บางอย่างถ้าเก็บไว้ใกล้ตัวแล้วไม่เชื่อง โอกาสของการแว้งกัดก็มีมากไม่น้อย
แต่ถึงอย่างนั้นอัคคีราห์ก็ยังอยากจะถ่ายทอดทุกอย่างให้ เมื่อณิชาก้าวขาเข้ามาในตระกูลเซียหลงหลังพิธีแต่งงาน เหมือนกับรักครั้งก่อนที่เขาทุ่มเทสอนสั่งจนยากเหงื่อเลือดตาแทบกระเด็น
เพื่อถูกเธอหักหลังอย่างเลือดเย็นอย่างไร้ปราณี..
เวลาล่วงเลยเกือบครึ่งชั่วโมงที่อัคคีราห์และณิชาต่างก็นั่งกันอยู่คนละมุมห้อง คนปากหนักได้แต่กัดกลืนคำขอโทษจากการกระทำผิดไว้ใต้ใบหน้าที่เรียบเฉย
เขาดูหงุดหงิดแต่ก็ไม่ได้สบถหยาบอะไร นอกจากหยิบไวน์ขึ้นมาดื่ม มือก็สูบบุหรี่พร้อมกับพ่นควันสีเทาลอยขึ้นสู่อากาศ จนณิชาหันมาขมวดคิ้วใส่
“เหม็น” เธอจิกตามองเขาเขม็ง มือก็ปัดควันด้านบนแล้วยู่ปลายจมูกเล็กน้อย
ใบหน้าคมคายไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรกับท่าทีของเธอ ก่อนจะทิ้งบุหรี่ลงบนโถเขี่ยจนไฟมอด ถึงได้ลุกขึ้นเดินไปยังตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบเสื้อสีขาวติดมือออกมาด้วย
“เปลี่ยนซะ” อัคคีราห์เอ่ยเสียงเย็น ขณะที่ส่งเสื้อยืดตัวโคร่งของเขาให้เธอที่นั่งจุมปุ๊กอยู่ข้างเตียงไม่ไปไหน
ณิชากระชับเสื้อที่กระดุมขาดแล้วเชิดดวงหน้าคล้ายว่าไม่อยากใส่ใจเขา แต่สุดท้ายก็ถูกอัคคีราห์โยนเสื้อให้จนมันตกลงมาใส่หัวเธออยู่ดี
“ใส่ ถ้าไม่อยากเปลือยอกให้พวกบอดี้การ์ดมันดู” อัคคีราห์ปรายหางตามอง พลางแสยะยิ้มมุมปากที่เห็นเธอหัวเสีย
“ไอ้บ้านี่” ณิชาขบริมฝีปากแน่น ก่อนจะโยนเสื้อใส่อีกฝ่ายเหมือนที่เจ้าตัวทำ
“จะไม่ใส่” เขาเลิกคิ้วถาม “ไม่ใส่ก็ตามใจ”
พูดจบอัคคีราห์ก็โยนเสื้อตัวเองไปที่โซฟา ไม่สนท่าทีของณิชาที่จะถอนหายใจใส่ด้วยความเดือดดาลแค่ไหน กับที่เขาทำการกักขังหน่วงเหนี่ยวเธอไว้แบบนี้
จังหวะที่ร่างสูงกำลังจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไปหยิบเหล้ามาเพิ่ม เสียงของณิชาที่ดังขึ้นก็รั้งเขาเอาไว้ให้หันกลับมามองเธออีกครั้ง
“เมื่อไหร่นายจะไปส่งฉัน ไม่งั้นฉันจะโทรให้คนขับรถมารับ” ใบหน้าสวยเชิดขึ้นกลบความประหม่าในแววตา แต่ทว่าอัคคีราห์ที่สายตาไวราวกับเหยี่ยวบนเวหา ดันเหลือบเห็นมือถือของเธอที่กำลังพิมพ์ค้างแชทของใครบางคนอยู่ในมือ
"อ่อ"
"ตกลงนายจะเอายังไง"
“ฉันลืมไปเลย..”
รอยยิ้มเย็นเยือกราวกับหมอกทำเอาหญิงสาวกระถดตัวถอยเล็กน้อย แต่ยังคงยืดอกอย่างไม่กลัวเกรง เหมือนเจ้าแมวขนปุยที่โก่งตัวจนขนพองเพื่อขู่คู่ต่อสู้
จนลืมไปเลยว่าตรงหน้าเธอนั้น.. เป็นเจ้าป่าที่ล่าเนื้อ
“ต่อให้ตัวเธออยู่ตรงนี้ แต่ก็ยังอยากจะถามไถ่สารทุกข์สุขดิบหมอนั่นสินะ ห่วงจะเป็นจะตายเลยใช่มั้ย” อัคคีราห์เอ่ยเชิงประชดประชัน สายตาไล่อ่านข้อความในแชทอย่างถือวิสาสะ ถึงทำให้รู้ว่าบางประโยคณิชาพิมพ์อะไรไปบ้าง
“เสียมารยาท” เธอต่อว่า “แอบอ่านข้อความคนอื่นเขาแบบนี้ ไร้มารยาทชะมัด”
"ส่งมือถือมา"
"เรื่องอะไร"
“ถ้าเธอแต่งเข้าตระกูลเซียหลง เธอต้องไม่มีความลับกับฉันแม้แต่เรื่องเดียว”
“แต่นี่มันเรื่องส่วนตัวฉันก่อนเจอนาย อีกอย่างฉันไม่สนใจว่านายคิดยังไง ฉันสนใจแค่ว่าตัวฉันรู้สึกยังไงมากกว่า”
“จะไม่มีพื้นที่ส่วนตัวสำหรับเธอ ทุกอย่างที่เธอรู้หรือสงสัยเธอต้องพูดกับคนใน ห้ามปริปากกับคนนอก”
สิ้นประโยคนั้นแววตาคมคายดูมาดร้ายก็เลิกคิ้วในเชิงให้เธอทำความเข้าใจแล้วยอมรับ เพราะมันไม่ใช่ข้อเสนอแนะหรือคำชี้แจงแต่อย่างใด แต่เป็นสิ่งที่เธอต้องทำตามกฎของตระกูลอย่างเคร่งครัดเท่านั้นเอง
“หาทาสเข้าเรือนเบี้ยเหรอคะคุณใหญ่” ณิชาเอียงคอใส่อย่างกวนประสาท ซึ่งแน่นอนว่าเป็นคู่ต่อกรฝีปากกับอัคคีราห์ได้เป็นอย่างดี
ผลัดกันออกหมัดกันละคนที จะต้องมีใครสักคนน่วมไปข้างบ้างแหละ
“เหอะ เรือนเบี้ยเหรอ” อัคคีราห์ถึงกับแค่นหัวเราะในลำคอด้วยความหมดคำจะพูดกับผู้หญิงคนนี้
“พ่อฉันยังไม่เคยทำแบบนี้เลย ต่อให้แต่งงานกันแล้วก็ตาม แต่ถ้านายยังล้ำเส้นฉันแบบนี้.. ฉันก็สู้ไม่ถอยเหมือนกัน”
“บอกแล้วไงว่าเก่งให้เหมือนปาก”
“อัคคีราห์”
หญิงสาวกดเสียงต่ำตอนเรียกชื่อเขา ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเพื่อเผชิญหน้ากับคู่สนทนาโดยตรง
“เสียงที่เปล่งตอนพูดมันดังกว่าการกระทำก็จริง แต่การกระทำจะยืนยันว่าเสียงของเธอเป็นแค่ลมปากหรือคำสัตย์จริง.. ไม่ใช่เหรอ”
ประโยคที่เอ่ยออกจากปากของอัคคีราห์ประกอบด้วยท่าทางและสายตาเรียบเฉย แต่ทว่าทุกคำกลับบาดลึกลงบนความรู้สึกผู้ฟัง จนณิชาคิดคำโต้ตอบไม่ทันได้แต่ยืนตัวสั่นกำมือแน่น
“แล้วนี่เธอจะบอกมันมั้ยว่าอยู่กับฉัน” ไม่รอให้ไฟมอดอัคคีราห์ก็ราดน้ำมันใส่เพิ่มเข้าไปทันที
“ว่าไงนะ” ณิชาเริ่มกอดอก ใต้ตากระตุกใกล้จะอาละวาดใส่เขาอย่างเหลืออด
“บอกมันไปว่าอยู่กับฉัน” อัคคีราห์ออกคำสั่งอีกครั้ง นั่นเลยทำให้หญิงสาวจ้องเขาเขม็งเพราะความไม่พอใจ
“ทำไมฉันต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะ ฉันไม่ใช่เมียนายสักหน่อย ไม่เห็นต้องทำเหมือนหึงกันเลยนี่”
“เมีย..”
คำว่าเมียที่หลุดออกจากปากอัคคีราห์ ฉายชัดถึงสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง สร้างความพึงพอใจให้เธอไม่น้อยที่สามารถดึงคนหน้าตึงให้มีปฏิกิริยาตอบโต้กลับมาได้บ้าง
พอเห็นว่าคิ้วเข้มแลดูเจ้าชู้ประตูดินนั่นขมวดเข้าหากัน ณิชาก็ไม่ลืมที่จะราดน้ำมันลงบนไฟของบทสนทนานี้เช่นกัน
“ฉันลืมคิดไปเลย.. บางทีคนปากแข็งอย่างนายคงอยากจะเป็นสามีฉันจนตัวสั่น ถึงเกิดอาการหึงแบบหน้ามืดแบบนี้ไง” ณิชาเลิกคิ้วกวนประสาทกลับ และมันได้ผลไม่น้อยเมื่ออัคคีราห์แสยะยิ้มแล้วแค่นหัวเราะใส่
“เขียนนิยายอยู่เหรอ”
“นายก็แค่ไม่ยอมรับตัวเอง ..ปากไม่ตรงกับใจ”
ร่างสูงก้าวปลายเท้าเข้ามาใกล้หญิงสาวทีละนิด ส่วนเธอก็ขยับถอยหลังอัตโนมัติ แต่สายตายังคงบ่งบอกถึงความใจกล้าที่ยืนต่อหน้าอัคคีราห์อย่างไม่กลัวเกรง ทั้งที่ในใจเต้นล่ำไม่เป็นส่ำด้วยความหวาดกลัว
“ถะ.. ถอยไปนะ”
“มีอะไรให้น่าพิศวาส ไม่แข็ง.. ไม่ตื่นตัว ไม่ตื่นเต้นหรือเร้าใจสักนิด เหอะ”
ใบหน้าคมคายเรียบเฉยไม่คล้อยตามเกมปั่นประสาทของเธอ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าณิชายียวนกวนโมโหเขาได้น่าจับตีก้นชะมัด
อัคคีราห์ใช้จังหวะทีเผลอพุ่งตัวเข้าไปคว้ามือถือของเธอ จนมันถูกเขาฉกชิงไปได้เรียบร้อย พร้อมกับชูขึ้นเหนือหัวในความสูงที่ณิชาต้องแหงนหน้ามอง ก่อนจะตวัดสายตามองชายหนุ่มอย่างไม่สบอารมณ์
“อยากตายหรือไง”
สิ้นประโยคนั้นอัคคีราห์ก็ถึงกับแสยะยิ้มมุมปาก ราวกับว่ามันเป็นเรื่องน่าขบขัน ตอนเห็นเธอดูจริงจังขึ้นมาทันควันเมื่อมันเป็นเรื่องของเทียน
“เอามือถือฉันคืนมานะ”
“อยากเป็นเมียแค่ในนามหรือเป็นเมียจริงๆ”
“อะไร”
“เมียรายวันดีมั้ย บางวันเป็นเมีย.. บางวันก็แค่คู่นอน” ประโยคเสียดสีเอ่ยผ่านใบหน้าเรียบเฉย ทว่าแววตาแสดงถึงความจริงจังตั้งแต่ที่เคยพูดคุยกันมา
จริงจังกับเรื่องบนเตียงจนเผลอเผยธาตุแท้ออกมาเชียว
“อัคคีราห์” ณิชาที่หมดความอดทนจะเดินเข้าไปคว้าโทรศัพท์มือถือของตัวเอง แต่ก็ต้องพลาดพลั้งไม่เป็นท่ากับจังหวะน่าอายที่ดันเกิดขึ้น
ดวงตาคู่สวยเบิกโตด้วยความตกใจ ร่างกายลอยเคว้งในอากาศเพียงเสี้ยววินาที ก่อนที่เธอจะหลับตาปี๋พร้อมเตรียมใจรับแรงกระแทก
แต่ทว่า..
ณิชาที่สัมผัสได้ถึงท่อนแขนแกร่งกำลังโอบรัดเธออยู่ ทำให้เจ้าตัวยอมลืมตาขึ้นมอง ก่อนจะเบิกตาโตเท่าไข่ห่าน เมื่อคนตรงหน้าคืออัคคีราห์ที่รับตัวเธอเอาไว้ไม่ให้หน้าคะมำลงไปจูบพื้นซะก่อน
เจ้าของนัยน์ตาสีรัตติกาลหลุบมองหญิงสาวร่างอรชรในอ้อมกอด ความนุ่มนิ่มของเนินอกที่กำลังเสียดสีร่างกาย ส่งผลให้ลมหายใจร้อนผ่าว แต่ต้องกำหนดจิตใจให้แน่วแน่ด้วยการตีหน้าเข้มเข้าไว้
“อันนี้ก็อยู่ในบทอ่อยผู้ชายด้วยใช่มั้ย”
“ไอ้..”
“เหอะ”
ณิชาหน้าแดงก่ำไม่ใช่เพราะเขิน แต่เป็นเพราะโกรธต่างหาก
ปลายเท้าที่ชื้นเหงื่อผลมาจากความประหม่า ทำให้เธอที่พยายามจะผละออกจากเขา กลับกลายเป็นล้มทับกันจนร่างกายแนบแน่นกว่าเดิม แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังเชิดหน้าเพราะไม่อยากดูอ่อนแอต่อหน้าเขา
“โทษนะ แต่อันนี้บทมันเขียนว่าฉันจะอ่อยนาย แต่เป็นนายเองหรือเปล่าที่อยากจะแตะอั๋งฉัน” ณิชาโต้กลับด้วยความเป็นคนชอบเอาชนะ และไม่ชอบเห็นสีหน้าของอัคคีราห์ที่ทำเหมือนเหนือกว่าเธอ
“เพ้ออะไรอยู่”
“แล้วใครกันล่ะที่ไม่ยอมปล่อย”
สิ้นประโยคนั้นอัคคีราห์ก็ถึงกับรีบปล่อยเธอให้เป็นอิสระ ก่อนจะกระแอมไอในลำคอกลบเกลื่อนพิรุธในแววตา พลางยกหลังมือขึ้นถูปลายจมูก เพราะกลิ่นหอมจากกายสาวมันกระตุ้นอารมณ์ชายไม่น้อย
ถ้าหากอัคคีราห์มีนิสัยเหมือนหมาจ่าฝูงตัวใหญ่ ณิชาก็เป็นหัวหน้าลูกแมวแสบซน
เธอใช้จังหวะที่อัคคีราห์เผลอช่วงชิงมือถือคืนมา แต่ยังยืนยิ้มด้วยความพอใจได้ไม่ถึงเสี้ยววินาที ร่างสูงก็โถมตัวเข้าหาพาเธอล้มลงบนเตียงนอน จนกลายเป็นคนตัวเล็กทับอยู่ด้านบนใบหน้าจมอกกำยำโดยไม่ทันตั้งตัว
“อัคคีราห์ไอ้คนเลว อื้อ” คนด้านบนดีดดิ้นเป็นจังหวะเดียวกันกับที่คนมือไวยกแขนขึ้นกอดรัดเธอไม่ให้ขยับหนี
“ดื้อ”
“นี่”
อยู่ด้วยกันไม่ครบวันณิชาก็เริ่มปรับตัวหาทางรอดขณะเผชิญหน้ากับอัคคีราห์ได้แล้ว เพราะยิ่งดิ้นไปก็เหมือนว่าร่างกายจะสูญเสียพลังงานชีวิตเปล่าๆ
เธอหยุดดิ้นแล้วหอบหายใจแรงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าเอาคางวางเกยบนอกแล้วช้อนสายตามองอีกฝ่าย
“นี่นาย..”
“.....”
“กอดแน่นแบบนี้.. ฉันหายใจไม่ออกนะ”
วินาทีที่ทั้งคู่สบตากันสงครามวิวาทะขนาดย่อมที่เพิ่งจะเกิดขึ้นก็เข้าสู่โหมดสงครามเย็น เพราะอัคคีราห์เอาแต่มองหน้าเธอไม่ละไปไหน ส่วนเธอก็รอจังหวะที่จะเอาคืนอยู่เหมือนกัน
“หวั่นไหวเหรออัคคีราห์” ใบหน้าสวยแยกยิ้มบนมุมปาก
เพราะเห็นว่าอีกคนเอาแต่จ้องกันราวกับจะกลืนกิน แถมยังไม่ยอมปล่อยให้เป็นอิสระ เธอก็อดไม่ได้ที่จะโยนคำถามนี้กลับไป หลังคนปากแข็งยืนกรานเสียงหนักแน่นหลายครั้งว่าไม่ได้พิศวาส
นี่ขนาดไม่ได้พิศวาสยังจ้องตาไม่กะพริบขนาดนี้เลย ถ้าพิศวาสขึ้นมาเธอจะมีโอกาสได้ลงจากเตียงมั้ย
“ที่บอกว่าไม่ได้พิศวาสคืออยากได้ใจจะขาดหรือเปล่า”
“แล้วอยากได้มั้ยล่ะ”
ณิชาที่กระตุกยิ้มมุมปากเพราะคิดว่ากำลังจะเอาชนะเขาได้ ต้องรีบหุบปากฉับไวหลังอัคคีราห์ยื่นข้อเสนอด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
เธอแสร้งทำหน้าครุ่นคิดไปตามบทบาทมารยาหญิงที่เขามองเธอ ก่อนจะลากไล้นิ้วเรียวไปตามสันกรามคมอย่างถือวิสาสะ ทว่าอัคคีราห์กลับไม่ปฏิเสธการกระทำของเธอ ปล่อยให้อีกฝ่ายได้สัมผัสผิวกายตามอำเภอใจ
“ขอบคุณสำหรับการเชิญชวนนะคะคุณอัคคีราห์..” เธอโปรยยิ้มหวานใส่ไม่หยุด
อัคคีราห์กัดกรามกรอด ตอนที่เธอยุกยิกบนตัวเขาแล้วเผลอเฉียดผ่านส่วนอ่อนไหวไปมา แถมใบหน้าขาวมีเลือดฝาดจนแก้มอมชมพูยังอยู่ใกล้เพียงคืบเศษ
จะปฏิเสธได้ยังไงว่าใจไม่สั่นในเวลาแบบนี้..
“แต่คำตอบคือไม่”
“.....”
“ไม่เอาค่ะ ไม่ได้พิศวาสขนาดนั้น”
ไม่พูดเปล่าเธอยังเหยียดยิ้มเลียนแบบเหมือนที่อัคคีราห์ชอบทำ จนอีกคนขลึงตาดุใส่แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอสลดแต่อย่างใด
“บางอย่างนายก็ต้องโดนด้วยตัวเองซะบ้าง จะได้รู้.. ว่าเวลาเจอแบบนี้แล้วมันรู้สึกยังไง เหอะ” ณิชาย่นปลายจมูกใส่ ก่อนจะลุกออกจากตัวอัคคีราห์ โดยไม่ลืมคว้ามือถือแล้วก็เดินไปหยิบเสื้อยืดที่เขาโยนลงบนโซฟาติดมือก่อนเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนด้วย
“ร้ายกาจจังวะ หึ”