บทที่ 4 อดีต

1034 คำ
“พี่ปืน” เธออุทานออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นหน้าของเด็กชายที่ถามเธอ แต่พอมองถัดไปอีกนิด “ฉะ ฉัน” ริมฝีปากสั่นด้วยความตกใจอย่างไม่เชื่อสายตา จนเธอต้องยกหลังมือมาขยี้ตาทั้งสองข้าง “นี่ฉันตายไปแล้วใช่ไหม” เธอพึมพำมันออกมาด้วยความที่ไม่เข้าใจ ก่อนจะก้มลงมองตัวเอง ก็ยังคงใส่ชุดเจ้าสาว ก่อนจะคว้าเด็กน้อยคนนั้นเข้ามาใกล้ “ปะ ปล่อยหนูนะ หนูเจ็บ” เด็กน้อยพยายามสะบัดร่างออกจาก ฝ่ามือของหญิงแปลกหน้าที่ตัวใหญ่กว่าตน “ที่นี่ที่ไหน” เธอยอมปล่อยแต่โดยดี ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หมุนซ้ายที หมุนขวาที และหมุนเป็นวงกลม จนร่างของเธอเซไปเซมา เด็กทั้งสองเห็นดังนั้น จึงจับชายกระโปรงชุดเจ้าสาว เพื่อที่จะประคอง หญิงปริศนาผู้นี้ “ป้า บ้ารึเปล่า ผมเห็นยืนหมุนไปหมุนมา” เด็กชายถามด้วยความไม่เข้าใจว่าทำผู้ใหญ่คนนี้ทำอะไรแปลก ๆ “พี่ปืน ที่นี่ที่ไหน” โสธิยากล่าวเรียกเด็กชายอย่างลืมตัว จนเจ้าตัวที่ชื่อว่าปืน เอามือเกาศีรษะแก๊ก ๆ ด้วยความงงงวย “ทำไมต้องเรียกผมว่าพี่ ป้าอายุมากกว่าผมเสียอีก” เด็กน้อยยังคงต่อล้อต่อเถียงโสธิยา “พี่ปืน ทำไมต้องพูดจาไม่ดีกับพี่ผู้หญิงคนนี้ด้วย เดี๋ยวหยกจะไปฟ้องคุณป้า” เสียงแจ้วดังมาจากเด็กน้อยที่ยืนจับชายกระโปรงของหญิงสาว สายตาของโสธิยามองลงไปที่เด็กสาวอายุสี่ขวบ จู่ ๆ น้ำตาของเธอก็ไหลอย่างไม่ทราบสาเหตุ เพราะเธอจำได้ จำได้ว่าเด็กสาวคนนี้คือใคร ไม่ว่าจะน้ำเสียง ไม่ว่าจะทรงผมและเสื้อผ้าที่เด็กน้อยสวมใส่ เป็นเสื้อผ้าที่บิดาและมารดาเก็บเอาไว้ในห้องเก็บของ ก็เพราะเด็กคนนี้คือตัวเธอสมัยเด็ก สมัยที่บิดาและมารดายังอาศัยเช่าบ้านละแวกนี้ เธอย้ายสายตาไปยังเด็กชายอีกคนที่ยืนมองเธอ ตาไม่กะพริบ เป็นเด็กชายที่เธอสนิทสนมมากที่สุด และยังเป็นเด็กชายเพียงคนเดียวที่เล่นกับเธอ “ป้าร้องไห้อีกแล้ว เป็นบ้ารึเปล่า เสื้อผ้าก็ดูไม่คุ้นตา ป้าหลุดมาจากหนังสือนิตยสารที่พ่อผมเคยอ่านหรือไง” ในระหว่างที่เด็กน้อยกล่าว เขาได้เดินวนไปรอบ ๆ โสธิยาอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะกลับมายืนตรงหน้าอีกครั้ง “ปีนี้พุทธศักราชที่เท่าไหร่” เธอปาดน้ำตาออก ก่อนจะนั่งคุกเข่าถามเด็กชายตรงหน้า ที่น่าจะรู้ประสาที่สุด “ป้าหลุดมาจากดาวไหนเหรอ ถึงไม่รู้ว่านี่คือปีที่เท่าไหร่ หากผมบอกป้าไป ป้าจะให้รางวัลอะไรผมเหรอ” ประโยกแรกเด็กน้อยกล่าวทีเล่น ทีจริง สายตาเจ้าเล่ห์จ้องมองไปที่ใบหน้าของโสธิยา พลางยักคิ้วหลิ่วตาอย่างผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่า “งั้นฉันไม่อยากรู้แล้วก็ได้” โสธิยาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงอีกครั้ง เธอไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับเด็ก ก่อนจะสาวเดินด้วยเท้าเปล่า ก็เพราะว่าตอนที่เธอนั่งอยู่บนดาดฟ้า เธอได้ถอดรองเท้าส้นสูงทิ้งเอาไว้ “เดี๋ยวซิคะ” เสียงเด็กน้อยเรียกเธอเอาไว้ ก่อนจะก้าวเท้าเล็ก ๆ ตามมา “ไปเที่ยวบ้านหนูกัน” ว่าแล้วเด็กน้อยก็จูงมือไปยังบ้านของตน ด้วยใบหน้าดีใจอย่างไรเดียงสา “น้องหยก” เสียงของเด็กชายที่เรียกน้องสาวของตนด้วยเสียงเข้ม “น้องหยกไม่กลัวป้าคนนี้จะทำร้ายหรือไง เขาอาจจะเป็นพวกโจรลักพาตัวเด็กก็ได้ คุณอาและคุณน้าเคยบอกเสมอไม่ใช่เหรอว่าอย่าไปกับคน แปลกหน้า และอย่าพาคนแปลกหน้าไปที่บ้าน” เด็กชายมายืนดักอยู่ด้านหน้าของน้องหยก พร้อมกับยืนเท้าเอว “ก็พี่คนนี้ดูใจดี คงไม่ใช่โจรหรอกใช่มั้ยคะ” เขาหันมาถามโสธิยาพร้อมกับรอยยิ้มน่าเอ็นดูอย่างเป็นมิตร ใบหน้า แววตา น้ำเสียง และความไร้เดียงสาของน้องหยก ทำให้เธอลืมไปเลยว่าสมัยเด็กเธอเคยเป็นเด็กน่ารักขนาดไหน “ใช่จ้า พี่มาจากสวรรค์ เป็นนางฟ้าที่โดนเทวดาลงโทษ” เธอคุกเข่าหันหน้าเข้าหาเด็กสาว นั้นก็คือเธอในวัยเด็ก พลางนำฝ่ามือลูบศีรษะอย่างเอ็นดู “ป้า หลอกยัยนี้หลอกได้ แต่ป้าหลอกผมไม่ได้หรอกนะ นางฟ้า เทวดามีจริงที่ไหน”เด็กชายยืนกอดอกมองโสธิยาด้วยความที่ไม่ชอบใจ “ให้ตายเหอะ ไม่เคยคิดเลยว่าสมัยเด็กพี่ปืนปากคอเราะร้ายขนาดนี้” โสธิยาพึมพำกับตัวเอง ทั้งที่สายตาของเธอจ้องมองไปยังเด็กชายตรงหน้าที่ทำหน้ามุ่ย “ทำไมพี่สาวพูดเหมือนรู้จักพี่ปืนเลยล่ะคะ” เด็กน้อยถามเสียงแจ้วตามประสาเด็ก เมื่อเด็กน้อยตรงหน้าได้ยินโสธิยาเอ่ยถึงเด็กชายอีกคน “เฮ้อ! เอาละ” หญิงสาวถอนหายใจออกมา ก่อนจะลุกขึ้นยืนอีกครั้ง “จะพาพี่ไปที่บ้านไม่ใช่เหรอ พี่อยากเจอคุณพ่อกับคุณแม่อยู่พอดี” เธอกล่าวออกมาอย่างดีใจ เมื่อนึกถึงพระในบ้านที่เธอคิดถึงแทบขาดใจ “คุณพ่อคุณแม่ของหนูเหรอค่า” เด็กสาวถามอย่างไม่เข้าใจ ‘ทำไมตอนเด็กฉันถึงเป็นเด็กขี้สงสัยจัง’ หญิงสาวเหลือบไปมองเด็กน้อยที่กำลังกุมมือใหญ่ของเธอ พลางคิดด่าตัวเองอยู่ในใจ “น้องหยก มาเดินกับพี่” ว่าแล้วเด็กชายคนเดิมก็ได้คว้าแขนเล็กของเด็กสาวให้ไปอยู่ข้างตัว ก่อนจะเดินนำหน้าโสธิยา ที่เขาไม่ไว้วางใจเธอแม้แต่น้อย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม