อัคคีราห์แบกคนตัวเล็กไว้บนบ่าด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะโยนลงบนเตียงนุ่มโดยที่ณิชายังไม่สิ้นฤทธิ์ขัดขืน พยายามตะเกียกตะกายจะหนีลงจากเตียง แต่ก็ถูกเขาจับข้อเท้าแล้วดึงเข้าหาตัว
ตอนนี้มันเลยกลายเป็นว่าเธอตกอยู่ใต้อาณัติของอัคคีราห์อย่างไร้หนทางหนี ก่อนชายหนุ่มที่มีแรงเยอะกว่าโถมร่างขึ้นคร่อม พร้อมจัดการรวบขลึงตึงเรียวแขนณิชาทั้งสองข้างไว้เหนือหัว
ท่าทางอันล่อแหลมพาใจคิดดีไม่ได้เลย
“อย่า.. จะทำอะไร อื้อ” ร่างบางขัดขืนสุดแรงเกิด เมื่ออัคคีราห์เกิดบ้าระห่ำฝังริมฝีปากลงบนร่างกายเธออย่างถือวิสาสะ จนณิชาตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก
ใบหน้าหล่อเหลาซุกไซ้ลำคอขาวคล้ายว่าจะทดสอบเรี่ยวแรงของคนฝีปากกล้า ว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ต่อหน้าจะมีปัญญาเอาตัวรอดออกมาแค่ไหน
หรือเก่งแต่ปากอย่างที่พูดกันแน่..
เหตุการณ์ที่เธออาจคาดไม่ถึงแบบนี้ ผู้หญิงตัวเล็กคนเดียวจะเก่งกาจแค่ไหนก็ไม่รอดเงื้องมือเหล่าชายฉกรรจ์ที่เต็มไปด้วยสัญชาตญาณดิบเถื่อนอยู่ดี
“อัคคีราห์อย่า.. หยุดนะ” เธอดิ้นเร่าพร้อมร้องบอกให้เขาปล่อย แต่เรี่ยวแรงอันน้อยนิดก็แทบจะไม่สะกิดผิวกายอัคคีราห์สักนิดเดียว
“เก่งให้เหมือนปากอย่างที่พูดสิ” เขาละใบหน้าออกจากลำคอขาว หอบหายใจด้วยอารมณ์โกรธ ดวงตาวาวโรจน์อย่างปิดไม่มิด
“เป็นบ้าหรือไปแล้วเหรอไงหะ นายจะทำบ้าอะไรเนี่ย!” ณิชาหันหน้าหนีการรุกล้ำพื้นที่บนร่างกาย ก่อนจะกัดริมฝีปากล่างจนห้อเลือด
“ไหนเธอลองขัดขืนสิ สู้ให้เหมือนเวลาอยากเอาชนะฉัน”
“นายทำแบบนี้เพื่ออะไรอัคคีราห์.. ทำแบบนี้แล้วรู้สึกชนะผู้หญิงคนนึงมากใช่มั้ย”
สิ้นประโยคนั้นเธอก็ยังดีดดิ้นร่างกายเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการไม่หยุด เขาไม่ได้จูบหรือล่วงเกินทำอะไรที่มากกว่านั้น แต่กำลังใช้ริมฝีปากล่วงล้ำบนเรือนกายขาวโดยไม่ได้รับอนุญาต
ทว่าแค่นั้นมันก็ทำให้เกิดความรู้สึกแย่อยู่ดี..
“บอกให้ปล่อยไงไอ้คนเลว ปล่อยนะ!”
“หึ”
อัคคีราห์เกลียดความซับซ้อน เขามีระบบป้องกันความรู้สึกของตัวเองสูง และบางครั้งก็ดูเป็นคนเย็นชาเพราะไม่อยากเอาตัวเองจมอยู่กับอะไรนานๆ
เขาเคยรักและเคยเกลียด จนกลายเป็นพวกขยาดความรู้สึกนั้นไปโดยปริยาย
การไม่รักใครเป็นทางออกเดียวที่จะปกป้องตัวเขาเอง..
เขายอมกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวที่ใครต่างก็บอกว่าเขามันรักแต่ตัวเอง ยังดีกว่าเจ็บเจียนตายตอนถูกรสชาติความหอมหวานของคำว่ารักหักหลัง
“กรี๊ด!” เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจดังขึ้น พร้อมกับกระดุมเสื้อของณิชาที่กระเด็นขาด เผยให้เห็นเนื้อหน้าอกขาวเนียนที่โผล่พ้นขอบเสื้อใน โดยที่คนกระทำไม่รู้ตัวสักนิดเดียว
“ถ้าเป็นไอ้เวรนั่นทำแบบนี้ จะขัดขืนมันบ้างมั้ย” อัคคีราห์ผละใบหน้าออกอีกครั้ง ก่อนคราวนี้จะปล่อยมือที่ตึงแขนเธอออก แล้วเปลี่ยนเป็นจับปลายคางณิชาให้สบตามองเขาแทน
ทว่าหญิงสาวที่นอนตัวสั่นเทาใต้ร่างได้แต่เบือนหน้าหนี สายตาและท่าทางบ่งบอกว่าเธอรังเกียจเขาเต็มประดา จนอัคคีราห์คลายมือลงเล็กน้อย
“พี่เทียนไม่เคยรุ่มร่ามเหมือนนาย เขาไม่แสดงพฤติกรรมแย่ๆ แบบนี้ใส่ฉัน”
“เธออ่านความคิดคนออกหรือไง”
“แล้วนายอ่านใจคนได้ด้วยเหรออัคคีราห์”
พูดจบประโยคเจ้าของดวงตาคู่สวยที่มีน้ำตาเอ่อคลอก็ขยับกลับมามองที่คนด้านบน เธอกัดริมฝีปากสะกดกลั้นอารมณ์ไม่ให้อ่อนไหว แต่ภายในใจก็กลัวเกินกว่าจะเก็บซ่อนมันไว้คนเดียว
“แล้วก็เลิกใช้สายตาแบบนั้นมองกันสักที” ณิชาเอ่ยบอกเสียงสั่นคลอน เธอยกมือขึ้นยันอกอัคคีราห์ด้วยแววตาอ่อนไหว ก่อนจะเบะริมฝีปากคล้ายคนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
“สายตาแบบไหน” ใบหน้าคมคายขมวดคิ้วมุ่น เพราะไม่เคยรู้ตัวเองเลยว่าใช้สายตาแบบไหนมองคนอื่น
แต่เธอดันไม่ตอบแล้วใช้ความเงียบผ่านสายตาจ้องมองเขาแทน นั่นเลยทำให้อัคคีราห์อารมณ์ขึ้นมากกว่าเดิม แววตาหมายคาดโทษราวกับสิ่งที่เธอทำมันผิดมาก
“เรามีข้อตกลงระหว่างกันนายอย่าลืม.. แล้วนี่นายก็ล้ำเส้นฉันมาเยอะมากแล้วรู้ตัวมั้ย” เธอกัดฟันข่มเสียงสั่นๆ เอาไว้
แววตาคู่สวยวูบไหวได้น่าสงสารจับใจ น้ำตาที่ไม่ได้ดั่งใจไหลออกจากหางตาอย่างห้ามไม่อยู่ จนอัคคีราห์ละมือออกจากใบหน้าเธอ ก่อนเปลี่ยนเป็นเท้าแขนลงข้างลำตัวคนใต้ร่างแล้วกดสายตามองอย่างพิจารณา
“น้ำตาหรือมารยาหญิง”
“ฮึก”
“นี่”
“อึก.. ฮึก”
ณิชาไม่ได้สนใจในสิ่งที่เขาต่อว่า แต่เธอกำลังตัวสั่นเทาเหมือนกระต่ายเปียกฝน น้ำตาไหลอาบแก้มขาวจนใจคนเห็นอ่อนยวบยาบไปหมด
ก็แค่มารยาหญิง.. เขาเห็นการแสดงเหล่านี้มาเยอะจนเอือมระอาเต็มทน
อัคคีราห์ผ่อนปรนลมหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะหลับตาปรับอารมณ์ที่คุกรุ่นให้เย็นลง พยายามอย่างถึงที่สุดหลังเห็นน้ำตาหญิงสาวที่เขาไม่อยากมอง
“แล้วฉันต้องทำยังไงเธอถึงจะเชื่อ ถึงจะเลิกดื้อสักที” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามคล้ายว่าหมดความอดทนเต็มที
“ฉันไม่ได้ดื้อ..” เธอตอบกลับเขาไม่เต็มเสียง จากที่พยศร้ายก็กลายเป็นแมวเชื่องซึมที่สบตาเขาปริบๆ
“เด็กน้อยที่ไม่รู้ประสีประสายังพูดง่ายกว่าเธอเยอะ นี่โตมาขนาดนี้ทำไมถึงไม่ฟังเรื่องที่คนอื่นเขาเตือนบ้าง”
“แล้วการที่นายสั่งสอนผู้หญิงคนนึงด้วยการทำแบบนี้.. แปลว่าผู้หญิงคนนั้นต้องรู้เองใช่มั้ยว่ามันคืออะไร”
อัคคีราห์หน้าชาไม่น้อยกับการถูกยอกย้อน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เคารพกฎที่ว่าความลับขององค์กรไม่ควรเปิดเผยให้คนนอกรู้
ยิ่งรู้มากเท่าไหร่ อันตรายก็คลืบคลานเข้าใกล้ตัวมากเท่านั้น
“ฉันไม่เข้าใจทุกอย่างที่นายทำ.. ไม่เข้าใจเลย”
“อย่า.. ร้อง..”
ปลายประโยคเชิงร้องขอช่างแผ่วเบาทำเอาอีกคนไม่ได้ยิน เธอสะบัดหน้าไปมาก่อนจะผลักอัคคีราห์ให้พ้นทางแล้วรีบจับคอเสื้อปิดทับกันไม่ให้เห็นเนื้อหนังของตัวเอง
แน่นอนว่าครั้งนี้ชายหนุ่มไม่ได้ต้านแรงเธอไว้ ยอมปล่อยให้เจ้าตัวลุกหนีไปแต่โดยง่าย ก่อนคนมือไวจะคว้าข้อมือเธอเอาไว้ไม่ให้เดินหนีไปไกลจากเตียง
“ปล่อย” ณิชาหลุบตามองข้อมือตน พลางยกมือขึ้นปาดน้ำตาลวกๆ ด้วยความเจ็บใจ
“จะไปไหน” เขาถามเสียงเย็น แววตาแข็งกร้าวปรายตามองแล้วเพยิดให้เธอลงมานั่งแทน
“ฉันจะไปฟ้องคุณปู่ ฮึก ส่วนนายก็เตรียมตัวมานั่งคุกเข่าขอโทษฉัน.. อัคคีราห์”
“ห้ามออกจากห้องจนกว่าฉันจะอนุญาต”
“นายไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน”
“ณิชา” น้ำเสียงที่ใช้เรียกชื่อเต็มของเธอทำเอาเจ้าของชื่อถึงกับชะงักงันไปชั่วขณะ ก่อนจะสะบัดมือออกแล้วเบือนหน้าหนีไม่ให้เขาเห็นว่าเธอกำลังร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว
มือหนาที่กำลังจะเอื้อมไปแตะชะงักเล็กน้อย ก่อนเปลี่ยนเป็นถอนหายใจทิ้งหนักๆ แทน
“เป็นใครกันมาทำคนอื่นร้องไห้.. นิสัยเสียที่สุดเลย”
“ถ้าขอร้องล่ะ..”
ประโยคที่ใช้โทนเสียงนิ่งเรียบนั้นได้ยินถึงหูของณิชา เธอหันหน้ากลับมามองเขาเพื่อเฝ้ารอว่าอัคคีราห์จะพูดอะไรต่อ แต่สุดท้ายคนตัวสูงก็ระเบิดอารมณ์ออกมา ราวกับว่ากลบเกลื่อนบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกแย่กับมัน
“ช่างแม่งเว้ย” อัคคีราห์บอกปัดคล้ายว่าทะเลาะกับตัวเอง “นั่งลง”
“ไม่..”
“บอกว่านั่งลง”
“ฉันไม่ใช่หมาแมวสักหน่อย พูดกันดีๆ ก็ได้นี่”
“พูดดีๆ แล้วฟังมั้ย”
ใต้ตาคู่สวยแดงก่ำจนลามไปยันปลายจมูกได้น่าเอ็นดูกว่าตอนโหวกเหวกโวยวายหลายเท่า ณิชาเบือนหน้าหนีไม่อยากสบตาด้วย ก่อนจะถูกกระตุกรั้งมือให้นั่งลง
“จะนั่งหรือจะนอนเลือกเอา”
“.....”
“ว่าไง”
น้ำเสียงทุ่มต่ำเจือรอยความดุดันในประโยค ทำเอาเธอไม่กล้าต่อปากต่อคำไปมากกว่านี้ แม้ว่าในใจจะแอบกร่นด่าจนแสดงออกทางสีหน้าด้วยการคว่ำริมฝีปากใส่อัคคีราห์ก็ตาม
“ก็แค่นั้น” เขาพูดเชิงประชดหลังหญิงสาวเดินลงมานั่งบนเตียงตามคำสั่ง ถึงจะดูไม่เต็มใจแต่เวลานี้อัคคีราห์ไม่อยากให้เธอคลาดสายตา
“อย่ามาแตะตัวฉัน” ณิชาเบี่ยงหลบอัคคีราห์ที่ทำท่าจะจัดเสื้อเธอให้เรียบร้อย พร้อมยกมือขึ้นปิดหน้าอกเอาไว้แทน
“บอกแล้วไงว่าไม่ได้พิศวาสขนาดนั้น ไม่มีอารมณ์” พูดจบเขาก็โยนเสื้อคลุมให้เธอ แต่มีน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กๆ ดังให้ได้ยิน
เจ้าของใบหน้าคมคายยกมือขึ้นเสยผมอย่างหัวเสีย เพิ่งเห็นว่ากระดุมเสื้อของเธอหลุดขาดกระเด็นก็ตอนที่ณิชาจับเสื้อตัวเองไว้
ก่อนสายตาคู่คมจะกวาดมองหากระดุมเม็ดนั้น พลันเรียวคิ้วเข้มก็ขมวดมุ่นอย่างไม่สบอารมณ์
“แม่ง..” อัคคีราห์สบถ มองหญิงสาวที่หันหน้าหนีไปทางอื่น
เพราะอารมณ์นำเหตุผลเหตุการณ์นี้ถึงเกิดขึ้น..
เธออาจจะเข้าใจผิดคิดว่าเขาพยายามทำเรื่องไม่ดีกับเธอ ทว่าคนอย่างอัคคีราห์มีแต่คนรายล้อมอยากเข้าหา เขาไม่จำเป็นต้องเสียเวลาหรือเสียแรงกายไปกับเรื่องแบบนี้ด้วยซ้ำ
เพราะแค่อยากปราบพยศความอวดดีของคนไม่อยู่ในโอวาทก็เท่านั้นเอง..