ร้านอาหาร
อัคคีราห์รู้ทันเล่ห์เหลี่ยมของปู่ตัวเองดีว่าหากเขาไม่ทำตามคำสั่ง ก็จะมีคนของท่านศิลาคอยแอบตามเพื่อตรวจดูว่าเขาเองออกนอกลู่นอกทางหรือเปล่า
เพราะงั้นการตัดปัญหาก่อนมันจะเกิดก็คือการยอมทำตามอย่างว่าง่าย ยังไงเจ้าตัวก็เก่งในเรื่องการเก็บสีหน้าอยู่แล้ว มองจากระยะไกลคงไม่รู้หรอกว่าสบถหยาบอะไรออกไปบ้าง
“ทำไมไม่กิน” อัคคีราห์ปรายตามองณิชา ที่เอาแต่ใช้ส้อมเขี่ยเนื้อในจานไม่ยอมตักทานเสียที
“กินไม่ลง” ณิชาตอบกลับด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย ก่อนจะลอบถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
เธอไม่สามารถสลัดภาพผู้หญิงคนนั้นออกจากหัวได้เลย ยิ่งได้เห็นสีหน้าเรียบเฉยของอัคคีราห์หลังจากเกิดเหตุขึ้น เธอก็ยิ่งคิดว่าผู้ชายอย่างเขามันเลือดเย็นเกินกว่าจะเข้าใจอารมณ์ของมนุษย์
ทั้งที่อีกฝ่ายร่ำไห้จวนขาดใจ ใครบางคนกลับยืนมองด้วยใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์
“คนของปู่ฉันอาจจะมองเราอยู่ เพราะงั้นเธอควรเลิกทำหน้าเป็นซังกะตายสักที”
“ฉันเหมือนกระจกสะท้อนภาพนายหรือไง”
หญิงสาวที่เถียงคำไม่ตกฟาดไม่ได้ทำให้อัคคีราห์หัวเสียแต่อย่างใด เขาแค่แสยะยิ้มราวกับว่ามันน่าขำ ก่อนจะใช้มีดหั่นเนื้อเข้าปากแล้วช้อนสายตามองเธออย่างคาดโทษ
อัคคีราห์พูดถูก.. น่ากลัวกว่าคนเลวก็คือคนเลวที่สวมหน้ากากคนดี
เหมือนที่เจ้าตัวกำลังสวมบทบาทเป็นว่าที่สามีต่อหน้าคนอื่น ทั้งที่ความจริงไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยสักนิดเดียว
“เลิกทำตัวเหมือนเด็กมีปัญหาแล้วรีบกินซะ การที่เธอทำแบบนี้ก็แปลว่าต้องอยู่ด้วยกันนานขึ้น เพราะงั้นเลิกซื่อบื้อแล้วกินเข้าไป” เขาพูดพลางกดสายตามองจานอาหารเชิงกดดันให้เธอทานสักที
“ฉันอยากแก้ไขสัญญา” ณิชาที่จับส้อมไว้ในมือเอ่ยขึ้น “ฉันอยากให้นายกับฉันทำข้อตกลงร่วมกันใหม่”
“ทำไม”
“ฉันต้องการเงินต่อเดือน ..ไม่ใช่ต่อปี”
ข้อเสนอของเธอทำเอาเรียวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน พลันใบหน้าคมคายก็เข้าสู่โหมดตึงเครียด วางส้อมในมือลงบนจานแล้วสูดลมหายใจพร้อมกับนั่งหลังตรง ก่อนจะมองคู่สนทนาด้วยสายตาเย็นเยียบ
ณิชาใช้ส้อมจิ้มเนื้อเกรดดีในจานที่หั่นพอดีคำ พลางโยกไปมาต่อหน้าอัคคีราห์ที่ทำหน้าเอือมระอาอย่างสุดจะกลั้น
“ฉันคิดว่าแค่สามสิบล้านต่อปีมันน้อยไปกับการอยู่ร่วมชายคาเดียวกับนาย ไหนจะต้องขายความลับและความเป็นส่วนตัวของชีวิตอีก อีกอย่างฉันกลัวว่าตัวเองอาจจะทนนายได้ไม่ถึงปี เพราะงั้นฉันอยากได้เงินรายเดือน”
“คิดว่าตัวเองเป็นใคร หืม”
“ฉันก็ชื่อณิชาไง ผู้หญิงที่ปู่ของนายอยากให้แต่งงานด้วย”
“ปู่ของเธอต่างหากที่ฝากฝังไว้..”
หญิงสาวตีหน้ามึนไม่สนใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูด นอกจากยื่นข้อเสนอของตัวเองชนิดที่ทำเอาอัคคีราห์ถึงกับชักสีหน้าใส่ทันที
เขาเป็นผู้ชายอันตรายที่เธอเลี่ยงไม่ได้..
ภายในเดือนหน้าทั้งคู่ก็ต้องเข้าพิธีวิวาห์กัน ซึ่งในสายตาของคนนอกคงมองไม่ออกว่าการอยู่ใกล้ผู้ชายอย่างอัคคีราห์เป็นยังไง
“แล้วยังไงล่ะ สุดท้ายนายจะไม่ยอมรับข้อตกลงนี้ก็ได้นะ แต่ถ้าฉันโวยขึ้นมาสักคน.. นายได้ปวดหัวจนรับยาช่องสองแน่นอน” ณิชาพูดพลางไหวไหล่อย่างไม่หยี่ระ ก่อนจะงับเนื้อเข้าปากเคี้ยวแก้มตุ่ยไม่สนว่าอีกคนจะมีสีหน้ายังไง
“รู้แล้วว่ามาจากตระกูลหมอ แต่ไม่ต้องหัวหมอขนาดนี้ก็ได้มั้ง” อัคคีราห์ยกยิ้มร้าย แต่ก็คงไม่เท่าณิชาที่มักจะมีข้อต่อรองกับเขาเสมอ
แต่เขาไม่ใช่ลูกไก่ในกำมือเธอสักหน่อย ไม่ชอบที่เธอทำเหมือนถือไพ่เหนือกว่าตลอดเวลา ทั้งที่ความจริงณิชานั่นแหละที่เป็นเพียงลูกไก่ในกำมือเขา
จะบีบก็ตายต่อให้คลายก็สาหัสอยู่ดี
“เท่าไหร่”
“สิบล้านต่อเดือน”
“ว่าไงนะ เป็นบ้าไปแล้วหรือไง”
“ไม่เอาน่าอัคคีราห์ บ้านนายรวยอันดับต้นๆ ของประเทศเชียวนะ ให้ภรรยาแค่เดือนละสิบล้านขนหน้าแข้งคงไม่ร่วงหรอก หรือว่าร่วงกันนะ” ณิชาเลิกคิ้วแล้วระบายยิ้มหวานกวนประสาทกลับ
“มากไป”
“แต่..”
“ฉันไม่ได้หมายความว่าฉันไม่มีเงินจ่าย แต่ตัวเธอแลกกับเงินขนาดนั้นมันไม่คุ้ม”
ณิชาข่มความวูบไหวในแววตา เมื่ออัคคีราห์เลื่อนสายตาขึ้นสบมอง พลันบรรยากาศรอบกายก็เย็นยะเยือกขึ้นมา แต่ทว่าเธอก็ยังยืนยันที่จะใจดีสู้เสืออยู่
หลายวันมานี้คุณหญิงพลอยไพลินปรึกษาเธอเรื่องเงิน ซึ่งที่ผ่านมาปัญหาของครอบครัวไม่เคยตกถึงหูให้เธอได้ยิน แน่นอนว่าการที่ถูกเปรยแบบนั้นก็แปลว่าตอนนี้เงินเป็นตัวกลางสำคัญในการแก้ปัญหา
น้ำเสียงของแม่เธอที่บอกว่าเซียหลงเท่านั้นที่จะพยุงตระกูลได้ทำให้ณิชาปากหนัก จนยากที่จะตอบปฏิเสธในการมาเจอเขา
แค่ต้องเรียกร้องให้สมราคาที่ต้องจ่ายด้วยชีวิตเธอเท่านั้นเอง..
“ถ้าเป็นการลงทุนก็มีแต่เจ๊ง”
“อัคคีราห์”
“ไหนตอนแรกบอกว่าไม่ได้อยากเป็นหนูตกถังข้าวสารไง ทำไมตอนนี้ถึงเป็นหนูท่อที่โลภมากขนาดนี้”
“นายคิดว่าฉันจะยอมกัดฟันทนแต่งงานกับคนอย่างนายโดยที่ไม่ได้อะไรติดมือเลยเหรอ สุดท้ายสถานการณ์ระหว่างเราสองคนมันเลี่ยงไม่ได้นี่” เธอยอกย้อนเขาคืนบ้าง โทษฐานที่หยิบยกประโยคนั้นขึ้นมาตอกหน้าเธอกลับ
ไม่มีทางลงรอยกันได้อย่างแน่นอน
ณิชารู้ได้ทันทีว่าเธอกับเขาไม่มีทางจะเข้ากันได้ดีเหมือนปี่กับขลุ่ย มีแต่จะขัดจังหวะแล้วก็ขัดคอกันเก่งมากกว่า
“บางทีของประดับก็ต้องจ่ายราคาสูงหน่อยถึงจะได้ไปครอบครอง ฉันต้องเสียครึ่งชีวิตของความเป็นส่วนตัวเพราะนาย เพราะฉะนั้น.. แค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ”
“เหอะ โลภมากซะจริง”
“นายคิดว่าถ้าเราหย่ากันฉันไม่เสียหายกว่าเหรอ ถึงโลกจะพัฒนาไปไกลแค่ไหน แต่สังคมจะตีตราว่าฉันเป็นหม้ายที่ผ่านมือชายมาแล้ว ส่วนนายก็เป็นแค่ผู้ชายที่มีประสบการณ์การแต่งงานมาแล้วแค่นั้น”
ดวงตาคู่สวยฉายแววจริงจังไม่มีความล้อเล่นกับเรื่องราวหลังจากนี้ที่อาจเกิดขึ้น ถ้าหากว่าเธอต้องหย่ากับอัคคีราห์จริง ชีวิตเธอก็คงเปลี่ยนผันไปอีกไม่น้อยเลย
“งั้นเธอก็เลยจะเรียกร้องเงิน เพราะคิดว่าการแต่งงานในครั้งนี้ขึ้นอยู่กับเธองั้นเหรอ”
“เพราะคนที่ตีตราผู้หญิงเป็นเพียงสินค้าเครื่องบริการกาม.. มันน่าสมเพชต่างหาก”
สิ้นประโยคนั้นในแววตาคู่คมก็เคลือบความไม่สบอารมณ์ทันที แต่ยังคงแสดงออกด้วยท่าทางเรียบเฉย พลางเหลือบสายตาไปด้านข้างเพื่อใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ตกลงสิบล้าน”
“ว่าไงนะ”
ณิชาถึงกับอ้าปากค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ว่าอัคคีราห์จะใช้เวลาการตัดสินใจกับเงินก้อนใหญ่ถึงขนาดนั้นในเวลาไม่กี่นาที
“ฉันจ่ายให้ได้ตามที่เธอเรียกร้องมา แต่ฉันต้องสามารถครอบครองเธอได้ทั้งหมด..”
ว่าแล้วเชียวว่าคนหัวไวอย่างเขาคงไม่ปล่อยให้เธอได้ถือไพ่เหนือกว่านานนัก สักพักอัคคีราห์ต้องพลิกกระดานขึ้นมาคุมเกม แล้วก็เหมือนจะมีการพลิกเกมเกิดขึ้นซะด้วยสิ
“แต่ทุกส่วนบนร่างกายของเธอ หรือแม้กระทั่งลมหายใจของเธอในตอนนี้.. ฉันก็จะใช้เงินซื้อมันด้วยณิชา”
ใบหน้าสวยแฝงความตื่นตระหนกเพียงครู่หนึ่ง ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อธาตุแท้ของอัคคีราห์ไม่ต่างจากที่เธอคิดเอาไว้เลยแม้แต่นิดเดียว
“เพราะเธอคิดว่าฉันมองเธอเป็นสินค้า.. งั้นก็จงเป็นสินค้าที่ให้ฉันถือครองแค่คนเดียว”
“อัคคีราห์”
“ถ้าฉันสั่งให้ตาย เธอก็ต้องตาย” เขาคลี่รอยยิ้มเย็นเยียบบนเรียวปากสวย ก่อนจะยื่นมือมาจับมือเธอเอาไว้ คล้ายว่าละครรักเรื่องนี้ยังคงดำเนินต่อไป ให้เหมือนว่าไม่มีอะไรผิดปกติระหว่างทั้งสองคน
“สั่งให้หมอบก็ต้องหมอบ”
“นี่..”
“ไม่อนุญาตให้พูดก็ต้องปิดปากเงียบเหมือนคนเป็นใบ้.. มีชีวิตอยู่เพื่อก้มหัวรับใช้ฉันแค่นั้นก็พอ รวมถึงมีทายาทสืบสกุลให้เซียหลง”
รอยยิ้มของความเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนมุมปากชายหนุ่ม ทำเอาณิชาถึงกับบีบมือเข้าหากันแน่นเพื่อข่มอารมณ์ไม่ให้ระเบิดออกมา
ไม่ใช่แค่อัคคีราห์ที่จะรู้สึกเสียหน้า แต่ตระกูลเธอก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วยเช่นกัน
“เหอะ เลวแบบสมบูรณ์แบบสินะ” ณิชาแค่นหัวเราะ ก่อนจะหุบยิ้มแล้วสบตาเขาไม่ละไปไหน
แน่นอนว่าอัคคีราห์ไม่สะทกสะท้านกับแววตาหรือคำพูดของเธอแม้แต่น้อย ปล่อยให้เธอเข้าใจในแบบที่ต้องการ แค่ไม่ให้เธอต่อต้านงานแต่งครั้งนี้ก็พอ
“ถ้าเธอทำได้ทั้งหมดมากกว่านั้นฉันก็จ่ายให้ไหว”
“.....”
“ขายชีวิตเธอให้ฉัน”
อัคคีราห์แสร้งระบายยิ้มให้ ก่อนจะผละมือออกจากหลังมือเธอ พลางกระชับเสื้อสูทตัวนอกแล้วเปรยสายตาขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยแววตานิ่งเรียบ แต่กลับทำให้เธอเสียวสันหลังไม่น้อยเลย
“แล้วจะเอาเงินพวกนี้ไปใช้อะไรก็ตามใจเธอ.. ยัยผู้หญิงเห็นแก่เงิน”