“แม่จ้า” เสียงแจ้วเรียกมารดาของตนจากนอกตัวบ้าน ผู้ที่ถูกเรียกหาก็ได้ชะเง้อคอมอง ก่อนจะสาวเท้าออกมาจากห้องครัวขนาดเล็ก
“มีอะไรหื้อ ไปเล่นกับพี่ปืน ไปทำอะไรให้พี่เขาไม่พอใจหรือยังไง” น้ำเสียงของผู้หญิงวัยสามสิบต้น ๆ กล่าวพลางมองหน้าบุตรสาวของตน ที่โดนเด็กหนุ่มจับแขนไว้แน่น
โสธิยาเมื่อได้เห็นหน้าหญิงสาววัยไล่เลี่ยกับตน ก่อนจะเอาหลังมือมาขยี้ตาทั้งสองข้างอย่างไม่เชื่อสายตาของตนเอง
หากทว่าไม่ว่าจะขยี้ตายังไง เธอก็มองเห็นมารดาของตนอยู่ดี ก่อนจะถอยหลังห่างออกมา และมองไปยังบ้านเก่า ๆ ชั้นเดียว เธอจำได้ว่าอยู่บ้านหลังนี้จนจบมัธยมตอนต้น เป็นบ้านที่บิดาและมารดาอยู่ด้วยกัน
“ก็น้องหยกพาคนแปลกหน้ามาที่บ้านด้วยซิครับคุณน้า ผมห้ามน้องก็ไม่ยอมฟัง จนเขาตามมาถึงที่บ้าน” น้ำเสียงไม่พอใจ ฟ้องผู้ใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าจนปากเป็นงวง
แววตาดุดันของเด็กน้อยตรงหน้าที่มองโสธิยา ทำให้เธออยากจะเขกกะโหลกเด็กคนนี้สักทีสองทีด้วยความหมั่นไส้
“คะ คุณมีอะไรหรือเปล่าคะ” น้ำเสียงหวานเอ่ยปากถามผู้ที่มาใหม่ ด้วยความไม่ไว้วางใจ ในขณะเดียวกันหล่อนได้ถอยหลังไปสองถึงสามก้าว
“คะ คุณแม่ เอ๊ย! คุณพอจะมีที่พักให้กับฉันไหมคะ” หญิงสาวเรียกผู้หญิงตรงหน้าอย่างลืมตัว ถึงแม้ว่าหล่อนจะเป็นมารดาของเธอ จริง ๆ แต่ใครจะไปเชื่อละว่า ผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้คือบุตรสาวของหล่อนในอีกยี่สิบกว่าปีข้างหน้า
แววตาของโสรดาเพ่งมองด้วยความระแวดระวัง เพราะหล่อน ไม่ไว้ใจคนแปลกหน้า ยิ่งตามข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์พวกขโมยขโจรเยอะไปเสียหมด
“คะ คงไม่ได้หรอกค่ะ คนแถวนี้ไม่ต้อนรับคนแปลกหน้าหรอกนะคะ เพราะเมื่อไม่กี่วันก่อน เพิ่งจะมีขโมยขึ้นบ้านจนไปฆ่าเจ้าของบ้านเสียชีวิต หวังว่าคุณพอจะเข้าใจนะคะ” หล่อนกว่าพลางขยับร่างถอยหลัง ในขณะที่เด็กน้อยทั้งสองขยับถอยหลังตาม
“อะ เอ่อคือ...หากไม่เป็นการรบกวนเกินไป ฉันขอทราบปีพ.ศ. พุทธศักราชที่เท่าไหร่ค่า” โสธิยาเธอไม่อยากจะขอร้องอ้อนวอนคนตรงหน้าให้ไว้ใจเธอ แต่เธอควรจะรู้หน่อยว่านี่มันปีที่เท่าไหร่
“คุณน้าครับ เขาถามก็กับผมแบบนี้เหมือนกัน แถมยังใส่เสื้อผ้าแปลกประหลาด” เด็กชายเงยหน้าบอกมารดาของเด็กสาว โดยที่เขาจับมือหล่อนเอาไว้ ส่วนอีกข้างก็มีตัวเธอในวัยเด็กจับมือมารดาด้วยเหมือนกัน
“ดะ ได้ค่า ปีนี้เป็นปีจอ พุทธศักราชสองพันห้าร้อยสามสิบเจ็ดค่า” เมื่อหล่อนตอบเพียงแค่นั้น หญิงสาวตาโตเป็นไข่ห่าน ก่อนจะเอามือ ป้องปากตัวเองด้วยความตกใจ
“ไม่ ๆ ไม่จริง ๆ มันต้องไม่เป็นแบบนี้ซิ ไม่ ๆ” โสธิยาได้แต่เดินวนไปวนมาอยู่แถวนั้น ก่อนเจ้าตัวจะรีบสาวเท้าออกมา หากทว่ากลับมี มือน้อยมาดังชายกระโปรงของเธอเอาไว้
“พี่สาว พี่สาวจะไปไหนเหรอค่า” แววตาไร้เดียงสาเงยหน้ามองหญิงสาวปริศนาตรงหน้า จนเธอเห็นแล้วอดรักตัวเองในวัยเด็กไม่ได้
“น้องหยก เขาจะไปไหนก็เรื่องของเขา มันไม่ใช่เรื่องของเรา” เด็กหนุ่มวิ่งมาดึงมือน้อยออกจากชายกระโปรงชุดสวย
หากแต่นั้นไม่ได้ทำให้เธอโกรธเด็กชายคนนี้เลย มันก็ถูกอย่างที่เด็กชายเขากล่าว เธอเป็นใครมาจากไหนให้เด็ก ๆ ไว้ใจ และเธอเป็นใคร มาจากไหนที่ให้มารดาของเด็กสาวนั้นไว้ใจเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นลูกของหล่อนก็ตาม
“งะ งั้นเชิญคุณเข้าไปในบ้านก่อนค่ะ เข้ามาดื่มน้ำดื่มท่าเสียก่อน” โสรดาได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ และมองหญิงสาวและเด็กน้อยทั้งสอง
แววตาของเธอมองไปยังร่างบางที่แต่งตัวแค่เสื้อยืดและกางเกงธรรมดา น้ำตาคลออยู่ที่เบ้าตาทั้งสองข้าง หญิงสาวบรรยายไม่ถูกว่าตนจะตอบแทนผู้มีพระคุณคนนี้อย่างไรดี
“ขะ ขอบคุณคุณน้ามากนะคะ ที่ให้คนแปลกหน้าอย่างหนูเข้าไปในบ้าน” โสธิยาพนมมือขึ้นมาวางที่หน้าอก พร้อมกับก้มศีรษะเพียงเล็กน้อยเพื่อขอบคุณมารดาของตนในวัยสาว ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“คุณน้า!” เสียงเด็กหนุ่มเรียกโสรดาด้วยความไม่พอใจ ทั้งที่หญิงแปลกหน้าคนนี้จะไว้ใจได้รึเปล่าก็ยังไม่รู้
“ปืน” น้ำเสียงเข้ม พร้อมกับสายตาดุ “เราเป็นเด็ก อย่าทำตัว ไม่น่ารักแบบนี้ซิ พาน้องไปเล่นที่สวนไป ห้ามกลับค่ำ ห้ามไปไหนกับ คนแปลกหน้าอีก และห้ามไปไหนไกล” หล่อนดุเด็กชายที่ทำหน้าตาบึ้งตึง ก่อนจะให้เขาชวนบุตรสาวของตนออกไปเล่น และคอยห้ามปราม
“ก็ได้ครับ” เด็กชายตอบรับอย่างไม่เต็มใจ ก่อนจะจูงมือเด็กสาว ที่มองมารดาของตนแล้วเดินจากไป
“คะ คุณพ่อ อะ เอ่อ...หนูหมายถึงสามีของคุณน้าไปไหนเหรอค่า” หญิงสาวกล่าวถามด้วยความสงสัยเพราะหล่อนไม่เห็นหน้าเขาตั้งแต่ที่ ก้าวเท้าเข้ามาในบ้านหลังนี้ ในขณะที่สาวเท้าเดินตามโสรดา
“สามีของฉันออกไปทำงาน กว่าจะกลับก็คงค่ำ” หล่อนกล่าวพลาง ก่อนจะวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะไม้ขนาดเล็ก ซึ่งมีเก้าอี้ไม้สองตัวไว้สำหรับต้อนรับแขก
“หากไม่เป็นการรบกวน หนูขออาบน้ำเปลี่ยนชุดหน่อยได้ไหมค่า” เธอว่าพลางมองชุดที่ตัวเองสวมใส่ “คุณไม่ต้องกลัวนะคะ หนูมาดีเดี๋ยวหนูจะทำอาหารเย็นแลกกับเสื้อผ้าเองค่ะ” กล่าวจบก็ฉีกยิ้มจนเห็นฟัน
“มะ ไม่เป็นไรหรอกค่า คุณเป็นแขกจะทำอาหารให้เจ้าบ้านไม่ได้ค่ะ ส่วนเสื้อผ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยค่า เดี๋ยวฉันจัดเตรียมไว้ให้” หล่อนกล่าวพลางหย่อนก้นลงบนเก้าอี้ไม้ข้าง ๆ