เวลาผ่านไปไม่นาน ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยของทั้งสามสาวก็เป็นไปอย่างราบรื่น หลิวถิงถิงนั้นได้รับเงินค่าใช้จ่ายจากผู้มีอุปการคุณมาสองเดือนแล้ว แต่เธอนั้นไม่เคยเจอเขาตัวจริงเลยสักครั้ง เพราะส่วนมากเงินจะถูกโอนมาทาง Banking ออนไลน์ เธอเองก็ไม่ได้คาดหวังที่จะเจอกับเขา เพียงแต่ฟังจากเพื่อนๆ เล่ามาเธอก็อดที่จะอยากเห็นเขาไม่ได้ วันนี้เธอจึงตัดสินใจเข้าไปในอินเทอร์เน็ตเพื่อเสิร์ชดูชื่อของชายหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่า สามีแห่งเมืองแอล มือบางเลื่อนดูรูปของผู้อุปการะ ที่มีหลากหลายอิริยาบถ เธอเองก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่นชอบผู้ชายที่หน้าตาดี แต่สำหรับเธอแล้วดีแค่หน้าตาไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ
“ดูอะไรอยู่อะ” เสียงของจ้าวซือซือดังขึ้นจากทางด้านหลังทำให้สาวสวยสะดุ้ง จนจ้าวซือซืออดที่จะมองเธอด้วยแววตาสงสัย
“ปะ..เปล๊า....” เสียงสูงดังมาจากปากบาง
“แน่ะ เสียงสูงเชียว ถิงถิงเธอโกหกไม่เนียนเลยรู้เปล่า ไหนดูอะไรอยู่ขอฉันดูหน่อย” จ้าวซือซือบอกพร้อมกับยื่นใบหน้าสวยเฉี่ยวเข้ามาใกล้หลิวถิงถิง มือบางรีบคว้ามือของเพื่อนรักเอาไว้ก่อนที่จะร้องกรี๊ดและทำตาโต
“กรี๊ด...............ยัยถิงถิงแอบดูรูปผู้ชาย ที่สำคัญเป็นผู้รับอุปการะเธอด้วย ฮั่นแน่ะ แกคิดอะไรอยู่อะ ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะสนใจผู้ชาย” จ้าวซือซือเอ่ยแซวพร้อมกับชี้ไปที่ใบหน้าหวานที่ขึ้นสีชมพูระเรื่อ
“ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้นแหละ ก็ฉันน่ะเห็นเพื่อนๆ ที่คณะมาถามกันจัง ว่าเคยเจอคุณชายซือบ้างไหม ฉันก็ตอบตามตรงว่าแม้แต่หน้าเขาฉันยังไม่รู้จักเลย ยัยพวกนั้นเลยว่าฉันว่าฉันน่ะเย็นชา ไม่เคยเห็นแม้กระทั่งรูปผู้รับอุปการะตัวเอง” หลิว ถิงถิง ระบายออกมาให้จ้าวซือซือฟัง ก่อนที่จะมองดูรูปของคุณชายซืออีกครั้ง
“เธอจะคิดมากไปทำไมยัยถิงถิง เรามันก็แค่คนที่เขารับอุปการะ ไม่ใช่คนสำคัญของเขาสักหน่อย ไม่เห็นแปลกที่เราจะไม่เคยเจอเขา หรือเราจะไม่เคยเห็นเขา พวกคนรวยก็แบบนี้แหละชอบทำตัวลึกลับ” เฉินเหม่ยหานเอ่ยขึ้นขณะที่ดวงตาใต้แว่นบางกำลังจดจ้องที่จอโน๊ตบุ๊คของตนอยู่
“ก็จริงอย่างที่เธอบอกนะเหม่ยหาน แต่เขาเป็นผู้อุปการะ อย่างน้อยเราก็ต้องรู้จักหน้าตาเขาไว้บ้าง เผื่อเจอกันในอนาคตจะได้ขอบคุณถูก” จ้าวซือซือเอ่ยขึ้น หลิวถิงถิงพยักหน้าเห็นด้วยกับเพื่อนรัก ก่อนที่จะสนใจดูรูปและอ่านข่าวของคุณชายซืออย่างตั้งใจ จึงได้รับรู้ว่าเขานั้นไม่เคยควงผู้หญิงคนไหนออกงาน และเขาก็ยังโสด หัวใจสาวน้อยอดที่จะกระตุกไม่ได้ หวังว่าเธอคงจะไม่หวั่นไหวให้กับผู้อุปการะคนนี้อย่างเช่นสาวๆ คนอื่นที่เอาแต่พร่ำเพ้อหาแต่เขาหรอกนะ ถิงถิงคิดในใจ
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
การประกวดดาวและเดือนของขณะกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งก็เป็นที่แน่นอนว่าหลิวถิงถิงนั้นถูกส่งเข้าประกวดโดยเพื่อนๆ ในห้อง และอีกคนที่โดดเด่นไม่แพ้กัน จ้าวซือซือก็ถูกส่งเข้าประกวดดาวคณะของตนเองเช่นกัน ยกเว้นแต่เฉิน เหม่ยหานที่ไม่ชอบแสดงออกอะไรแบบนี้ ถึงแม้ตนเองจะมีใบหน้าที่สวยไม่แพ้อีกสองสาวก็ตาม เธอเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง เพื่อนๆ ร่วมคณะจึงไม่บังคับเธอ สองสามวันต่อจากนี้เลยทำให้หลิวถิงถิง และจ้าวซือซือต้องฝึกการเดิน และการแสดง การตอบคำถามกับพวกรุ่นพี่
“โอ้ย ฉันเบื่อมากเลยอะ ทำไมต้องมาบังคับกันด้วยวะ” เสียงบ่นดังออกมาจากริมฝีปากบางที่ถูกเคลือบด้วยลิปสติกสีส้ม
“ฉันก็เบื่อไม่ต่างจากแกเลยซือซือ แต่จะทำยังไงล่ะ เรามันเป็นผู้ถูกเลือก เป็นหน่วยกล้าตายชัดๆ หึๆ” หลิว ถิงถิงอดที่จะบ่นออกมาไม่ได้เช่นกัน แม้เธอจะปฏิเสธเพื่อนๆ ในห้องยังไงก็ไม่มีใครยอมฟัง จนเธอต้องยอมเออออห่อหมกเพราะไม่ต้องการมีปัญหากับเพื่อนทั้งห้องเพียงเรื่องเล็กน้อย ทั้งๆ ที่เธอไม่ชอบแสดงออกอะไรแบบนี้เลย แม้จะมีรูปลักษณ์โดดเด่น สวยงาม แต่เธอก็ไม่ชอบเป็นจุดสนใจ แค่ทุกคนรู้ว่าเธอเป็นเด็กในอุปการะของคุณชายซือ ชีวิตที่เคยสงบสุขในวัยมหาวิทยาลัยก็หมดตามไปด้วย
เฉิน เหม่ยหานมองเพื่อนสาวสองคนที่บ่นเป็นหมีกินผึ้ง ก่อนที่ตัวเธอจะขำออกมาจนสองสาวอดที่จะหันมามองที่เธอเป็นตาเดียวกันไม่ได้
“ขำอะไร เหม่ยหาน” สองเสียงประสานกันพร้อมกับสายตาที่มองมาที่เหม่ยหานเป็นตาเดียว
“ฮ่ะฮ่ะ...อุ๊บ...ก็ขำพวกเธอสองคนไง แล้วทำไมไม่ปฏิเสธเพื่อนที่คณะไปตั้งแต่แรก มานั่งบ่นเอาตอนนี้ก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้วย่ะ” เหม่ยหานพยายามหยุดขำ ก่อนที่จะบอกออกมา สองสาวต่างส่งค้อนให้กับเพื่อนสาวที่เอาแต่นั่งขำจนน้ำตาเล็ดพร้อมๆ กัน
ณ ตึกที่สูงที่สุดในเมืองแอล
ร่างสูงกำลังยืนตรงอย่างสง่างาม สายตาคมทอดมองลงไปยังท้องถนนด้านล่างผ่านกระจกใสๆ เขากำลังครุ่นคิดบางอย่างที่ใครๆ ก็ไม่อาจเดาได้ แม้แต่บอดี้การ์ดสองคนที่สนิทกับเจ้านายที่สุดก็เช่นกัน ทั้งต้าฉิน และจางหลงนั้นเข้ามายืนอยู่ข้างในห้องได้เกือบยี่สิบนาทีแล้ว แต่คุณชายของพวกเขาก็ยังไม่สั่งการอะไรสักที ซึ่งมันไม่ปกติ สองบอดี้การ์ดหันมามองหน้ากัน ก่อนที่จะเกี่ยงกันดึงสติคุณชายให้กลับมา
“แกดิ ต้าฉิน คุณชายชมแกบ่อยๆ” จางหลงเอ่ยขึ้นเบาๆ
“แกดิ ทำงานถูกใจคุณชายที่สุด รับรองโดนด่าน้อยสุด” ต้าฉินกระซิบกระซาบ แต่มีหรือที่คนรสสัมผัสและการได้ยินไวอย่างคุณชายซือจะไม่ได้ยินที่สองหนุ่มบอดี้การ์ดเกี่ยงกัน
“พอทั้งคู่แหละ ฉันเรียกมาเพราะอยากจะถามว่าเด็กในอุปการะของฉันกำลังทำอะไรอยู่ แล้วที่มหาวิทยาลัยมีปัญหาอะไรหรือเปล่า” คำตอบราบเรียบของซือมู่อันทำให้สองหนุ่มต่างตะลึงกันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คุณชายของเขาสนใจอะไรในตัวเด็กสาวคนนั้นกันนะ ถึงขนาดอยากจะรู้ว่าทำอะไรอยู่ หรือมีปัญหาอะไรไหม
“อะเอ่อ เดี๋ยวผมจัดการเรื่องนี้ให้ครับ” ต้าฉินเป็นฝ่ายเสนอตัว ถึงแม้จะยังงงๆ กับพฤติกรรมคุณชายเย็นชาอย่างคุณชายซือของพวกเขา แต่หน้าที่ย่อมมาก่อน ในเมื่อนายต้องการ บอดี้การ์ดอย่างเขาก็ต้องจัดให้
“อืม ดี ส่วนนาย จางหลง ไปสืบที่บ้านเด็กนั่นทีนะ ว่ายังมารบกวนเด็กในอุปการะของฉันอีกหรือเปล่า” เสียงเข้มสั่งขึ้นโดยที่ไม่ได้หันมามองหน้าสองบอดี้การ์ด
“ครับคุณชายซือ ผมจะไปสืบให้คุณชายเดี๋ยวนี้เลยครับ” จางหลงบอกก่อนที่จะเดินออกไปจากห้องทำงานของคุณชายซือพร้อมๆ กับต้าฉิน ร่างสูงพ่นลมหายใจออกมา ‘นี่เธอทำไมถึงดึงดูดให้เขาสนใจมากมายขนาดนี้ รีบโตไวๆ นะแม่สาวน้อย’ ซือมู่อันคิดในใจ ก่อนที่จะกันหลังกลับมาและเดินไปนั่งที่โต๊ะประธานของตน
มหาวิทยาลัยแอล
และแล้ววันประกวดดาวและเดือนของแต่ละคณะก็มาถึงซึ่งผลก็เป็นไปตามคาด จ้าวซือซือนั้นคว้าเดือนของคณะนิเทศศาสตร์มาได้อย่างคะแนนนำโด่ง ส่วนหลิวถิงถิงก็ไม่แพ้กัน คว้าเดือนคณะพาณิชศาสตร์และการบัญชีมาได้เช่นกัน ดาวและเดือนนอกจากหน้าตาหล่อสวยแล้ว ยังต้องมีความสามารถและฉลาดในการตอบคำถามอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าหลิวถิงถิงตอบคำถามได้ดี สมแล้วกับเป็นอันดับที่หนึ่งของรุ่นที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยแห่งนี้มาได้ เธอจะโดดเด่นจนมีผู้ชายชื่นชอบไม่น้อย ถ้าบ้านของเธอมีฐานะ แต่ใครๆก็รู้ว่าหลิว
ถิงถิงนั้นเป็นเด็กในอุปการะของคุณชายซือ หาใช่ลูกคุณหนูมาจากตระกูลผู้ดีมีเงินไม่
“ดีใจด้วยนะเดือนคณะ” ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ที่มีผิวขาว จมูกโด่งสันเป็นคน รับด้วยริมฝีปากหนาสีเลือดฝาด
“ดีใจกับนายด้วยเหมือนกันฟางอี้หลง” หลิวถิงถิงเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม ฟางอี้หลงเป็นเพื่อนผู้ชายในห้องเรียนของเธอ เขาไม่ได้รังเกียจที่บ้านเธอจน กลับชอบให้ความช่วยเหลือจนบางครั้งเธอเองก็เกรงใจ
“แล้วนี่จะไปฉลองที่ไหนกันหรอ” ฟางอี้หลงเอ่ยถามสาวตรงหน้า เขาสนใจเธอ เธอสวยน่ารักนิสัยดีถูกใจเขา เธอจนแล้วยังไง ในเมื่อตระกูลของเขาก็ร่ำรวยติดอันดับสิบของมหาเศรษฐีเมืองแอลอยู่ดี เพราะฉะนั้นเขาจะเลือกคนที่ชอบไม่ได้เลือกคนที่ฐานะแน่นอน
“รอถามจ้าวซือซือก่อนนะ นั่นไงมาพอดี ซือซือ!!! ทางนี้” หลิวถิงถิงร้องเรียกเพื่อนรักที่กำลังเดินมาทางเธอ ตอนนี้จ้าวซือซือถือว่าเนื้อหอมอยู่ไม่น้อย เพราะมีทั้งรุ่นพี่และรุ่นเดียวกันตามขายขนมจีบเธออยู่ ก็เธอทั้งสวยและรวยมากไง ผู้ชายถึงได้สนใจ สำหรับจ้าวซือซือ ผู้ชายพวกนี้ก็เปรียบเหมือนกับแมลงที่มาสร้างความรำคาญให้เธอ
“รอนานไหมแม่เดือนคณะ” จ้าวซือซือเดินมาถึงก็เอ่ยแซวเพื่อนรักทันที ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ หลิวถิงถิง หลิวถิงถิง ไม่ใช่ผู้หญิงที่สูงมากมาย พอได้ยืนคู่กับผู้ชายคนนี้ดูเหมือนเสาร์ไฟฟ้ากับหลักกิโลไปเลย
“ไม่นานแม่เดือนนิเทศ เออ ซือซือ นี่ฟางอี้หลง ดาวคณะของเราเอง อี้หลงเป็นเพื่อนในคณะของเราด้วย” หลิวถิงถิง ไม่ลืมที่จะแนะนำเพื่อนทั้งสองคนให้รู้จักกัน
“หวัดดี ฟางอี้หลง หวังว่านายคงจะไม่ได้มาแอบจีบเพื่อนรักของฉันรักหรอกนะ ยัยถิงถิงยิ่งซื่อๆ อยู่ด้วย” คนตรงๆ อย่างจ้าวซือซือมีหรือจะมองคนไม่ออก และก็ไม่เคยพลาดที่จะพูดออกไป จนอีกฝ่ายหน้าเสีย ที่โดนเพื่อนรักของหญิงสาวที่ตนแอบชอบจับได้
“ปะ..เปล่า เราเป็นแค่เพื่อนกันน่ะ” เขาปฏิเสธไปทั้งๆ ที่ใจอยากจะบอกว่า ‘ใช่!! เขาชอบหลิวถิงถิง’ แต่ถ้าพูดออกไปตอนนี้ถิงถิงต้องรีบปฏิเสธไมตรีของเขาแน่ เพราะฉะนั้นเขาจะค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป
“แค่เพื่อนก็ดีแล้ว ถิงถิงยังเด็กอยู่ ถ้ามีแฟนตอนนี้ คุณชายซือเขาจะไม่ปลื้มเอา ว่าเด็กในอุปการะของตนนั้นใจแตกอยากมีแฟนทั้งๆ ที่ยังเรียนอยู่” ความตรงของจ้าวซือซือ หลิวถิงถิงนั้นไม่เคยถือสา เพราะเธอมักจะพูดแรงและพูดตรงๆ แบบนี้เสมอ เธอเห็นด้วยกับเพื่อนรัก ‘ใช่ ตอนนี้เธอต้องประพฤติตัวให้ดี ให้สมกับที่เขารับเธอไว้ในการดูแล ให้ทุนเธอได้เรียน และให้ทุนเธอได้ใช้ เขาเปรียบเสมือนผู้มีพระคุณของเธอแล้วตอนนี้
“ไม่ต้องห่วงหรอกนะจ้าวซือซือ เราจะยังไม่มีแฟนจนกว่าจะทำงานแล้วตอบแทนพระคุณของคุณชายซือ” หลิวถิงถิงเอ่ยออกมา โดยที่ไม่ได้รู้เลยด้วยซ้ำว่าในอนาคตเธอต้องตอบแทนคุณชายซือด้วยอะไร ก็เธอนะแสนจะต้อยต่ำ ต่างจากผู้ชายอย่างเขาราวฟ้ากับดิน