ณ บ้านสองชั้นที่เมื่อก่อนนี้เคยอบอุ่น และร่ำรวยไปด้วยสมบัติมากมายจากบรรพบุรุษ แต่ต้องมาจบลงที่ทายาทรุ่นนี้ นั่นก็คือหลิวหยาง ผู้ที่เป็นบิดาของหลิวถิงถิงนั่นเอง เพราะความไม่เอาไหน หลังจากภรรยาเสียชีวิตก็เอาแต่เคล้าสุรานารี จนได้เจอกับหยินเยว่ ซึ่งเป็นภรรยาคนปัจจุบัน แทนที่จะพากันรุ่งเรืองกลับพากันตกต่ำลงไปเรื่อยๆ สมบัติที่เคยมีก็ถูกหยินเยว่เป่าหูให้ขายจนหมด ยังดีที่ยังเหลือบ้านหลังนี้ไว้ซุกหัวนอน ก่อนหน้านี้ยังได้หลิวถิงถิง ที่เป็นฝ่ายหาเงินมาจุนเจือครอบครัว แต่ตอนนี้บุตรสาวนั้นได้ปลีกตัวออกไปอยู่ลำพังในรั้วมหาลัยได้สองเดือนแล้ว ไม่รู้ว่านังลูกทรพีมันเอาเงินที่ไหนไปเรียนต่อ
“พี่หยาง ฉันหิวเนี่ย ยัยซือเยว่ก็ไม่มีเงินจะไปโรงเรียนแล้วด้วย เมื่อไหร่นังลูกสาวพี่มันจะกลับบ้านเอาเงินมาให้พี่ซื้ออะไรกินสักที มันหายไปจะเป็นเดือนแล้วนะพี่ เงินที่มันทิ้งไว้ให้ก็ร่อยหรอจนเกือบจะหมดแล้วเนี่ย” หยินเยว่บ่นถึงลูกเลี้ยงตัวดีกับสามีไม่เอาไหน
“แล้วนี่ไอ้ตงตงมันหางานทำได้หรือยัง วันวันสร้างแต่หนี้ มีลูกแต่ละคน บัดซบสิ้นดี” หลิวหยางอดที่จะบ่นออกมาไม่ได้ เขาโทษแต่ลูกๆ แต่ไม่เคยโทษตนเองเลยที่เป็นหัวหน้าครอบครัวแท้ๆกลับทำหน้าที่ไม่ได้สมกับคำว่าหัวหน้าครอบครัวแม้แต่น้อย
“ฉันไม่เห็นลูกชายพี่มาเกือบอาทิตย์แล้วนะ ไม่ใช่ไปโดนไอ้พวกนักเลงในบ่อนยำตายไปแล้วหรือพี่ บอกแล้วให้เลิกเล่น มันมีแต่เสีย อีกหน่อยบ้านจะซุกหัวนอนก็ไม่มี พี่คอยดูเถอะ พี่ไม่สงสารฉันก็ให้พี่สงสารซือเยว่บ้าง ลูกสาวของเราเพิ่งจะเกรด11เองนะพี่ ลูกยังมีอนาคตอีกยาวไกล เอางี้พี่ไปบอกให้ยัยถิงถิงลาออกจากมหาวิทยาลัยแล้วหางานทำส่งน้องเรียนแทนเถอะ”
หยินเยว่บ่นออกมาอย่างเหลืออด ก่อนจะพูดในสิ่งที่ทำให้หลิวหยางโมโห ถึงเขาจะไม่ได้สนใจลูกสาวคนกลางเท่าที่ควร แต่เขาก็อยากจะให้เธอมีอนาคตที่ดี
“อย่าไปยุ่งกับถิงถิงอีก ลูกมันแยกตัวออกไปอยู่ลำพังแล้ว คนอยู่ก็ต้องรับผิดชอบกันไป จะไปยุ่งกับมันทำไม” เสียงกร้าวดังขึ้นจนหยินเยว่ต้องตกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่หลิวหยางโมโหใส่เธอเกี่ยวกับเรื่องของหลิวถิงถิง
“หึ เป็นอะไรไปคะ สำนึกรักลูกสาวคนกลางทำงานแล้วหรอ เมื่อก่อนไม่เห็นจะสนใจใยดีมัน” หยินเยว่อดที่จะแขวะสามีขึ้นมาไม่ได้
“บอกว่าอย่าไปยุ่ง ก็อย่าไปยุ่งเถอะน่า อย่าถามมาก”
หลิวหยางสบถออกมาก่อนที่จะเดินหนีไป แววตาโกรธขึ้งส่งตามหลังผู้เป็นสามีไป ยิ่งบอกให้เธอไม่ยุ่ง เธอก็จะยุ่ง เรื่องอะไรที่จะให้มันหนีไปสบายอยู่คนเดียว ทั้งๆที่ลูกสาวเธอต้องทนลำบากอย่กับครอบครัวที่ไม่เอาไหนแบบนี้
บ่อนขนาดกลางเมืองแอล
ร่างสูงผอม มีผมเผ้าและหนวดเครารุงรังกำลังหน้าเครียดอยู่ในวงไพ่ เขาวิ่งราวเงินมาจากคนมีเงินแถวตลาดเมื่อวาน โชคดีที่ในกระเป๋าที่เขาได้มามีเงินอยู่เกือบหมื่นหยวน
“โถ่เว้ย โกงกันหรือเปล่าวะ!!”
หลิวตงตงสบถออกมาอย่างหัวเสีย เงินที่เขาฉกชิงวิ่งราวมาตอนนี้มันร่อยหรอเต็มทีแล้ว เขาแค่อยากได้เงินที่ลงไปก่อนหน้านี้คืน อีกอย่างเขาเป็นหนี้เจ้าของบ่อนแห่งนี้อยู่เกือบ5หมื่นหยวน เขาต้องได้คืนเพื่อใช้หนี้มัน
“ดวงไม่ดีอย่าโทษเจ้ามือสิวะ” เสียงของนักเลงคุมบ่อนดังขึ้น
“ดวงไม่ดีเชี้ยไร กูเล่นมาไม่เคยได้เลยไอ้ห่า...” หลิวตงตงโมโหจนลืมตัว ลืมความกลัวไปเสียแล้ว
“ปากหมาแบบนี้กินตีนลูกน้องกูสักหน่อยคงจะหายบ้างนะมึง แล้วเงิน5หมื่นหยวนที่นายกูปล่อยให้มึงกู้ วันนี้มึงต้องใช้คืนแล้วนะเว้ย เฮ้ย เอาตัวมันไปสั่งสอนเอาหมาออกจากปากมันหน่อยดิ๊” คนเป็นหัวหน้านักเลงสั่งเสียงกร้าว หลิวตงตงเกิดอาการกลัวขึ้นมาทันที
“หยะ...อย่า....อย่าทำฉันเลย ฉันกลัวแล้ว” หลิวตงตงพยายามร้องขอแต่ก็ไม่เป็นผล พวกนักเลงบ่อนไม่ได้ใจดีมีเมตตากับใครอยู่แล้ว ลูกน้องสี่คนรุมสะกำหลิวตงตงอยู่ตรงหน้าบ่อนก่อน
“อั๊ก...อั๊ก... อ๊าก.....โอ้ย....พะ...พอ....ที...เถอะ ฉันกลัวแล้ว.....”
เสียงทั้งหมัดที่ชกมาทั้งเท้าเตะดังกระทบกับเนื้อหนุ่ม จนหลิวตงตงมีสภาพสะบักสะบอม ปากแตก แก้มแตก และเจ็บปวดไปทั่วร่างกาย
“หึๆ เอาเงินเจ้านายกูมาด้วยห้าหมื่นหยวน โอ๊ะ... ไม่ใช่สิ ดอกอีกหมื่นหยวน เป็นหกหมื่นหยวน ฮ่าๆๆ”
หัวหน้านักเลงเอ่ยขึ้นขณะที่เดินมานั่งยองๆกระชากคอเสื้อของหลิวตงตงติดมือมาจนใบหน้าแทบจะใกล้กัน ก่อนที่จะสะบัดคนที่โดนซ้อมปางตายจนกระเด็น
กริ๊ง...กริ๊ง.......กริ๊ง............ เสียงสมาร์ทโฟนของหัวหน้านักเลงดังขึ้น เขามองเบอร์ที่ไม่คุ้นก่อนที่จะรับสาย
“ฮัลโหล มึงเป็นใคร” เสียงกร้าวกรอกไปในสาย
“กูเอง จางหลง” สิ้นเสียงเหี้ยมของจางหลง หัวหน้านักเลงคุมบ่อนก็อ่อนเสียงลงทันที
“อ้อ..เอ่อ พี่จางเองหรอครับ พี่โทรมาหาผมมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ” น้ำเสียงนอบน้อมดังขึ้นทันทีที่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
“ไอ้คนตรงหน้ามึงตอนนี้มันเป็นหนี้บ่อนนายมึงเท่าไหร่” จางหลงเอ่ยถามขณะที่สายตายังจับจ้องคนกลุ่มนั้นอยู่โดยไม่ละสายตา เขาโทรรายงานคุณชายซือแล้ว คุณชายซือบอกให้เขาใช้หนี้ให้หลิวตงตง แล้วพามันไปหาคุณชายที่บ้านหลังเล็กที่อยู่นอกเมือง
“เอ่อ พี่จางรู้จักไอ้หมอนี่ด้วยหรอครับ” หัวหน้านักเลงเอ่ยถามด้วยความสงสัย คนกระจอกอย่างหลิวตงตงจะไปรู้จักกับมือซ้ายของคุณชายซือผู้มีอิทธิพลอันดับหนึ่งของเมืองแอลได้อย่างไรกัน
“เอาเป็นว่าไอ้คนตรงหน้าแกมันเป็นของคุณชายซือ แกรู้เท่านี้พอ”
สิ้นเสียงของจางหลงหัวหน้านักเลงก็ไม่ถามต่อ ก่อนที่จะบอกยอดหนี้จำนวน5หมื่นหยวนเท่านั้น จางหลงส่งลูกน้องให้มาพาตัวพี่ชายของหลิวถิงถิงมาขึ้นรถที่จอดรออยู่ โดยเขาไม่ได้เป็นฝ่ายลงไปจัดการ เพียงแต่ออกคำสั่งเท่านั้น เพราะเขารู้หากเขาลงไปเอง ไอ้พวกนี้มันต้องต้อนรับเขาอย่างเวอร์วังอลังการ ซึ่งมันเสียเวลา และตอนนี้เขาก็รีบส่งบุคคลที่นายใช้เงินแลกมาส่งให้ถึงมือนาย
ขณะที่ขึ้นมาบนรถแล้ว หลิวตงตงก็ยังอดระแวงไม่ได้ที่ต้องมากับคนแปลกหน้าพวกนี้ แต่เพราะความเจ็บปวดจากการที่ถูกรุมทำร้ายมาก่อนหน้าเลยทำให้เขาสลบไป จางหลงมองคนที่บาดเจ็บแล้วส่ายศีรษะออกมา อย่างรู้สึกเอียมระอา มีพ่อแม่เดียวกันทำไมนิสัยถึงได้ห่างไกลกันนัก สงสารก็แต่หญิงสาวที่มีพี่ชายที่ไม่ได้เรื่องแบบนี้
ใช้เวลาไม่นานจางหลงก็พาหลิวตงตงมาถึงบ้านหลังเล็กนอกชานเมืองของคุณชายซือ ร่างบอบช้ำที่สะบักสะบอมยังคงสลบไม่ได้สติอยู่ จนจางหลงให้ลูกน้องที่มาด้วยกันช่วยกันหิ้วปีกชายหนุ่มเข้าไปในบ้าน
“มาแล้วครับคุณชายซือ” จางหลงบอกผู้เป็นนาย ก่อนที่จะสั่งให้เอาร่างที่ยังไม่ได้สติไปวางไว้บนพื้น
“เห้ย สภาพมันขนาดนี้เลยหรอวะ ไอ้พวกเชี้ยนี่เล่นหนักจริงๆ” ซือมู่อันสบถออกมาเมื่อเห็นสภาพพี่ชายของเด็กสาวที่ตนอุปการะ
“ครับ ผมทำตามที่คุณชายบอกใช้หนี้แทนมันไปแล้วครับ” จางหลงรายงาน
“จางหลง โทรตามหมอไห่ให้มารักษามันด้วย แล้วเองสองคนเอามันไปพักที่ห้องรับแขกทางซ้ายมือ รอมันฟื้นฉันค่อยคุยกับมัน”
ซือมู่อันบอก ก่อนที่สายตาคมจะมองไปที่คนที่นอนสลบไม่ได้สติอยู่บนพื้นด้วยแววตาสมเพช ‘ผีพนัน’ พวกนี้มันไม่รู้จักคิด ดีที่แม่สาวน้อยนั้นออกจากบ้านมาก่อนไม่อย่างนั้นไม่รู้ตอนนี้จะโดนอะไรบ้าง อาจจะโดนไอ้พี่ชายไร้สมองคนนี้ส่งไปสังเวยเจ้าหนี้ก็เป็นได้
หลังจากหมอไห่ หมอประจำตระกูลซือมาตรวจดูอาการของหลิวตงตง เขาก็จัดยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ และยาแก้ฟกช้ำให้ และหลิวตงตงก็ฟื้นขึ้นมาในเวลาต่อมา ซึ่งคนที่รอเขาอยู่แล้วก็ยังคงไม่ไปไหนเช่นกัน และทันทีที่หลิวตงตงเห็นใบหน้าของเจ้าของเงินที่ช่วยเหลือเขาให้รอดพ้นจากดงตีน เขาก็ต้องตกใจตาเบิกกว้าง
“ค่ะ..คุณ...ชาย...ซ่ะ..ซะ...ซือ” น้ำเสียงตะกุกตะกักอย่างเกรงๆดังขึ้นจากปากหนาที่มีร่องรอยแตกอยู่จากการโดนหมัดซัดเข้าไปเต็มหน้า
“ใช่ฉันเอง ซือมู่อัน”
น้ำเสียงเยือกเย็นดังมาจากปากสีกุหลาบของคนที่กำลังนั่งพิงเก้าอี้ไขว่ห้างอย่างสบายอารมณ์ แต่สายตาคมที่มองมาที่หลิวตงตงนั้นมันเย็นชาจนเด่ไม่ออกว่าคนตรงหน้านี้คิดจะทำอะไร หรือรู้สึกอย่างไร
“ค่ะ...คุณ..ชาย ชะ..ช่วยผมไว้ทำไมครับ” หลิวตงตงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ที่ฉันช่วยแก ไม่ได้ช่วยเพื่อให้แกกลับไปทำแบบเดิมอีก เพราะแกคงจะไม่โชคดีอีกครั้ง แล้วเรื่องที่แกไปวิ่งราวคนอื่นเขามาแกอย่าคิดว่าจะไม่มีใครรู้ เมื่อไหร่แกจะหยุดสร้างความเดือดร้อนสักที หรือว่าแกต้องหายไปจากโลกนี้ซะก่อน ฮะ หลิว ตงตง!!!”
เสียงกร้าวดังขึ้นราวกับคำราม หลิวตงตงกลัวจนตัวสั่น เขาเคยได้ยินกิตติศัพท์ของคุณชายซือมาพอสมควร ว่ามีอิทธิพลมากแค่ไหนในเมืองแอลแห่งนี้
“ผ่ะ...ผม..ม่ะ...ไม่กล้าแล้วครับคุณชายซือ” เสียงสั่นๆดังมาจากคนที่นอนราบอยู่บนเตียงเพราะยังรู้สึกปวดตามร่างกายอยู่
“ขอให้แกไม่กล้าจริงๆเถอะ แกสมควรที่จะต้องทำตัวเป็นพี่ชายที่ดีได้แล้ว ไม่ใช่ทำตัวเหลวแหลกอยู่แบบนี้!! ” ซือมู่อันเอ่ยขึ้นด้วยแววตาและน้ำเสียงจริงจัง จนคนที่นอนอยู่บนเตียงต้องขนลุก
“จริงๆครับ ผมจะไม่เล่นการพนันกับเป็นขโมยอีกแล้วครับ” เขารับปากทั้งที่ไม่รู้ว่าตนเองจะทำได้ไหม แต่เขาก็กลัวในอิทธิพลของคนตรงหน้า
“ฉันจะให้โอกาสแกได้แก้ตัว ต่อไปนี้แกเข้าไปทำงานที่ผับของฉันที่ตอนใต้ของเมืองแอล ฉันจะให้คนคอยจับตาดูพฤติกรรมของแก ถ้าแกยังเป็นแบบเดิม เตรียมตัวหายไปตลอดกาลได้เลย”
น้ำเสียงเข้มติดเย็นชาของซือมู่อันทำให้หลิวตงตงหวาดกลัว และตกลงในทันที ก็ยังดีที่เขามีงานทำ อย่างน้อยชีวิตเขาก็ไม่ต้องอดตาย ถึงแม้จะไม่มีอิสระแบบเดิมก็ตาม แต่นั่นก็เพราะเขาเป็นหนี้คุณชายซืออยู่ เขาก็ต้องชดใช้
พอจัดการพี่ชายของเด็กในอุปการะเรียบร้อย ก็เหลือทางครอบครัวของหญิงสาวที่เขาจะต้องจัดการให้เด็ดขาด โดยเฉพาะแม่เลี้ยงตัวดี ต้าฉินแอบได้ยินสองผัวเมียคุยกันในบ้าน ต้าฉินแอบแฝงตัวเข้าไปหลบอยู่ใกล้ๆหน้าต่างจึงได้รับรู้มาว่า แม่เลี้ยงที่มีนามว่า หยินเยว่ นั้นต้องการให้บิดาของหลิวถิงถิง บังคับให้บุตรสาวต้องเลิกเรียนแล้วออกมาทำงานส่งน้องสาวต่างแม่เรียนแทน ตอนที่เขาฟังครั้งแรกก็อดที่จะโมโหแทนเด็กสาวไม่ได้ ดีหน่อยที่ผู้เป็นบิดาไม่ได้เข้าข้างภรรยาเสียทีเดียว หากแต่เขาก็ยังไม่วางใจ เขานั้นอยากให้เธอใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยให้มีความสุขโดยไร้สิ่งใดๆมารบกวน
“ฉันว่า เห็นทีต้องได้ไปเยี่ยมบ้านลูกหนี้สักหน่อยล่ะ จางหลง ต้าฉิน” ซือมู่อันเอ่ยขึ้นพร้อมกับแสยะรอยยิ้มที่สองบอดี้การ์ดต่างรู้กันว่าคงไม่ได้เป็นการไปเยี่ยมแบบธรรมดาธรรมดาแน่นอน