ศิษย์หนุ่มมองคนเดินไปเดินมาพลางถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความฉงน เขาถูกประมุขสั่งห้ามมิให้สนทนากับสตรีบนหอคอย จึงไม่เคยเอ่ยต่อบทสนทนากับนาง แม้ว่าทุกครั้งที่ขึ้นมาส่งข้าวส่งน้ำ นางจะรีบเข้ามาหาด้วยท่าทางกระตือรือร้นราวกับสัตว์เลี้ยงที่ได้พบเจอผู้คน นางเหมือนกับลูกสุนัขไร้เดียงสาขี้เหงาตัวหนึ่ง ด้วยเหตุนี้จึงได้เผลอเฝ้ารอ รอว่านางจะมีสีหน้าเช่นไรเมื่อเห็นเขา แต่เกือบเดือนที่ทำหน้าที่นี้ นางกลับไม่เคยย่อท้อที่จะพูดคุยกับเขาเลยสักนิด
แรกเริ่มเสียงนางก็น่ารำคาญไม่น้อย แต่นานวันเข้ากลับคุ้นชิน หากแต่รอยยิ้มนั้นกลับเริ่มเจือจางลงทุกที คงใกล้จะยอมแพ้แล้วกระมัง คงต้องไปรายงานประมุขว่านางพูดสิ่งใดออกมาบ้าง แม้ว่าสิ่งที่นางเอ่ยมานั้นจะเต็มไปด้วยเรื่องราวไร้สาระก็ตาม
ไร้ซึ่งเสียงตอบกลับ เด็กหนุ่มวางสำรับอาหารแล้วเก็บสำรับเดิมใส่ตะกร้าหวาย จากนั้นหันมามองสตรีในอาภรณ์ซอมซ่อครู่หนึ่ง ยอมก้มศีรษะคำนับทักทายเพราะถึงอย่างไรนางก็มีฐานะเป็นภรรยาของประมุข ถึงนางจะเป็นสายลับจากสำนักชิงฮวา แต่นางไม่มีวรยุทธ์จึงไม่ต่างจากคนธรรมดาทั่วไป หากไม่มีผู้ใดช่วยเหลือ คงไม่มีวันออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้
ร่างสูงโปร่งกระโจนลงผ่านหน้าต่างบานเดียวที่เปิดกว้าง รอยยิ้มใบบนหน้างดงามแต่ซูบเซียวนั้นหม่นหมองลง อีกครั้งแล้วที่ไม่มีผู้ใดพูดกับนาง ปฏิบัติกับนางราวอากาศไร้ตัวตน นางเข้ามาอยู่ในโลกแห่งนี้ตัวคนเดียว ผู้ใดยื่นมือมาก็ไขว่คว้าเอาไว้ด้วยความกลัว กลัวว่าหากอยู่ตัวคนเดียวจะเอาตัวรอดไม่ได้ ได้แต่เฝ้าคิดถึงวันคืนจากโลกเดิม
นางอยากกลับไปเหลือเกินแต่ก็ไร้หนทาง ทั้งที่พยายามไขว่คว้าบุรุษที่มีอำนาจมากพอจะปกป้องตัวเองได้แล้ว แต่เขากลับผลักไสนางอย่างเย็นชา แล้วจะให้นางทำเช่นไร นางอยากออกไปจากที่นี่ ไปจากหอคอยแห่งนี้ อยากเป็นอิสระ แต่เยี่ยนอวี่หมิงกล่าวว่ามีเพียงความตายเท่านั้นจึงจะเป็นอิสระได้
ร่างแบบบางเดินไปนั่งที่ขอบหน้าต่าง สายลมวสันต์เหลื่อมเหมันต์หนาวเหน็บถึงแก่นกระดูก ยิ่งอยู่บนหอคอยสูงเสียดฟ้าเช่นนี้แล้ว ลมยิ่งพัดแรงจนร่างกายบอบบางนี้ไหวเอนราวยอดหลิวต้องลม ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่นางก็กินได้น้อยลง น้อยลงจนร่างกายผ่ายผอม ผิวหนังที่เคยเนียนละเอียดดั่งหยกงามก็หยาบกร้านแห้งหุ้มกระดูก
นางกินไม่ได้นอนไม่หลับมานาน เป็นเพียงนักโทษ เป็นเชลย จะกล้ากินอาหารจากผู้คุมขังได้อย่างไร หากเขาตัดสินใจลงโทษประหาร ใส่ยาพิษลงในอาหารแสนอร่อยเหมือนกับครั้งที่ให้นางดื่มสุราพิษเล่า จะทำเช่นไร นางมิอยากตายด้วยน้ำมือของผู้อื่น หากต้องตาย ก็ขอตายตกด้วยน้ำมือของตัวเอง
เสวี่ยหลานซีเหม่อมองออกไปข้างนอกอย่างสิ้นหวัง ดวงตาโหลลึกเหลือบมองลงไปยังข้างล่าง สระน้ำข้างล่างนั่น มืดมิดไร้แสงสว่างมิต่างจากหลุมลึกดำมืดในจิตใจ ทว่ามันช่างดึงดูดนางเหลือเกิน หากตกลงไป...ตกลงไปแล้วคงจะสิ้นใจทันที คงไม่เจ็บปวดเท่าที่คิดหรอกกระมัง ถึงอย่างไรอยู่ต่อไปก็มิต่างจากตายทั้งเป็น สู้ตายไป หลับไปอย่างยาวนาน ยังจะดีเสียกว่า
นางไม่อยากเผชิญหน้ากับเรื่องราวเหล่านี้อีกแล้ว นางยอมแพ้ ยอมศิโรราบกับทุกสิ่งทุกอย่าง ถึงจะขลาดเขลาเพียงใด แต่ก็ตระหนักมานานแล้ว คิดแล้วคิดอีกว่าอยู่ไปก็เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ คนไร้ค่าเช่นนาง ไร้ค่าเกินไป จนบางครั้งก็นึกขออภัยอากาศบริสุทธิ์เหล่านี้ที่ต้นไม้หลายต้นผลิตออกมา ให้คนไร้ค่าเช่นนางได้ใช้หายใจ
นางเอนหลังออกไปนอกหน้าต่างอีกสักนิด อีกนิด และอีกนิด จนกระทั่งแขนเล็ก ๆ ไร้เรี่ยวแรงนี้มิอาจเกาะเกี่ยวสิ่งใดได้อีก นางปล่อยให้ร่างกายร่วงหล่นตามแรงโน้มถ่วงของโลก ร่วงหล่นราวกับก้อนหินก้อนหนึ่ง หากรู้สึกกลัวจึงหลับตา คิดว่าอีกไม่นานก็ทุกอย่างก็จบแล้ว ถึงเวลาเป็นอิสระสักที
เยี่ยนอวี่หมิงคนใจร้าย คนใจดำ เสียดายที่นางเคยรักและมอบความไว้ใจให้ แต่กลับได้รับการตอบแทนเช่นนี้ ทว่าการกระทำของเขาก็ใช่ว่าจะไร้เหตุผล ตัวนางก็หาใช่ผู้บริสุทธิ์แต่อย่างใด อย่างไรก็เป็นสายลับของศัตรู การที่เขาจะคับแค้นใจนั้นเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ เพราะเป็นเช่นนั้น หนี้บุญคุณความแค้นนี้จะถือว่าไม่ติดค้างกันอีกต่อไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกันอีก ไม่ว่าจะชาตินี้หรือภพหน้า ก็อย่าได้พบเจอกันอีกเลย
ตู้ม!
“ซีซี! ซีซี!”
ยามเห็นร่างของนางร่วงหล่น ก็ราวกับโลกทั้งใบจะถล่มลงมา ทั้งร่างเย็นเยียบราวกับถูกแช่อยู่ในก้นบึ้งของธาราน้ำแข็ง หัวใจแทบหยุดเต้นลงไปพร้อมกับนาง ทว่าพริบตาก็ใช้วิชาตัวเบาพุ่งกระโจนออกไปสุดกำลัง เร่งความเร็วมากเกินไปจนกล้ามเนื้อแทบฉีกขาด แต่ก็หาได้สนใจ เพราะหากช้าไปเพียงเสี้ยววินาที เขาอาจต้องสูญเสียนางไปตลอดกาล แล้วโลกที่ไร้ซึ่งนาง จะมีความหมายอันใด
แขนทั้งสองยื่นออกไปรับ ถาโถมเข้าหาร่างที่ร่วงหล่นอย่างสุดแรง แต่ความรุนแรงจากการปะทะนั้นเกินกว่าจะต้านไหว ตกลงสู่ห้วงธาราลึก
เยี่ยนอวี่หมิงยังคงกอดร่างของสตรีแน่นแม้จะจมลงไปในสระน้ำลึกพร้อมกัน ทว่าครู่เดียวหลังจากตั้งหลักได้ จึงรีบลอยตัวขึ้นไปด้านบนอีกครั้ง พานางขึ้นฝั่งอย่างปลอดภัย ครั้นลองตรวจสอบชีพจรก็พบว่านางยังมีชีวิตอยู่จึงโล่งใจ ดวงตาคู่เรียวสั่นไหวยามมองร่างผ่ายผอมหนังหุ้มกระดูก เพียงแค่เดือนเดียวก็ทำให้นางเสียสติได้ถึงเช่นนี้ เช่นนี้จะเป็นความผิดของใครได้เล่า หากมิใช่เขาที่เย็นชาต่อนาง เพียงเพราะคับแค้นใจที่ถูกหักหลัง แต่นางกลับตั้งใจชดเชยความผิดนั้นด้วยชีวิต
“ซีซี...ซีซี! เจ้าจะทิ้งข้าไปเช่นนี้มิได้!” เสียงสั่นเครือร้องเรียกอย่างปวดร้าว หัวใจราวถูกฉีกกระชากจากภาพตรงหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ภาพของนางที่แน่นิ่งราวกับจะไม่ลืมตาขึ้นมาอีก
สองร่างเปียกโชก เยี่ยนอวี่หมิงหาได้ใส่ใจตัวเอง กลับเอาแต่ซับน้ำออกจากดวงหน้าของนางอย่างไร้ประโยชน์ เมื่อเห็นสีหน้าของนางคล้ำลงก็รีบอุ้มขึ้นแล้วใช้วิชาตัวเบาพานางกลับเรือนหลักอย่างกระวนกระวาย