผู้หญิงคนไหนกันนะ
‘ผู้ชายน่ะ ยิ่งแก่ยิ่งแซ่บ...’
แล้วมือก็กดพิมพ์ข้อความ
‘วันนี้มาไหมคะ’
เขาอ่านนะ อ่านทันทีด้วย แต่ไม่ได้ตอบ
พอมองนาฬิกามันค่อนข้างดึกแล้ว บางทีเขาอาจจะไม่มา
แล้วเธอก็ทำหน้าที่จนถึงเวลาเลิกงาน พอเขาไม่มาเที่ยว บรรยากาศมันก็ดูหงอยๆ แบบแปลกๆ
หลังเลิกงาน
กัญญดาที่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยขึ้นกำลังจะเดินไปที่ป้ายรถเมล์ สักพักก็มีรถหรูมาจอดเทียบตรงหน้า ก่อนที่เจ้าของรถจะลดกระจกลง
เพราะความอยากรู้อยากเห็นทำให้เธอก้มลงไปมอง ก่อนจะเห็นหน้าเจ้าของรถ เขาคือคนที่เธอชะเง้อหามาหลายวัน
อยากยิ้ม แต่ก็ฝืนเอาไว้
“ขึ้นรถสิ”
มันเป็นคำสั่งสั้นๆ ที่เธอจะไม่มีวันทำตาม แต่วันนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว
มือเล็กเปิดประตู ก่อนจะขยับเข้าไปนั่ง ทั้งที่ก็ไม่รู้จุดหมายปลายทาง
คุณภามไม่ได้พูดอะไร ในขณะที่เธอก็บีบมือตัวเองแน่น นี่เธอกำลังจะตกลงทำอะไรลงไปนะ
“วันนี้แต่งตัวแปลกตานะ”
เธอก้มลงมองเสื้อยืด กางเกงยีนส์เก่าๆ ของตัวเอง มันไม่ได้เหมาะจะนั่งข้างๆ เขาเลยจริงๆ นะ
“แต่ผมชอบมากกว่าตอนหนูแต่งตัวเสิร์ฟเหล้า” ภามหวงผู้หญิงที่เขาหมายปอง แต่เขาเป็นแค่ลูกค้าคงไม่มีสิทธิ์ห้าม
“ฉัน...เอ่อ...หนู...” พูดไม่ถูกเลย เหมือนคนน้ำท่วมปาก
การยอมขึ้นรถมากับเขา ไลน์ไปเรียกเขา มันเหมือนเธอยอมรับกลายๆ ถึงข้อเสนอก่อนหน้านี้
‘ผมชอบหนูนะ ถ้าหนูสนใจ...’
วันนั้นเขาพูดแค่นี้ แล้วก็ยื่นนามบัตรมาให้
‘ถ้าหนูไม่ไลน์มา ผมก็คงไม่มา...’
แล้วเธอก็ไลน์ไป แล้วเขาก็มา
“ไปคอนโดผมไหม แล้วเราค่อยคุยรายละเอียดกัน”
เขาคว้ามือเธอขึ้นไปจูบ แล้วเธอก็นั่งนิ่งทำตัวไม่ถูก
นี่คือเธอกำลังตกลงเป็นอีหนูของเขาหรือเปล่า ทำไมเธอไม่ปฏิเสธหรือแก้ความเข้าใจผิดของเขาให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
ทันทีที่ไปถึงคอนโดสุดหรู เธอก็เดินตามเขาต้อยๆ จนไปถึงห้องที่หรูหราไม่แพ้กัน
เธอยืนนิ่งอยู่กลางห้อง ในหูมันอื้ออึงไปหมด อาการคนเป็นลมมันคงคล้ายๆ แบบนี้
“อ๊ะ...” ไม่คิดว่าจะถูกสวมกอดจากทางด้านหลัง “อย่าค่ะ” เธอพยายามแกะมือหนา แต่กลับถูกพลิกให้กลับไปเผชิญหน้ากับเจ้าของห้อง
เขาหล่อจริงๆ นะ เหมือนหล่อขึ้นมากเสียด้วย
“อื้อ...” เธอถูกประกบปากเข้าหาอย่างเร่าร้อน โดยไม่ทันได้ตั้งตัว
จากที่คิดจะผลักไส มือกลับลูบไปบนท้ายทอยคนที่ใช้ปากได้วาบหวาม แล้วไม่นานลิ้นก็ถูกเกี่ยวให้พลิกพลิ้วไปตามแรงขยี้ของริมฝีปากที่ช่ำชอง
ตามติดด้วยจมูกโด่งที่ปัดป่ายมาที่ซอกหูและซอกคอ และการที่เธอถูกผ่อนให้นอนราบลงกับโซฟา มีร่างใหญ่โตทาบทับลงมาสร้างความเร่าร้อนที่เธอก็ไม่คุ้นเคย
อาการจิตเตลิดมันเป็นแบบนี้นี่เอง เมื่อจูบที่สองเริ่มต้น เธอก็จูบตอบกลับไปตามที่ใจนึกคิด จูบไม่เป็นหรอก ก็แค่ขยับลิ้นขยับปากตามใจเขาอย่างว่าง่าย
แล้วก็เป็นหลายวินาทีที่ดีมากจนเขาถอนจูบและขยับไปนั่งหลังตรง มองจ้องมาที่เธอด้วยสายตาที่แสนร้อนแรงเปิดเผย
“ผมขอโทษ...”
กัญญดาขยับลุกขึ้นนั่ง ตอนนี้เธอก็ทำตัวไม่ถูกไม่ต่างกัน
“ไม่น่าใจร้อนกับหนูขนาดนี้”
เขาขยับมาประคองแก้ม แล้วตาก็สบประสานกัน เธอเกือบเผลอหลับตาพริ้มเพราะคิดว่าเขาอาจจะจูบอีกครั้ง
“หนูไลน์หาผม ต้องการให้ผมช่วยอะไร”
กลายเป็นเธอนี่ล่ะที่อึกอัก หัวใจมันเต้นแรงแปลกๆ
จะให้บอกความจริงเหรอว่า...แค่คิดถึง
“ฉัน...เอ่อ...หนูอยากขอยืมเงินคุณค่ะ” นี่ก็เป็นอีกปัญหาที่เธอกำลังตามแก้ไข
“เท่าไหร่เอ่ย” ภามชอบคนตรงหน้ามาก จนยอมมองข้ามความจริง แกล้งลืมว่าต้องเปย์เพื่อให้ได้เธอมา
“หนู...”
“ไม่ต้องเกรงใจ ผมเต็มใจให้ยืม” เขาขยับไปกุมมือเล็ก เธอมือเย็นเฉียบจนเขาเองยังนึกสงสาร
“ทั้งหมดที่เป็นค่ารักษาพ่อ หนี้บัตรเครดิตกับหนี้นอกระบบที่หนูเคยเล่าให้คุณฟัง...” จะยืมเท่าไหร่ จะต้องแลกด้วยอะไร มันก็เปลี่ยนความจริงไม่ได้ว่าเธอหวังเงินทองของเขา
“ได้สิ” เรื่องแค่นี้ไม่ใช่ปัญหา แต่เขาต้องจ่ายฟรี หรือสาวน้อยตรงหน้ามีข้อเสนออะไร
“หนูจะยืมคุณ หมายความว่าหนูจะคืนคุณทุกบาททุกสตางค์ พร้อมดอกเบี้ยที่คุณจะเรียกร้อง ถ้าคุณจะปรานีก็อย่าส่งนักเลงมาตามทวงก็พอค่ะ” ขอเหลือศักดิ์ศรีไว้ให้ตัวเองภูมิใจ อย่างน้อยถ้าแลกเปลี่ยนกันด้วยดอกเบี้ย มันก็จะเหลือแค่หนี้บุญคุณ
“อืม...” นักธุรกิจใหญ่มองคนที่จ้องมาด้วยสายตามุ่งมั่นชัดเจน เขาชอบเธอนะ ให้ช่วยฟรีๆ เลยก็ยังได้ เงินแค่นั้นไม่สะเทือนขนสักเส้นในกายหรอก
“คุณภามตกลงไหมคะ”
“เนี่ยนะเหรอ เรื่องที่หนูไลน์มาเรียกผม”
อ้าว! เธอถึงกับน้ำท่วมปากอีกครั้ง ไม่รู้ควรเอื้อนเอ่ยออกไปว่าอย่างไรดี
“ถ้าคุณต้องการอะไรเพิ่มเติม...”
“หนูก็รู้ว่าผมต้องการอะไร”
มันเป็นนาทีแห่งการตัดสินใจ แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ทำได้แค่ปากสั่น
“คุณภามต้องการอะไรเหรอคะ” เธออ่านสายตาเขาออก คนที่ร้านก็เช่นกัน
แต่ถ้าเขาไม่พูดตรงๆ เธอก็ไม่กล้าหรอกที่จะคิดว่าเขาต้องการแบบที่ทุกคนคิดจริงๆ ไหม
“ผมต้องการหนู...บนเตียง” เขาไม่ใช่หนุ่มน้อยที่จะต้องอ้อมค้อม ที่จีบๆ เธอมาสักพักนั่นก็ไม่เคยทำกับใคร
ผู้ชายคู่ผู้หญิง
และเขาก็ชอบเซ็กซ์เต็มใจที่เร่าร้อน
“แต่หนูจ่ายดอกเบี้ยให้คุณได้นะคะ” พอมันมาอยู่จุดนี้จริงๆ ก็เป็นเธอที่เกิดปอดแหกขึ้นมา
ถึงจะมีใจ แต่มันก็ไม่ง่ายที่จะตัดสินใจใช้ร่างกายแลกเงิน เธออาจจะโลกสวยเกินไปที่คิดยืมเงินกับคนที่ตัวเองก็รู้ว่าเขาต้องการมากกว่านั้น เธอเองก็ชอบเขา แต่ไม่ได้อยากให้มันกลายเป็นการต้องขายตัวใช้หนี้ อนิจจา...เธออาจจะคิดน้อยเกินไปมาก
“นั่นคือข้อเสนอของหนู แต่ผมมีเงินเยอะแล้ว ผมไม่ได้ต้องการดอกเบี้ย...” หรือแม้แต่เงินต้นคืนด้วยซ้ำ มีอะไรอีกหลายอย่างที่น่าสนใจ น่าค้นหา
“แล้ว...”
“หนูอยู่กับผม ไม่ต้องจ่ายค่าอะไรคืนทั้งนั้น ผมจะดูแลทั้งหนูและครอบครัวของหนูเอง” เขาขยับไปโอบบ่าเล็ก ครั้งนี้ครั้งแรกที่เขาเสนอเลี้ยงผู้หญิงเป็นจริงเป็นจัง
“หนู...หนูมีเวลาเตรียมตัวถึงเมื่อไหร่ และมันนานแค่ไหนคะ...” กว่าคุณจะเบื่อและปลดระวางหนู
เหมือนคนย้อนแย้ง กัญญดาต้องการมากกว่าแค่การเป็นอีหนู แต่เธอก็ต้องการยืมเงินจากเขาด้วย เธอยังอยากให้นี่เป็นแค่การกู้เงินมาใช้หนี้
ส่วนเรื่องของเธอกับเขาน่ะเหรอ เธอเองก็ให้คำจำกัดความไม่ถูกเช่นกัน
“หนูต้องตอบผมเลยคืนนี้...” เขาประกบปากจิ้มลิ้มอีกครั้ง แล้วก็มองคนที่หลับตาพริ้มขยับปากอย่างเชื่อฟัง
เด็กก็คือเด็ก ต่อให้เป็นหญิงสาวแสนสวยก็ยังเป็นเด็กน้อยกระดูกอ่อนสำหรับเขา จะบีบก็ตายจะคลายก็ต้องเสียว
“และมันจะนานตราบที่ใจเรายังตรงกัน”
ภามจบประโยคด้วยการเคล้นคลึงริมฝีปากสีหวานอย่างเร่าร้อน มันอ่อนหวานมาก แต่ก็แฝงไปด้วยความต้องการที่มากล้น