ตอนที่ 6
ดาราเนตรถามด้วยความหวั่นไหว เพราะไม่เคยทำบ้าอะไรอย่างนี้มาก่อนเลย ยามสบกับสายตาวามวาวก็พาให้สั่นไหวทั้งกายและใจ เผลอยื่นปลายลิ้นออกมาไล้เลียริมฝีปาก ขณะนิ้วก็ไกล่เกลี่ยเส้นผมหนานุ่ม ไล้วนลำคอแกร่งแผ่วเบาเพราะหักห้ามใจเอาไว้ไม่ได้ ไหนจะในความคิดที่มันย้อนนึกไปถึงคำพูดของจารุชาพาให้สองแก้มร้อนผ่าว
‘อื้อฮือ!’ ปรมัตถ์ร้องอู้ในลำคอ เพราะความใจกล้าของสาวน้อยตรงหน้า ชายหนุ่มใช้หลังมือสัมผัสกับพวงแก้มนุ่มสีแดงเรื่อ
ใบหน้าคร้ามแกร่งแต้มยิ้มละมุนละไม ในดวงตาก็ฉายแววหวานพร่างพราว นิ้วยาวเคลื่อนไล้ไปตามพวงแก้มนุ่ม จนถึงกลีบปากที่เพียงแค่สัมผัสก็รับรู้ถึงความนุ่มนิ่มจนอยากจะลองลิ้มชิมรสเสียจริงๆ
“อยากได้แบบไหนละหนูน้อย ผมจะได้จัดให้อย่างถูกใจ”
เขาจับรั้งปลายคางมน ลากไล้ปลายนิ้วบนกลีบปากอวบอิ่ม น่าสัมผัสที่ทำให้เขาอดใจไว้ไม่ได้ ค่อยๆ โน้มใบหน้าลงไปทีละน้อย
ดาราเนตรรู้สึกถึงเสียงของหัวใจที่กระหน่ำเต้นเมื่อลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดหน้าผาก เธอยื่นปลายลิ้นมาไล้เลียริมฝีปากอย่างไม่รู้ตัว
ปรมัตถ์อดจะยิ้มไม่ได้ เพราะคนที่ปากกล้ากลับตัวสั่นระริกจนเขาสัมผัสได้ ยามแนบจุมพิตลงไปบนกลีบปากอวบอิ่ม สัมผัสได้ถึงอาการสั่นสะท้านไหวจนเขาอดที่จะเอ็นดูและรู้สึกดีไม่ได้
ปรมัตถ์ขบเม้มกลีบปากอวบอิ่มนุ่ม...หวาน เหมือนกับเขาได้ลิ้มรสของน้ำหวานจากดอกไม้แรกผลิบานที่ทำให้ต้องบดคลึงลงไปอย่างหนักหน่วง
ดาราเนตรรู้สึกเหมือนในหูมีเสียงลั่นเปรี๊ยะ วูบวาบเหมือนกับถูกไฟช็อตจนกายอ่อนระทวย กลิ่นกายเขาให้ความรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก มันผิดแผกแตกต่างจากกลิ่นของผู้ชายคนนั้น คนที่ทำให้เธออึดอัดยามถูกผู้ชายมอง คนที่ทำให้ร่างกายเกิดอาการหวาดผวาและขยะแขยงยามคิดว่าจะถูกแตะต้อง ที่เมื่อเอาเข้าจริงๆ เธอรู้สึกดีมาก ๆ อยากให้อยู่แบบนี้ไปนาน ๆ
มือเล็กกำคอเสื้อชายหนุ่มไว้เพื่อช่วยพยุงตัวเองไม่ให้ล้ม ในหัวใจเต้นรัวเร็วเหมือนกับปืนกล การถูกจูบมันเป็นอย่างนี้เองเหรอ...
หวานนุ่มลิ้นเหมือนกับไปกินช็อกโกแลตที่ตอนแรกมันก็ขม ก่อนจะรับรู้ถึงความหวานที่หลอมละลายอยู่ในอุ้งปาก ไล่จากปลายลิ้นไปถึงโคนให้ติดตราตรึงอยู่มิคลาย พ่วงด้วยความร้อนเร่าเหมือนกับถูกเปลวเพลิงโหมลุกไหม้เผาผลาญเรือนกายจนแทบจะมอดไหม้
เขาชอบทำอะไรประเจิดประเจ้อเลย แต่คราวนี้ความหวานหอมกรุ่นที่ได้รับทำให้หลงลืมตัวไปชั่วขณะหนึ่ง เขากอดกระชับร่างนุ่มนิ่มเข้ามาแนบชิด เคลื่อนฝ่ามือไปตามแผ่นหลังเนียนนุ่ม กดรั้งลำคอระหงและท้ายทอยเพื่อดื่มด่ำกับจุมพิตรสหวานอย่างถนัดถนี่
ชายหนุ่มขบกัดกลีบปากบนและล่างอย่างอ่อนโยน พลางส่งอีกมือลูบไล้ไปตามเรือนกายกลมกลึง เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ดูเหมือนจะเป็นใจให้เขาได้ลูบไล้ผิวกายเนียนนุ่ม จากแผ่นหลังเรื่อยมาตามสีข้าง ขอบกางเกง ไล้วนรอบหน้าท้องแบนราบเรียบก่อนจะขยับเคลื่อนขึ้นไปครอบครองเนินเนื้ออวบอิ่มสล้าง
“อ๊ะ!” ดาราเนตรสะดุ้ง เมื่อรับรู้ถึงสัมผัสร้อนผ่าวที่นาบอยู่บนทรวงอก...เธอเสียววูบจากศีรษะจรดปลายเท้า มันเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ร่างกายมันก็อ่อนระทวยเหมือนกับขี้ผึ้งถูกลนด้วยไฟ
หญิงสาวเบี่ยงหนีจุมพิตที่บดคลึงลงมาอย่างหนักหน่วง ทำให้หัวใจสาวหวั่นไหวและบอกให้รู้ว่า เธอไม่ได้เกลียดสัมผัสของชายคนนี้ รู้สึกดีเวลาที่เขาลูบไล้ฝ่ามือไปทุกแห่งของกายสาว
แต่แสงแดดที่แผดจ้ากับเสียงกระซิบที่ดังอยู่ในหัว ทำให้เธอต้องรีบห้ามความรู้สึกชวนวาบหวามปั่นป่วน
ดาราเนตรพยายามผลักดันกายแกร่งให้ถอยห่าง แต่ก็ทำไม่ได้ มิหนำซ้ำยังถูกกอดรัดแนบชิด ถูกปลุกเร้าด้วยสัมผัสชวนวาบหวามอย่างที่ไม่เคยได้เจอมาก่อน จนเผลอร้องออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“อื้อ…” ดาราเนตรพยายามหักห้ามความรู้สึกที่เกิดขึ้น ทว่าสิ่งที่ได้รับมันช่างอ่อนหวานระคนเร่าร้อนเสียจนต้องแอ่นกายให้
ลำตัวกลมกลึงแอ่นโค้ง เมื่อปทุมถันอวบอิ่มถูกจับต้องเคล้นคลึงจนปลายยอดถันหดเกร็ง ไหนจะกลีบปากอวบอิ่มที่ถูกบดคลึงขบกัดบดเบียดจนสองกลีบปากนุ่มเผยแย้ม เพื่อเรียวลิ้นสากจะได้สอดแทรกเข้าไปตวัดไล้ตามไรฟันซี่เล็ก กระพุ้งแก้มนุ่ม ลากไล้พลิกพลิ้วกระหวัดเกี่ยวกับลิ้นเล็กๆ จากปลายจรดโคนทำเอาคนตัวเล็กถึงกับสั่นสะท้านเหมือนกับคนที่ก้าวขึ้นไปยืนอยู่บนปากเหว
“ว้าย! ตายแล้ว บัดสีบัดเถลิงจริง ๆ ” คนทักยกมือยกขึ้นปิดปากอย่างเร็ว เพราะเห็นข้อความบนหน้าหนังสือพิมพ์ ทำให้เธอเร่งรุดขับรถมาและเลือกที่จะใช้ทางลัดเพื่อให้ถึงที่หมาย จะได้คุยกับดาราเนตรให้รู้เรื่อง มันเรื่องอะไรกัน ไม่มีปัญญาหาสามีแล้วหรือไง ถึงได้ทำตัวไร้ยางอายถึงขั้นประกาศหาเรื่องชวนบัดสีให้คนอื่นเขาอายไปด้วย
“คิดไม่ถึงจริง ๆ หลานสาวเจ้าของบ้านนี้จะหน้าไม่อาย ยอมให้ผู้ชายกอดจูบกลางถนนกลางวันแสก ๆ นี่ถ้าฉันไม่ผ่านมา เธอไม่ยอมให้มันนอนด้วยบนถนนหรือไงดาราเนตร!”
ฉากเด็ดที่เธออยากเอาไปป่าวประกาศถึงความหน้าไม่อายของญาติสาวที่เธอไม่เคยนับเป็นญาติ แต่ทำไม่ได้ เพราะถ้าพูดไป คนจะกล่าวหาว่าเธออิจฉาริษยาดาราเนตร ถึงได้เอาเรื่องไม่ดีไม่จริงไปพูด
น้ำเสียงที่ดังมาคุ้นหู...ไม่ต้องบอกดาราเนตรก็รู้ว่าใคร แต่ก็ดีที่พีชาริกามาทัน ก่อนเธอจะเผลอตัวเผลอใจไปกับสัมผัสวาบหวิวมากไปกว่านี้ หญิงสาวกายแกร่งให้ถอยห่างไปโดยฉับพลัน แต่ปรมัตถ์ไม่ยอม เขาเบี่ยงตัวออกเล็กน้อย แต่ยัดกอดกระชับกายกลมกลึงเอาไว้
“ใครนะคุณ หน้าตาก็สวยดีอยู่นะ แต่ปากเสียจัง แล้วดูท่าทางจะเกลียดคุณเข้าไส้เลยนะนั่น ถึงได้จ้องคุณและผมด้วยสายตาอย่างกับจะฆ่าจะแกงกันอย่างนั้นแหละ”
ดาราเนตรมองญาติสาวที่เห็นเธอเป็นศัตรูคู่อาฆาตที่เจอกันเมื่อไหร่จำเป็นต้องยื่นมีดมาทิ่มแทงให้ได้รับบาดแผลเสียทุกครั้งไปสายตาเย็นชา
“ฮื่อ...นั่นลูกพี่ลูกน้อง ญาติห่าง ๆ ไกลแสนไกล...กันจนนับสายไม่ถูกของฉันเองแหละ เป็นคนที่ไม่ชอบทุกคนที่ดีกว่าตัวเอง”
ดาราเนตรตอบกลับน้ำเสียงเอือมระอาระคนหงุดหงิดที่นายตัวร้ายดันไปชมคู่แค้นของเธอว่าสวย เมื่อเบี่ยงตัวออกไม่ได้ก็เอนตัวอิงอกกว้างเผื่อจะใช้นายปากเสียเป็นเครื่องมือเตะโด่งพีชาริกาไปให้ไกลๆ ห่างไปสักสิบโยชน์พันโยชน์เลยยิ่งดี
ดาราเนตรยกมือขึ้นสอดไขว้ระหว่างอก เรียวปากอิ่มคลี่ยิ้มที่ทำให้คนถูกมอง...ร้อนได้
“มาทำไมนะริกา ยังไม่ได้จุดธูปเชิญสักหน่อย”
ดาราเนตรเบะปาก อกพีชาริกาใหญ่เกือบจะเท่าลูกมะพร้าวแต่เอวกลับเล็กนิดเดียว แล้วยังจะใส่เสื้อผ้าเปิดโน่นเปิดนี่ ทำอย่างกับว่าผู้ชายเขาจะไม่เห็นอย่างนั้นแหละ ว่ามีของดีที่ไม่รู้ว่าถูกใครเฉาะกินไปบ้างแล้ว ก็ตั้งแต่โตเป็นสาวมานี่เธอได้ยินคุณตาบ่นว่าพีชาริกาทำงามหน้า ควงผู้ชายไม่ซ้ำคน ชอบไปค้างอ้างแรมที่อื่น ยั่วแม้กระทั่งผู้ชายที่เขามีเมียแล้ว
“ช่วยหน่อยนะคุณ ฉันไม่อยากถูกยายปากเสียนี่ด่าโดยไม่โต้ตอบ” ดาราเนตรกระซิบกระซาบกับคนที่เธอพยายามแกะแขนออกจากเอว แต่เมื่อทำไม่ได้ ก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลย เธอไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบง่าย ๆ หรอกนะ มีโอกาสจะเอาคืนให้เจ็บเชียว!
“จะให้ผมช่วย ผลตอบแทนมันก็จะต้องคุ้มค่าหน่อย”
“หือ...” ดาราเนตรเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มเล็กน้อย “ฉันคงยังตัดสินใจไม่ได้หรอกนะ จะต้องขึ้นอยู่กับความสามารถของคุณนั่นแหละ ทำให้ฉันพอใจได้มากแค่ไหน เหมาะสมกับตำแหน่ง...ผัวชั่วคราว! หรือเปล่า”